ASTVผู้จัดการรายวัน-ปมเงินส่วนต่างราคาอ้อย ส่อปัญหาบานปลาย ตัวแทนชาวไร่29สถาบัน นัดแถลงข่าวกดดัน ก่อนบุกกระทรวงอุตฯ 9 ก.ค.นี้ พบ”ดำริ” เหตุไม่ชี้ขาดแบ่งส่วนต่างใช้หนี้ ธ.ก.ส. ขณะที่ชาวไร่อ้อนยต้องการรับเงินทั้งหมด
รายงานข่าวแจ้งว่า นายประเสริฐ ตปนียางกูรเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) ยังไม่สามารถสรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลลทราย(กอน.) ที่มีนายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้ได้ว่า กอน. มีความเห็นอย่างไร กรณีที่ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศเรียกร้องให้ 47 โรงงานน้ำตาล นำเงินส่วนต่างของราคาอ้อยขั้นสุดท้ายที่สูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้น ปี50/51จำนวน 34 บาทต่อตันหรือรวมทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาทคืนให้ชาวไร่อ้อย ทั้งๆที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนดว่าราคาอ้อยที่มีส่วนต่างดังกล่าวเกิดขึ้นต้องส่งมอบให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) เพื่อให้กท.นำไปชำระหนี้เงินกู้ที่ชาวไร่กู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.)มาก่อนหน้านี้ประมาณ15,000 ล้านบาท
ซึ่งสาเหตุที่นายดำริ ไม่ยอมให้มีการสรุปรายงานว่า ไม่ต้องให้ชาวไร่อ้อยใช้หนี้ธ.ก.ส.และให้โรงงานจ่ายคืนให้ชาวไร่ เพราะถือว่ามีมติครม.กำหนดไว้แล้วหากจะไม่ชำระหนี้คืนกอน.ก็จะต้องเสนอให้นายชาญชัย ชัยรุ่งเรืองรมว.อุตสาหกรรมเสนอเรื่องให้ครม.แก้ไขมติครม.ก่อนหน้านี้ก่อน และจะทำให้ชาวไร่ผิดวินัยในการชำระหนี้ธ.ก.ส. ซึ่งนายดำริ จะต้องเข้าไปชี้แจงในครม.ว่าเหตุใดไม่ต้องชำระหนี้ ซึ่งคาดว่ากระทรวงการคลังจะต้องไม่ยินยอมให้ไม่ต้องมีการชำระเงินอย่างแน่นอน
โดยเรื่องนี้นายดำริเคยกล่าวในที่ประชุม กอน.ว่า ควรพบกันครึ่งทางคือ 17 บาทต่อตันอ้อย ให้นำไปใช้หนี้อีก17บาทที่เหลือก็สามารถคืนให้ชาวไร่ได้แม้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ตาม แต่ยังพอจะมีน้ำหนักให้ครม.รับฟัง แม้ว่าก่อนหน้านี้นายชาญชัยจะนำชาวไร่อ้อยไปพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงเรื่องนี้และนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวว่า ถ้าชาวไร่ไม่มีภาระหนี้สินที่ต้องชำระก็สามารถคืนเงินดังกล่าวให้ชาวไร่ได้ แต่หากมีภาระหนี้สินก็ขอให้มีวินัยทางการเงินที่ต้องชำระหนี้ของธ.ก.ส.ด้วย และได้สั่งการให้กอน.ทำหนังสือชี้แจงมาเพื่อเสนอให้ครม.พิจารณา
อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ นายดำริได้ยืนยันว่าตามระเบียบของ กท.ยังกำหนดให้ตั้งแต่ปีการผลิต52/53 รายได้จากการขายอ้อยของชาวไร่ไม่ว่าจะมีส่วนต่างราคาหรือราคาเป็นอย่างไรก็จะต้องถูก กท.หักเงินไว้ตันละ15บาทเพื่อนำไปใช้หนี้ธ.ก.ส.จนกว่าภาระหนี้จะหมดลงอีกด้วยดังนั้นหากไม่เริ่มชำระหนี้ก็จะไม่สามารถกู้เงิน ธ.ก.ส.ได้อีกในอนาคตแต่ชาวไร่ก็ยังยืนยันว่าต้องการเงินดังกล่าวเพื่อใช้เสริมสภาพคล่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ตัวแทนสถาบันชาวไร่อ้อย 29 สถาบันได้นัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าวเพื่อกดดันนายดำริ โดยหลังจากแถลงข่าวตัวแทนทั้ง 29สถาบันชาวไร่อ้อยก็จะเดินทางมาพบเพื่อกดดันนายดำริ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมในวันที่ 9 ก.ค.นี้ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า นายประเสริฐ ตปนียางกูรเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) ยังไม่สามารถสรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลลทราย(กอน.) ที่มีนายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้ได้ว่า กอน. มีความเห็นอย่างไร กรณีที่ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศเรียกร้องให้ 47 โรงงานน้ำตาล นำเงินส่วนต่างของราคาอ้อยขั้นสุดท้ายที่สูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้น ปี50/51จำนวน 34 บาทต่อตันหรือรวมทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาทคืนให้ชาวไร่อ้อย ทั้งๆที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนดว่าราคาอ้อยที่มีส่วนต่างดังกล่าวเกิดขึ้นต้องส่งมอบให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) เพื่อให้กท.นำไปชำระหนี้เงินกู้ที่ชาวไร่กู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.)มาก่อนหน้านี้ประมาณ15,000 ล้านบาท
ซึ่งสาเหตุที่นายดำริ ไม่ยอมให้มีการสรุปรายงานว่า ไม่ต้องให้ชาวไร่อ้อยใช้หนี้ธ.ก.ส.และให้โรงงานจ่ายคืนให้ชาวไร่ เพราะถือว่ามีมติครม.กำหนดไว้แล้วหากจะไม่ชำระหนี้คืนกอน.ก็จะต้องเสนอให้นายชาญชัย ชัยรุ่งเรืองรมว.อุตสาหกรรมเสนอเรื่องให้ครม.แก้ไขมติครม.ก่อนหน้านี้ก่อน และจะทำให้ชาวไร่ผิดวินัยในการชำระหนี้ธ.ก.ส. ซึ่งนายดำริ จะต้องเข้าไปชี้แจงในครม.ว่าเหตุใดไม่ต้องชำระหนี้ ซึ่งคาดว่ากระทรวงการคลังจะต้องไม่ยินยอมให้ไม่ต้องมีการชำระเงินอย่างแน่นอน
โดยเรื่องนี้นายดำริเคยกล่าวในที่ประชุม กอน.ว่า ควรพบกันครึ่งทางคือ 17 บาทต่อตันอ้อย ให้นำไปใช้หนี้อีก17บาทที่เหลือก็สามารถคืนให้ชาวไร่ได้แม้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ตาม แต่ยังพอจะมีน้ำหนักให้ครม.รับฟัง แม้ว่าก่อนหน้านี้นายชาญชัยจะนำชาวไร่อ้อยไปพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงเรื่องนี้และนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวว่า ถ้าชาวไร่ไม่มีภาระหนี้สินที่ต้องชำระก็สามารถคืนเงินดังกล่าวให้ชาวไร่ได้ แต่หากมีภาระหนี้สินก็ขอให้มีวินัยทางการเงินที่ต้องชำระหนี้ของธ.ก.ส.ด้วย และได้สั่งการให้กอน.ทำหนังสือชี้แจงมาเพื่อเสนอให้ครม.พิจารณา
อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ นายดำริได้ยืนยันว่าตามระเบียบของ กท.ยังกำหนดให้ตั้งแต่ปีการผลิต52/53 รายได้จากการขายอ้อยของชาวไร่ไม่ว่าจะมีส่วนต่างราคาหรือราคาเป็นอย่างไรก็จะต้องถูก กท.หักเงินไว้ตันละ15บาทเพื่อนำไปใช้หนี้ธ.ก.ส.จนกว่าภาระหนี้จะหมดลงอีกด้วยดังนั้นหากไม่เริ่มชำระหนี้ก็จะไม่สามารถกู้เงิน ธ.ก.ส.ได้อีกในอนาคตแต่ชาวไร่ก็ยังยืนยันว่าต้องการเงินดังกล่าวเพื่อใช้เสริมสภาพคล่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ตัวแทนสถาบันชาวไร่อ้อย 29 สถาบันได้นัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าวเพื่อกดดันนายดำริ โดยหลังจากแถลงข่าวตัวแทนทั้ง 29สถาบันชาวไร่อ้อยก็จะเดินทางมาพบเพื่อกดดันนายดำริ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมในวันที่ 9 ก.ค.นี้ด้วย
