xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้องนายกฯ-ตร.ทำคดีพันธมิตรฯสู้ถึงที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พันธมิตรฯย้ำไม่หนี ไม่ถอย พร้อมไปตามหมายเรียก16 ก.ค.นี้ ลั่นเตรียมฟ้องกลับกราวรูดตั้งแต่ตำรวจผู้ทำคดียันนายกฯ ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กลั่นแกล้งตั้งข้อหาแรงเกินจริง ข้องใจ"มาร์ค" เป็นถึงนายกฯไม่รู้ข้อกฎหมายได้อย่างไร เผยร่างคำฟ้องไว้แล้ว ด้านโฆษกพันธมิตรฯ ยันจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นบทเรียนให้กับสังคม "มหาจำลอง" ยันไม่เคยวิตก ชี้ถูกกระทำมากไป

เมื่อเวลา 18.00 น. วานนี้ (9ก.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงภายหลังการประชุมร่วมกันบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ หลังจากพนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ฐานเป็นผู้ก่อการร้ายในการจัดชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองว่า ข้อกล่าวหาที่ทางพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาว่าผู้ชุมนุมทั้ง 36 คน ที่แบ่งเป็น 2 คดี คือที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองนั้น เห็นว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯทั้ง 2 แห่ง เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และมิได้เป็นไปตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 (2) ที่ระบุว่า กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ (3) การกระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใดหรือต่อสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิด หรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ
ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ หรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำ หรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วน เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลาดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาท ถึงหนึ่งล้านบาท การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ หรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตาม รัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย
"ซึ่งจากการชุมนุมของพันธมิตรฯเราก็ไม่ได้ไปทำลายระบบของสนามบิน หรือรันเวย์ เรายังยึดหลักการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และไม่ได้อยู่ในฐานของผู้ก่อการร้าย ซึ่งตำรวจที่ตั้งข้อกล่าวหาก็รู้เรื่องเป็นอย่างดี แต่ก็ยังตั้งข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ โดยในการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลในช่วง 193 วัน ก็เป็นการประท้วงที่อยู่ในกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พันธมิตรฯ มีเจตนาที่จะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 237 และ309 เพื่อฟอกผิดให้ตัวเองของรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเราได้ออกแถลงการณ์เตือนไปหลายฉบับแล้ว แต่ก็ยังที่จะดึงดันแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล ที่ผ่านมาเรายืนยันว่าเราชุมนุมใช้หลักอหิงสา ปราศจากอาวุธ ตลอดระยะเวลาการชุมนุม ซึ่งถ้าย้อนไปคดีก่อนหน้านี้ ที่พันธมิตรฯ ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ เราก็ได้ต่อสู้คัดค้านอย่างเต็มที่ ซึ่งศาลในชั้นอุทธรณ์ ก็ได้ยกฟ้องว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อยลอย " ทนายพันธมิตรฯกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันที่16 ก.ค. ที่เจ้าพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ชุมนุมทั้ง 36 คน นั้น เราทุกคนยืนยันว่า จะไป ไม่หนีไปไหนทั้งสิ้น และพร้อมที่จะไปตามหมายเรียกดังกล่าว แล้วจะทำการยื่นหนังสือใช้สิทธิโต้แย้งในทุกข้อกล่าวหาที่เห็นว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ยัดเยียดเป็นเท็จทั้งหมด และจะฟ้องกลับทุกข้อกล่าวหาอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะฟ้องกลับใน มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และ มาตรา 200 ฐานเป็นการกลั่นแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ และพันธมิตรฯ จะสู้ทุกทาง เพื่อให้เกิดความถูกต้องในสังคม โดยเรื่องดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ดูแลฝ่ายความมั่นคง จะบอกว่าไม่รู้ข้อกฎหมายไม่ได้ ซึ่งหลายสิ่งที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหามานั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ในเรื่องดังกล่าว เราก็มีสิทธิที่จะฟ้องกลับนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลยที่ 1 อีกด้วย
"ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาตีความกฎหมายอาญาให้ใหญ่กว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไม่ได้ ซึ่งพันธมิตรฯ ได้ชุมนุมกันอยู่ในกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 และ 70 ซึ่งเป็นไปด้วยความสงบ และเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยเราทั้งหมดจะไปตามหมายเรียกในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เวลา 09.30น. เพื่อรอว่าทางเจ้าพนักงานสอบสวนจะมีคำสั่งมาว่าอย่างไร แต่ในส่วนของเราใช้สิทธิในการโต้แย้ง รวมถึงเตรียมร่างคำฟ้องเพื่อนำไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา และศาลปกครองต่อไป"
ด้านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกเจ้าพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก กล่าวว่า คดีดังกล่าวพันธมิตรฯไม่ได้มีความวิตกกังวล และไม่คิดที่จะหนีคดีแต่อย่างใด ทั้งนี้ที่เราได้มาประชุมกันเพราะเห็นว่าพันธมิตรฯ ถูกกระทำมากเกินไป ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพนักงานสอบวน จะมากล่าวหาใครก็ได้ ซึ่งพันธมิตรฯ และผู้ชุมนุมก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจในทางมิชอบ ได้ฟ้องเราขั้นร้ายแรงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ที่ไม่ใช่แค่ข้อกล่าวหาสถานเบา แต่มีโทษถึงการประหารชีวิต และพันธมิตรฯ จะฟ้องกลับทุกคนที่มีส่วนร่วมในการออกข้อกล่าวหาที่แรงเกินจริงดังกล่าวอย่างแน่นอน
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดของตำรวจเป็นข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ ที่พยายามจะยัดเยียดให้กับพันธมิตรฯ ทั้งที่ความเป็นจริงการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่ผ่านมาเพื่อคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ และขับไล่นักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้อง อีกทั้งมีความพยายามปรับโครงสร้างพระราชอำนาจ และล้มล้างองคมนตรี ซึ่งเราถือว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ที่มีสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เป็นการชุมนุมโดยอหิงสา แม้ภายหลังเราจะยกระดับการต่อสู้ขึ้น แต่เพราะรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้พยายามที่จะทำผิดรัฐธรรมนูญในหลายๆเรื่อง ทำให้เราต้องปรับรูปแบบ วิธีการเรียกร้อง
ดังนั้นในการหารือกันครั้งนี้ แกนนำพันธมิตรฯ เห็นว่าเราจะโต้แย้งทุกข้อกล่าวหาที่ตำรวจตั้งให้เรา และจะฟ้องร้องตำรวจ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่พยายามจะยัดเยียดข้อกล่าวหาให้พันธมิตรฯ ทั้งในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ทั้ง 36 คน ที่ถูกตำรวจตั้งข้อหาจะเดินทางไปรายงานตัวตามหมายเรียก แต่เราจะใช้สิทธิเพื่อยื่นหนังสือโต้แย้งในทุกข้อกล่าวหาที่เห็นว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ยัดเยียด เป็นเท็จทั้งหมด เพื่อเป็นบทเรียนให้กับสังคมว่า สิ่งใดที่ประชาชนควรจะทำได้ หรือทำไม่ได้ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม สำหรับช่องทางในการฟ้องร้องกับตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวหาพันธมิตรฯนั้น ยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่จะดำเนินการในทุกช่องทางตามกฎหมาย ทั้งศาลปกครอง ศาลอาญา ที่เราเห็นว่าจะดำเนินการได้ ดังนั้นคนที่รู้ตัวก็เตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะพันธมิตรฯ ยืนยันจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ขอให้พันธมิตรฯ ทุกคนไปร่วมกันให้มาก เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย หรือกระทำการละเมิดรัฐธรรมนูญอย่างที่ถูกกล่าวหา เราชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธมา193 วัน เมื่อเราเห็นว่าขบวนการที่พยายามล้มรัฐธรรมนูญได้ถูกดำเนินการไปแล้วเราก็สลายการชุมนุมทันที
นอกจากนี้ประเด็นการปิดสนามบิน ก็อยากให้ทบทวนกันด้วยว่า ใครกันแน่ที่เป็นผู้ดำเนินการสั่งให้ปิดสนามบิน ทั้งที่พันธมิตรฯ ยังเดินทางไปไม่ถึงสนามบินด้วยซ้ำ แต่กลับสั่งปิดสนามบินเองทั้งที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม แต่กลับกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของพันธมิตรฯ ในขณะเดียวกันพันธมิตรฯ เป็นฝ่ายเรียกร้องให้มีการเปิดใช้สนามบินด้วยซ้ำ ซึ่งเราก็จะฟ้องร้องกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งให้ปิดสนามบินเช่นกัน

“พัชรวาท”ชี้พันธมิตรฯมีสิทธิฟ้องกลับ
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ จะฟ้องกลับ เพื่อดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน ที่แจ้งข้อหาก่อการร้าย เนื่องจากเป็นการแจ้งข้อหาเกินกว่าเหตุว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ไม่เป็นห่วงอะไร เพราะพนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจในการพิจารณาพยานหลักฐานต่างๆ อย่างรอบคอบ และจากการสอบถามพนักงานสอบสวน ทราบว่าทุกอย่างเข้าองค์ประกอบในการกระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่หนึ่งในผู้ต้องหาเป็นถึงรัฐมนตรี จะมีการดูแลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ในฐานะพนักงานสอบสวน ก็ดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.
อย่าให้ประเทศไร้ซึ่งความเป็นนิติรัฐเพราะข้อหาการก่อการร้าย
บทความนี้ผู้เขียนมีเจตนาที่จะเสนอบทความทางวิชาการเพื่อให้ข้อคิดแก่ประชาชนและบุคคลซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่และอยู่ในฐานะเป็นบุคคลชนชั้นของการเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน ผู้เขียนไม่มีเจตนาฝักใฝ่ในทางการเมืองแต่อย่างใด แต่มีวัตถุประสงค์ให้ผู้รับผิดชอบในการทำหน้าที่เป็นองค์กรของรัฐในการบริหารราชการแผ่นดินได้ตระหนักถึงภาวะหน้าที่ที่จะต้องรักษา “รัฐ”หรือ”ประเทศ” ให้คงมีสถานะของการเป็นนิติรัฐโดยต้องจรรโลงไว้ซึ่งความยุติธรรมอันเป็นหน้าที่ของการบริหารราชการแผ่นดินที่ต้องกระทำตามหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น