ASTVผู้จัดการรายวัน-ประชาชนโวยหมู-ไก่ ราคาแพงโอเว่อร์ ทั้งๆ ที่ต้นทุนทุกอย่างลด ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัตว์ ราคาน้ำมัน เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งที่ผู้ประกอบการเคยยืนยันจะลดราคาตั้งแต่มิ.ย.ที่ผ่านมา “พาณิชย์”เตรียมส่งเจ้าหน้าที่เตือนตลาดที่ยังขายแพง
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า มีประชาชนได้ร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 อย่างต่อเนื่องว่า สินค้าอาหารสด หลายรายการมีราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะเนื้อสุกรทรงตัวที่กก.ละ 125-130 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการยืนยันว่าหมูจะปรับลดราคาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาก็ตาม ซึ่งจากการสำรวจราคาเนื้อสุกรตลาดสดกรุงเทพฯ เช่น ตลาดยิ่งเจริญ บางกะปิ วงเวียนใหญ่ พบว่าราคาอยู่ที่ กก.ละ 125-130 บาท แพงกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์สำรวจที่ กก.ละ 115-120 บาท
ส่วนเนื้อไก่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นับจากที่ชาวบ้านหันมาบริโภคเพิ่มทดแทนเนื้อหมูที่มีราคาแพง โดยก่อนหน้านี้ราคา เนื้อไก่เฉลี่ย กก.ละไม่เกิน 60 บาท แต่เมื่อเดือน มิ.ย.ราคาขยับขึ้นที่กก.ละ 60-61 บาท และจนถึงปัจจุบันเพิ่มเป็น กก.ละ 65 บาท โดยราคาประกาศกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่าไก่สดทั้งตัว กก.ละ 60-62 บาท เนื้ออก 70-72 บาท น้องสะโพก 60-65 บาท
ทั้งนี้ ราคาอาหารหมวดเนื้อสัตว์ในปีนี้มีราคาแพงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมาก ทั้งที่ต้นทุนการผลิตทั้งอาหารสัตว์ รวมถึงราคาน้ำมันลดลงจากปีก่อนกว่าเท่าตัว โดยสุกรชำแหละเนื้อแดง เดือน ก.ค.ปีที่แล้วเฉลี่ย กก. ละ 105.71 บาท แต่ปีนี้อยู่ที่ 120 บาท ไก่สดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) กก.ละ 59.10 บาท ปีนี้ 60-65 บาท ไข่ไก่เบอร์ 3 ปีก่อนฟองละ 2.57 บาท ปีนี้ 2.70-2.80 บาท ไข่เป็ดขนาดกลางปีก่อนฟองละ 3.70 บาท ปีนี้ 4.10-4.20 บาท และปลาดุกพันธุ์บิ๊กอุย ปีก่อนกก.ละ 47.54 บาท ปีนี้ 55-60 บาท
รายงานจากวงการสุกรแจ้งว่า ราคาหมูหน้าเขียงควรจะลดลงจาก 130 บาท เหลือไม่เกิน 115 บาท เพราะราคาหมูเป็นปรับลดลงมากจาก กก.ละ 65 บาท เหลือเพียง 59 บาท และเมื่อคิดผ่านสูตรแล้ว ราคาขายปลีกจะลดลงไม่ต่ำกว่ากก.ละ 10-12 บาท ดังนั้น หากราคาขายปลีกยังแพงอยู่ กระทรวงพาณิชย์จะต้องดูว่าเส้นทางจำหน่ายหมูตั้งแต่โรงเชือด หน้าเขียง จนถึงผู้บริโภคมีต้นทุนที่ไหนเพิ่มขึ้นจนทำให้ราคาขายปลีกไม่ลดลง
นอกจากนี้ ผู้ค้าหมูยังตั้งข้อสังเกตถึงราคาหมูเป็นปีนี้แพงกว่าปีก่อน โดยปีที่แล้วหมูเป็นราคา กก.ละไม่เกิน 50 บาท แต่ขณะนี้เพิ่มเป็น 60 บาท เพราะที่จริงปีนี้ราคาน่าจะลดลง หลังจากต้นทุนการผลิตทั้งเรื่องอาหารสัตว์ กากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีราคาลดลง ที่สำคัญราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่งก็ลดลงถึง 50% ราคาหมูเป็นจึงน่าจะลดลงตามแต่สาเหตุที่หมูยังแพง น่าจะมาจากกลุ่มเขียงหมูและโรงเชือดไม่มีทางเลือกในการซื้อสุกร เพราะผู้เลี้ยงหมูรายย่อยได้เลิกเลี้ยงไปจำนวนมาก เหลือแต่ผู้เลี้ยงรายใหญ่เพียง 3-4 ราย ทำให้ผู้ค้ารายใหญ่สามารถกำหนดราคาขายปลีกได้
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เท่าที่ติดตามราคาอาหารสด ส่วนใหญ่ปรับลดลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ รวมถึงเนื้อหมูก็ลดลงมาเหลือไม่ถึง กก.ละ 120 บาท แต่หากตลาดไหนยังมีการขายแพงอยู่ขอให้ประชาชนร้องเรียนเข้ามาและจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งหากมีปัญหาเนื้อหมูราคาไม่ลงจริงอาจจะมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาหารือทำความเข้าใจอีกครั้ง
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า มีประชาชนได้ร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 อย่างต่อเนื่องว่า สินค้าอาหารสด หลายรายการมีราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะเนื้อสุกรทรงตัวที่กก.ละ 125-130 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการยืนยันว่าหมูจะปรับลดราคาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาก็ตาม ซึ่งจากการสำรวจราคาเนื้อสุกรตลาดสดกรุงเทพฯ เช่น ตลาดยิ่งเจริญ บางกะปิ วงเวียนใหญ่ พบว่าราคาอยู่ที่ กก.ละ 125-130 บาท แพงกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์สำรวจที่ กก.ละ 115-120 บาท
ส่วนเนื้อไก่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นับจากที่ชาวบ้านหันมาบริโภคเพิ่มทดแทนเนื้อหมูที่มีราคาแพง โดยก่อนหน้านี้ราคา เนื้อไก่เฉลี่ย กก.ละไม่เกิน 60 บาท แต่เมื่อเดือน มิ.ย.ราคาขยับขึ้นที่กก.ละ 60-61 บาท และจนถึงปัจจุบันเพิ่มเป็น กก.ละ 65 บาท โดยราคาประกาศกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่าไก่สดทั้งตัว กก.ละ 60-62 บาท เนื้ออก 70-72 บาท น้องสะโพก 60-65 บาท
ทั้งนี้ ราคาอาหารหมวดเนื้อสัตว์ในปีนี้มีราคาแพงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมาก ทั้งที่ต้นทุนการผลิตทั้งอาหารสัตว์ รวมถึงราคาน้ำมันลดลงจากปีก่อนกว่าเท่าตัว โดยสุกรชำแหละเนื้อแดง เดือน ก.ค.ปีที่แล้วเฉลี่ย กก. ละ 105.71 บาท แต่ปีนี้อยู่ที่ 120 บาท ไก่สดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) กก.ละ 59.10 บาท ปีนี้ 60-65 บาท ไข่ไก่เบอร์ 3 ปีก่อนฟองละ 2.57 บาท ปีนี้ 2.70-2.80 บาท ไข่เป็ดขนาดกลางปีก่อนฟองละ 3.70 บาท ปีนี้ 4.10-4.20 บาท และปลาดุกพันธุ์บิ๊กอุย ปีก่อนกก.ละ 47.54 บาท ปีนี้ 55-60 บาท
รายงานจากวงการสุกรแจ้งว่า ราคาหมูหน้าเขียงควรจะลดลงจาก 130 บาท เหลือไม่เกิน 115 บาท เพราะราคาหมูเป็นปรับลดลงมากจาก กก.ละ 65 บาท เหลือเพียง 59 บาท และเมื่อคิดผ่านสูตรแล้ว ราคาขายปลีกจะลดลงไม่ต่ำกว่ากก.ละ 10-12 บาท ดังนั้น หากราคาขายปลีกยังแพงอยู่ กระทรวงพาณิชย์จะต้องดูว่าเส้นทางจำหน่ายหมูตั้งแต่โรงเชือด หน้าเขียง จนถึงผู้บริโภคมีต้นทุนที่ไหนเพิ่มขึ้นจนทำให้ราคาขายปลีกไม่ลดลง
นอกจากนี้ ผู้ค้าหมูยังตั้งข้อสังเกตถึงราคาหมูเป็นปีนี้แพงกว่าปีก่อน โดยปีที่แล้วหมูเป็นราคา กก.ละไม่เกิน 50 บาท แต่ขณะนี้เพิ่มเป็น 60 บาท เพราะที่จริงปีนี้ราคาน่าจะลดลง หลังจากต้นทุนการผลิตทั้งเรื่องอาหารสัตว์ กากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีราคาลดลง ที่สำคัญราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่งก็ลดลงถึง 50% ราคาหมูเป็นจึงน่าจะลดลงตามแต่สาเหตุที่หมูยังแพง น่าจะมาจากกลุ่มเขียงหมูและโรงเชือดไม่มีทางเลือกในการซื้อสุกร เพราะผู้เลี้ยงหมูรายย่อยได้เลิกเลี้ยงไปจำนวนมาก เหลือแต่ผู้เลี้ยงรายใหญ่เพียง 3-4 ราย ทำให้ผู้ค้ารายใหญ่สามารถกำหนดราคาขายปลีกได้
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เท่าที่ติดตามราคาอาหารสด ส่วนใหญ่ปรับลดลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ รวมถึงเนื้อหมูก็ลดลงมาเหลือไม่ถึง กก.ละ 120 บาท แต่หากตลาดไหนยังมีการขายแพงอยู่ขอให้ประชาชนร้องเรียนเข้ามาและจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งหากมีปัญหาเนื้อหมูราคาไม่ลงจริงอาจจะมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาหารือทำความเข้าใจอีกครั้ง
