ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” เผยราคาเนื้อหมูทั่วประเทศลดลงแล้ว แต่ยอมรับบางพื้นที่ราคายังแพงอยู่ เตรียมส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมประกาศราคาแนะนำหมูทั่วประเทศวันนี้ กำหนดกิโลละ 105-110 บาท ใครขายเกินนี้เจอเล่นงานตามกฎหมาย ปรับ 1 หมื่นบาท ส่วนพื้นที่ไหนยังมีปัญหาเตรียมส่งหมูธงฟ้ากิโลละ 90 บาทไปช่วย “ยรรยง”จับตาเขียงหมู ยี่ปั๊ว ซาปั๊วปั่นราคาฟันกำไร
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยหลังออกตรวจราคาจำหน่ายเนื้อหมู ที่ตลาดสดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ว่า ราคาเนื้อหมูในตลาดสดกรุงเทพฯ หลายแห่งเริ่มลดลงแล้ว โดยตลาดยิ่งเจริญเหลือกก.ละ 100-110 บาท เช่นเดียวกับ ตลาดพรานนก ดาวคะนอง บางปะกอก คลองเตย บางแค ส่วนในต่างจังหวัดพื้นที่ที่ลดลง เช่น นครปฐม ฉะเชิงเทรา เหลือกก.ละ 100-110 บาท เชียงใหม่ 95-120 บาท แต่บางพื้นที่ยังมีราคาสูง เช่น อุดรธานี และขอนแก่น 120 บาท รวมถึงหลายจังหวัดภาคใต้ เพราะไม่มีฟาร์มเลี้ยงหมู แต่ที่น่าแปลก คือ ราชบุรีและชลบุรี ที่มีเลี้ยงหมูมาก แต่ราคายังสูงถึง กก.ละ 115-120 บาท
“หลังจากที่มีปัญหาหมูมีราคาแพง กรมฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ติดตามราคาเนื้อหมูทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามดูสถานการณ์ราคาหมูว่าเป็นอย่างไร ซึ่งก็พบว่าส่วนใหญ่มีราคาปรับตัวลดลง แต่ในบางตลาดที่ยังไม่ลดลง ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำความเข้าใจกับผู้ค้าในตลาด และสอบถามสาเหตุว่าทำไมราคาเนื้อหมูถึงยังไม่ลง”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าวว่า ในวันนี้ (15 ก.ค.) กรมฯ จะออกประกาศราคาแนะนำเนื้อหมูอย่างเป็นทางการ ในราคากก.ละ 105-110 บาท พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อกำหนดทิศทางราคาเนื้อหมูไปแนวทางเดียวกัน หากราคาเนื้อหมูในพื้นที่ใดยังไม่ปรับลดลงตามราคาแนะนำ และมีการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการรายใด มีเจตนาค้ากำไรเกินควร และกระทำการเอาเปรียบผู้บริโภคจะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้ามาดำเนินการ คือ สั่งปรับ 10,000 บาท ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1569 ซึ่งกรมฯ จะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบต่อไป
ขณะเดียวกัน กรมฯ จะร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และสมาคมผู้ชำแหละสุกร นำโครงการหมูธงฟ้าราคาประหยัดกก.ละ 90-100 บาท ไปจำหน่ายเพิ่มทางเลือกแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ยังมีปัญหาด้านราคาอีกด้วย
ส่วนการติดตามสถานการณ์ราคาเนื้อหมูจากนี้ไป กรมฯ จะเข้าไปดูราคาหมูทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มเขียงใหญ่ และยี่ปั๊ว ซาปั๊วะ ที่เป็นคนขายส่งหมูซีกให้กับพ่อค้าขายปลีกหน้าเขียงว่ากำหนดราคาขายส่งตามต้นทุนที่จริงแค่ไหน เพราะผู้เลี้ยงเองก็แจ้งว่าราคาหมูเป็นลดแล้วจากที่เคยสูงถึงกก.ละ 65 บาท เหลือ 55-56 บาท แต่ทำไมราคาหน้าเขียงถึงไม่ลง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อทั้งผู้เลี้ยงที่จะขายหมูเป็นได้น้อยลง เพราะคนหนีไปบริโภคเนื้อสัตว์อื่น ขณะที่ผู้บริโภคก็ต้องเสียเงินซื้อแพงกว่าความเป็นจริง
สำหรับราคาอาหารโปรตีน จำพวกเนื้อสัตว์ช่วงนี้มีราคาทรงตัวและสามารถเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ เช่น เนื้อวัวเฉลี่ย กก.ละ 115-130 บาท ไก่กก.ละ 60-62 บาท กุ้งเฉลี่ย กก.ละ 110-120 บาท ปลาทูสดกก.ละ 50-70 บาท ปลาดุก บิ๊กอุย กก.ละ 55-60 บาท และวันที่ 15 ก.ค.นี้ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะนำคณะไปสำรวจสินค้าที่ตลาดสดทะเลไทย จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตรวจดูราคาอาหารสดและเตรียมพร้อมในการเปิดรับจำนำกุ้ง
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยหลังออกตรวจราคาจำหน่ายเนื้อหมู ที่ตลาดสดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ว่า ราคาเนื้อหมูในตลาดสดกรุงเทพฯ หลายแห่งเริ่มลดลงแล้ว โดยตลาดยิ่งเจริญเหลือกก.ละ 100-110 บาท เช่นเดียวกับ ตลาดพรานนก ดาวคะนอง บางปะกอก คลองเตย บางแค ส่วนในต่างจังหวัดพื้นที่ที่ลดลง เช่น นครปฐม ฉะเชิงเทรา เหลือกก.ละ 100-110 บาท เชียงใหม่ 95-120 บาท แต่บางพื้นที่ยังมีราคาสูง เช่น อุดรธานี และขอนแก่น 120 บาท รวมถึงหลายจังหวัดภาคใต้ เพราะไม่มีฟาร์มเลี้ยงหมู แต่ที่น่าแปลก คือ ราชบุรีและชลบุรี ที่มีเลี้ยงหมูมาก แต่ราคายังสูงถึง กก.ละ 115-120 บาท
“หลังจากที่มีปัญหาหมูมีราคาแพง กรมฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ติดตามราคาเนื้อหมูทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามดูสถานการณ์ราคาหมูว่าเป็นอย่างไร ซึ่งก็พบว่าส่วนใหญ่มีราคาปรับตัวลดลง แต่ในบางตลาดที่ยังไม่ลดลง ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำความเข้าใจกับผู้ค้าในตลาด และสอบถามสาเหตุว่าทำไมราคาเนื้อหมูถึงยังไม่ลง”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าวว่า ในวันนี้ (15 ก.ค.) กรมฯ จะออกประกาศราคาแนะนำเนื้อหมูอย่างเป็นทางการ ในราคากก.ละ 105-110 บาท พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อกำหนดทิศทางราคาเนื้อหมูไปแนวทางเดียวกัน หากราคาเนื้อหมูในพื้นที่ใดยังไม่ปรับลดลงตามราคาแนะนำ และมีการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการรายใด มีเจตนาค้ากำไรเกินควร และกระทำการเอาเปรียบผู้บริโภคจะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้ามาดำเนินการ คือ สั่งปรับ 10,000 บาท ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1569 ซึ่งกรมฯ จะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบต่อไป
ขณะเดียวกัน กรมฯ จะร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และสมาคมผู้ชำแหละสุกร นำโครงการหมูธงฟ้าราคาประหยัดกก.ละ 90-100 บาท ไปจำหน่ายเพิ่มทางเลือกแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ยังมีปัญหาด้านราคาอีกด้วย
ส่วนการติดตามสถานการณ์ราคาเนื้อหมูจากนี้ไป กรมฯ จะเข้าไปดูราคาหมูทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มเขียงใหญ่ และยี่ปั๊ว ซาปั๊วะ ที่เป็นคนขายส่งหมูซีกให้กับพ่อค้าขายปลีกหน้าเขียงว่ากำหนดราคาขายส่งตามต้นทุนที่จริงแค่ไหน เพราะผู้เลี้ยงเองก็แจ้งว่าราคาหมูเป็นลดแล้วจากที่เคยสูงถึงกก.ละ 65 บาท เหลือ 55-56 บาท แต่ทำไมราคาหน้าเขียงถึงไม่ลง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อทั้งผู้เลี้ยงที่จะขายหมูเป็นได้น้อยลง เพราะคนหนีไปบริโภคเนื้อสัตว์อื่น ขณะที่ผู้บริโภคก็ต้องเสียเงินซื้อแพงกว่าความเป็นจริง
สำหรับราคาอาหารโปรตีน จำพวกเนื้อสัตว์ช่วงนี้มีราคาทรงตัวและสามารถเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ เช่น เนื้อวัวเฉลี่ย กก.ละ 115-130 บาท ไก่กก.ละ 60-62 บาท กุ้งเฉลี่ย กก.ละ 110-120 บาท ปลาทูสดกก.ละ 50-70 บาท ปลาดุก บิ๊กอุย กก.ละ 55-60 บาท และวันที่ 15 ก.ค.นี้ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะนำคณะไปสำรวจสินค้าที่ตลาดสดทะเลไทย จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตรวจดูราคาอาหารสดและเตรียมพร้อมในการเปิดรับจำนำกุ้ง