xs
xsm
sm
md
lg

อภิสิทธิ์ VS ทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: ว.ร. ฤทธาคนี

ในสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงทั้งภายนอกและภายในประเทศ รวมทั้งการรุมเร้าจากภัยเศรษฐกิจและภัยจากโรคาพยาธิไข้หวัดใหญ่ 2009 ทำให้การดำเนินการทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วัย 44 ปีกว่า เป็นเรื่องที่ท้าทายมากที่สุดคนหนึ่งในบรรดานายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยที่มีภัยคุกคามต่างกัน ต่างระดับความเข้มข้น และระดับความเสี่ยง โดยหากจะเปรียบเทียบว่านายกรัฐมนตรีที่บริหารประเทศง่ายที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา คงจะพ้นภาวะผู้บริหารประเทศของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของทักษิณ ที่ว่าราชการง่ายที่สุด นั่นก็คือไม่ได้ใช้ความคิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ความคิดของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เกิดจากความคิด 3 ส่วน

ส่วนที่ 1 ได้รับอิทธิพลการสั่งการจากทักษิณโดยตรง หรือทางอ้อมผ่านทางนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยาและเป็นน้องสาวทักษิณ ส่วนที่ 2 ได้จากกกลุ่มอิทธิพลทางการเมืองในอดีตพรรคพลังประชาชน ที่เป็นฐานของทักษิณโดยตรง และส่วนที่ 3 ได้จากกลุ่มที่มีอำนาจต่อรองทางการเมืองลักษณะอันธพาล อนาธิปไตย และกลุ่มที่ต่อต้านอำมาตยาธิปไตย ซึ่งทั้งทักษิณ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องฟังและทำตามเพื่อยุทธศาสตร์แสวงจุดร่วมเชิงผลประโยชน์หรือต้องมีพวกนี้ไว้เป็นฐาน และทำงานสกปรกให้ เช่น

การเข่นฆ่าสมาชิกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรืออาการและพฤติกรรมความก้าวร้าวสร้างบรรยากาศต่อต้านประณาม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รวมทั้งการสร้างกระแสให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นรุนแรงหลังจากการเปิดสงครามการเมืองของทักษิณที่มีสาวกนำโดยนายวีระ มุกสิกพงศ์ นายเหวง โตจิราการ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

คำถามส่วนใหญ่ของสาธารณชนมักจะมีข้อกังขาตรงที่ว่า อุดมการณ์ของบุคคลเหล่านี้คืออะไร ซึ่งมักจะมีคำตอบจากนักวิชาการเชิงจิตวิทยาการเมือง คือ เงิน ความแค้นเกิดจากปมด้อย และความต้องการอำนาจ

เมื่อประมวลภาวะแวดล้อมทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ก็รู้ว่า ภาวการณ์ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังเผชิญอยู่นั้น เป็นแรงต้าน (Friction) ขั้นสูงสุดเหมือนกับภาวะของโลกในยุค ค.ศ. 1930 เมื่อโลกเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย และประเทศสยามขณะนั้นในยุครัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงต้องรับภาระหนัก อันเป็นผลจากเงินคงคลังอยู่ในระดับต่ำ และโลกประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจทำให้พระองค์ต้องทรงจำยอมลดรายได้ของพระองค์และราชวงศ์ และลดค่าใช้จ่ายของรัฐ รวมทั้งนโยบายสร้างดุล หรือข้าราชการเรียกว่า “ถูกดุล” เพราะถูกให้ออกจากราชการ

ภาวะผู้นำจึงเป็นเรื่องสำคัญและต้องวิเคราะห์โดยการใช้หลักเปรียบเทียบจากข้อมูลเชิงพฤติกรรม ความสามารถ และการถูกเลี้ยงดู รวมทั้งอิทธิพลของสังคมที่หล่อหลอมชีวิต ซึ่งในที่นี้หากจะต้องวิเคราะห์ภาวะผู้นำที่กำลังอยู่เบื้องหน้า และเบื้องหลังการเมืองไทยก็คงไม่พ้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับทักษิณ

ทั้งสองมีชาติกำเนิดที่แตกต่างกันตรงที่ว่า นายอภิสิทธิ์ เกิดในวงศ์ตระกูลแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีคุณธรรม ความเมตตาสูง และต้องใช้หลักวิชาการและเหตุผลในการดำเนินอาชีพและการดำรงชีวิต ความคิดไม่เอาเปรียบคนไข้น้อยมาก นอกจากนั้นแล้ว บิดายังเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะเจ้ากระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีโอกาสที่จะทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างเช่น อดีตรัฐมนตรี นายรักเกียรติ สุขชนะ กระทำการทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์จนติดคุก และในตำแหน่งนี้สามารถที่จะกระทำการทุจริตการก่อสร้างก็ย่อมได้

ส่วนทักษิณ เกิดมาในตระกูลนักธุรกิจการเมืองหมายถึง เล่นการเมืองเพื่อจะทำธุรกิจได้คล่อง หรือทำธุรกิจเพื่อซื้ออำนาจทางการเมืองโดยบิดาทักษิณทำธุรกิจหลายอย่าง และลงเล่นการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ล้มเหลว ส่วนตัวทักษิณนั้น ก็ได้ช่วยครอบครัวทำธุรกิจแบบลูกช่วยพ่อ แต่บิดารู้ว่าการเป็นตำรวจนั้นเป็นกลไกสำคัญในการทำธุรกิจ และการเล่นการเมือง เพราะตำรวจมีอำนาจรัฐสมบูรณ์แบบ

เห็นได้ว่า ในห้วง พ.ศ. 2523 ทักษิณ ประกอบธุรกิจควบคู่ไปกับการรับราชการตำรวจ หรือจะสรุปได้ว่า ทักษิณ มิได้มุ่งมั่นที่จะรับราชการอย่างจริงจังกลับมุ่งที่จะทำการค้าเป็นหลัก เช่น ค้าขายผ้าไหมของธุรกิจครอบครัว ทำการค้าบันเทิงและกิจการโรงภาพยนตร์ รวมทั้งซื้อขายคอนโดมิเนียม แต่กลับล้มเหลวเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว อันน่าจะเป็นสาเหตุต้องให้แสวงหาหลักทางการเมืองโดยเข้าเป็นตำรวจติดตามนักการเมืองโดยการแนะนำของบิดา และความล้มเหลวทางธุรกิจหรือการล้มเหลวในการประมูลงานของกรมตำรวจ ทำให้ต้องออกจากราชการเพื่อที่จะได้ทำธุรกิจโดยตรงโดยมีอิทธิพลทางการเมืองและเครือข่ายอำนาจรัฐหนุนหลัง

การหล่อหลอมทางการศึกษานั้น นายอภิสิทธิ์ ผ่านการศึกษาชั้นปฐมแบบสมัยใหม่ที่สอนกันในโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้วกลับเข้าสู่การศึกษาแบบอังกฤษที่โรงเรียนอีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกที่มีระบบการปกครองระหว่างนักเรียนแบบประชาธิปไตย มีกิจกรรมการต่อสู้เชิงการเมือง แต่มีวินัย มีระบบอาวุโส มีระบบการช่วยเหลือตัวเอง แต่ต้องไม่เห็นแก่ตัว ต้องไม่คดโกง ไม่ขโมยของ อีตันเป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเรียนอยู่ที่นี่

แต่ที่สำคัญ อีตัน มีชมรมโต้วาที จึงเป็นเวทีเปิดสำหรับนักเรียนที่สนใจการโต้วาที และเป็นเวทีการฝึกคิดประชาธิปไตยแบบรัฐสภา หรือใช้ระบบรัฐสภาในการดำเนินการโต้วาที ซึ่งหัวข้อส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และประวัติศาสตร์ผู้นำโลกตามแบบโรงเรียนประจำของอังกฤษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ทักษิณ เล่นการเมืองใน พ.ศ. 2537 เมื่อ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หลงในรูปแบบของทักษิณที่สร้างภาพความจริงจังมุ่งมั่น อันเป็นของใหม่ในสังคมการเมืองไทย และการหลงใหลนี้มิได้เกิดกับ พล.ต.จำลอง เพียงคนเดียวแต่เกิดกับคนไทยมากมาย ซึ่งต้องอกหักอย่างรุนแรงใน พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ กลับยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ชอบธรรม ที่ต้องกัดลิ้นตนเองแต่ความถูกต้องยังดำรงอยู่ เช่น กรณีที่ดิน ส.ป.ก. 4-01ซึ่งเป็นความอัปยศของพรรคประชาธิปไตย ซึ่งนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ

การเปรียบเทียบของคนสองคน ซึ่งอาจจะสรุปได้ในลักษณะนี้ แต่สาธารณชนสามารถขยายผลจากการหาข้อมูลเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมภาวะผู้นำเชิงคุณธรรมอันเป็นหนทางเดียวที่จะนำพาประเทศพ้นภัยจากความแตกแยกของชนในชาติได้ หรือสรุปได้ว่าคนเรียนเศรษฐศาสตร์และการเมืองโดยตรงก็น่าที่จะได้รับความเลื่อมใสจากชาวโลกได้ดีพอประมาณกว่านักการเมืองที่อยู่ในระบบลองผิด ลองถูก คดโกง เจ้าเล่ห์ และเอาเปรียบเพื่อนร่วมชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น