ผู้จัดการรายวัน – “ปริญญา” ตั้งบริษัทใหม่ ดึงยุวรัตน์ กมลเวช นั่งแท่นประธาน ทุ่ม 300 ล้านบาท ผุดตลาดยิ่งเจริญ 2 ที่บางพลี พร้อมดึงมืออาชีพเสริมทัพ
นายปริญญา ธรรมวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิ่งเจริญเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯดังกล่าวก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2550 โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ ตนเองและนายยุวรัตน์ กมลเวช ประธานบริษัท มีจุดประสงค์เพื่อทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ยุทธศาสตร์คือแหล่งชุมชน ซึ่งขณะนี้พิจารณาอยู่ในย่านสุขุมวิท นิคมอมตะ และนิคม604บ่อวิน จังหวัดชลบุรี
ล่าสุดบริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการ ตลาดยิ่งเจริญ 2 เมืองใหม่ บางพลี สมุทรปราการ บนพื้นที่ 18 ไร่ พื้นที่โครงการกว่า 23,000 ตารางเมตร บนถนนเทพารักษ์ กม. 22.5 ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชนหรือ ช็อปปิ้ง รีสอร์ต ครบวงจร
ตลาดยิ่งเจริญ 2 เมืองใหม่ บางพลี เป็นรูปแบบใหม่ในการพัฒนาตลาด ยังคงภาพลักษณ์วิถีไทยซึ่งเป็นรูปแบบและมาตรฐานอันดับหนึ่งของตลาดสดเช่นเดียวกับตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ โดย 70% ของผู้ค้าจะเป็นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโดยตรง แต่เพิ่มแนวคิดการจัดการให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในระดับโลก ดังนั้น ตลาดยิ่งเจริญ 2 เมืองใหม่ บางพลี จึงมีความทันสมัยด้วยระบบบริหารธุรกิจแบบสากล ให้ความสะดวกสบายทั้งผู้ซื้อและผู้ค้า เสริมสร้างความพร้อมรองรับการแข่งขันจากธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติ โดยมีกลุ่มผู้ค้าปลีกไทยรายใหญ่ร่วมเป็นพันธมิตรหลายราย อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และเบทาโกร ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในส่วนของสินค้าจำเป็นหลักๆ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ และน้ำตาล เป็นต้น
สำหรับทีมงานผู้เชี่ยวชาญการบริหารจัดการธุรกิจค้าปลีกระดับสากลที่ร่วมงานกับบริษัท ยิ่งเจริญเอสเตท จำกัด นำโดยนายสันติสุข ฟุ้งขจร รับผิดชอบงานตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และนายสมพร ทรงทับทิม ในตำแหน่ง Head of Operation โดยนายสันติสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า การบริหารจัดการโครงการแบ่งเป็นการจัดการตลาดสด และการจัดการส่วนพลาซ่า ซึ่งรวมถึงท็อปส์ ซูเปอร์มาเก็ต โครงการยิ่งเจริญ 2 เมืองใหม่ บางพลีให้การสนับผู้ประกอบการไทยทุกธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของวิถีชีวิตประจำวันของคนไทยยุคปัจจุบัน ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ค้าด้วยแนวคิด ‘ยิ่งค้า ยิ่งเจริญ’ โดยมุ่งเน้นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้เช่าพื้นที่ มีการจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ค้า รวมทั้งการใช้โฆษณาผ่านสื่อต่างๆ อย่างทั่วถึง
โดยคาดหวังว่า ตลาดยิ่งเจริญ 2 นี้จะมีรายได้ประมาณ 275 ล้านบาทในปี 2551 และปีต่อไปมีรายได้ปีละ 70 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน กำหนดเปิดบริการเดือนสิงหาคมนี้
นายปริญญาให้ความเห็นด้วยว่า ภาครัฐควรต้องดำเนินการที่ชัดเจนมากขึ้นในการช่วยเหลือผู้ค้าปลีกไทย เพราะค้าปลีกต่างชาติกระทบโดยตรงกับผู้ค้ารายย่อยชาวไทยหลายกลุ่ม ทั้งที่เป็นพ่อค้าแม่ค้ารายเล็ก และโชห่วยที่เป็นร้านค้าห้องแถว ยังมีผู้ประกอบการรายย่อยที่เปิดธุรกิจของตัวเองอีก สิ่งสำคัญที่อยากเห็นการสนับสนุนจากภาครัฐก็คือ การเข้ามามีส่วนสนับสนุนในการหากระบวนวิธีลดต้นทุนสินค้า เพราะการแข่งขันที่มีความได้เปรียบและเสียเปรียบเรื่องราคามากเกินไปเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ค้าไทยเดือดร้อน ในส่วนของผู้ค้าเองก็ต้องปรับตัวให้ทันสมัยอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องระบบการจัดการ
นายปริญญากล่าวด้วยว่า ส่วนตลาดยิ่งเจริญสะพานใหม่นั้นยังคงอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด โดยมีตนเป็นกรรมการผู้จัดการ
นายปริญญา ธรรมวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิ่งเจริญเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯดังกล่าวก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2550 โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ ตนเองและนายยุวรัตน์ กมลเวช ประธานบริษัท มีจุดประสงค์เพื่อทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ยุทธศาสตร์คือแหล่งชุมชน ซึ่งขณะนี้พิจารณาอยู่ในย่านสุขุมวิท นิคมอมตะ และนิคม604บ่อวิน จังหวัดชลบุรี
ล่าสุดบริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการ ตลาดยิ่งเจริญ 2 เมืองใหม่ บางพลี สมุทรปราการ บนพื้นที่ 18 ไร่ พื้นที่โครงการกว่า 23,000 ตารางเมตร บนถนนเทพารักษ์ กม. 22.5 ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชนหรือ ช็อปปิ้ง รีสอร์ต ครบวงจร
ตลาดยิ่งเจริญ 2 เมืองใหม่ บางพลี เป็นรูปแบบใหม่ในการพัฒนาตลาด ยังคงภาพลักษณ์วิถีไทยซึ่งเป็นรูปแบบและมาตรฐานอันดับหนึ่งของตลาดสดเช่นเดียวกับตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ โดย 70% ของผู้ค้าจะเป็นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโดยตรง แต่เพิ่มแนวคิดการจัดการให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในระดับโลก ดังนั้น ตลาดยิ่งเจริญ 2 เมืองใหม่ บางพลี จึงมีความทันสมัยด้วยระบบบริหารธุรกิจแบบสากล ให้ความสะดวกสบายทั้งผู้ซื้อและผู้ค้า เสริมสร้างความพร้อมรองรับการแข่งขันจากธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติ โดยมีกลุ่มผู้ค้าปลีกไทยรายใหญ่ร่วมเป็นพันธมิตรหลายราย อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และเบทาโกร ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในส่วนของสินค้าจำเป็นหลักๆ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ และน้ำตาล เป็นต้น
สำหรับทีมงานผู้เชี่ยวชาญการบริหารจัดการธุรกิจค้าปลีกระดับสากลที่ร่วมงานกับบริษัท ยิ่งเจริญเอสเตท จำกัด นำโดยนายสันติสุข ฟุ้งขจร รับผิดชอบงานตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และนายสมพร ทรงทับทิม ในตำแหน่ง Head of Operation โดยนายสันติสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า การบริหารจัดการโครงการแบ่งเป็นการจัดการตลาดสด และการจัดการส่วนพลาซ่า ซึ่งรวมถึงท็อปส์ ซูเปอร์มาเก็ต โครงการยิ่งเจริญ 2 เมืองใหม่ บางพลีให้การสนับผู้ประกอบการไทยทุกธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของวิถีชีวิตประจำวันของคนไทยยุคปัจจุบัน ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ค้าด้วยแนวคิด ‘ยิ่งค้า ยิ่งเจริญ’ โดยมุ่งเน้นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้เช่าพื้นที่ มีการจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ค้า รวมทั้งการใช้โฆษณาผ่านสื่อต่างๆ อย่างทั่วถึง
โดยคาดหวังว่า ตลาดยิ่งเจริญ 2 นี้จะมีรายได้ประมาณ 275 ล้านบาทในปี 2551 และปีต่อไปมีรายได้ปีละ 70 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน กำหนดเปิดบริการเดือนสิงหาคมนี้
นายปริญญาให้ความเห็นด้วยว่า ภาครัฐควรต้องดำเนินการที่ชัดเจนมากขึ้นในการช่วยเหลือผู้ค้าปลีกไทย เพราะค้าปลีกต่างชาติกระทบโดยตรงกับผู้ค้ารายย่อยชาวไทยหลายกลุ่ม ทั้งที่เป็นพ่อค้าแม่ค้ารายเล็ก และโชห่วยที่เป็นร้านค้าห้องแถว ยังมีผู้ประกอบการรายย่อยที่เปิดธุรกิจของตัวเองอีก สิ่งสำคัญที่อยากเห็นการสนับสนุนจากภาครัฐก็คือ การเข้ามามีส่วนสนับสนุนในการหากระบวนวิธีลดต้นทุนสินค้า เพราะการแข่งขันที่มีความได้เปรียบและเสียเปรียบเรื่องราคามากเกินไปเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ค้าไทยเดือดร้อน ในส่วนของผู้ค้าเองก็ต้องปรับตัวให้ทันสมัยอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องระบบการจัดการ
นายปริญญากล่าวด้วยว่า ส่วนตลาดยิ่งเจริญสะพานใหม่นั้นยังคงอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด โดยมีตนเป็นกรรมการผู้จัดการ
