หลักการใหญ่ๆ ของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย คือ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค ซึ่งหมายความว่าประชาชนทุกคนในสังคมมีความเสมอภาคกันในแง่การเป็นสมาชิกของชุมชนนั้น อย่างไรก็ตาม ความเสมอภาคดังกล่าวอาจจะมีไม่ครบถ้วนทุกคนเนื่องจากมีความแตกต่างในหมู่สมาชิกในสังคม เช่น สิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้นมีการกำหนดอายุขั้นต่ำเอาไว้ สิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้งก็เช่นเดียวกัน หรือในกรณีที่มีการดำรงชีวิตไม่เหมือนผู้อื่น และการใช้สิทธิทางการเมืองอาจจะมีผลกระทบในทางลบได้ ก็จะไม่มีความเสมอภาคเท่าผู้อื่น เช่น พระภิกษุสงฆ์ นักบวช นักพรต ไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เป็นต้น
บุคคลที่ถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลายก็ไม่มีสิทธิทำนิติกรรม เพราะเสมือนคนซึ่งตายแล้วในทางเศรษฐกิจ ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้คือข้อจำกัดของสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค แต่ส่วนใหญ่เป็นข้อยกเว้น
สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคที่เป็นเรื่องหลักๆ นั้นก็คือ สิทธิในการแสดงความคิดเห็น สิทธิในร่างกาย สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิในการเลือกที่อยู่อาศัย ฯลฯ ส่วนความเสมอภาคนั้นได้แก่ ความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย (equality before the law) ความเสมอภาคทางการเมือง (political equality) หนึ่งคนหนึ่งเสียง (one man one vote) ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ (human dignity) ซึ่งจะละเมิดมิได้
แม้จะมีการประกันสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคดังกล่าวในรัฐธรรมนูญโดยประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ตราบเท่าที่ประชาชนยังมีความยากจนค้นแค้น ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำมาหากินฝืดเคือง หนี้สินพะรุงพะรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเกษตรกรที่ส่วนใหญ่ติดหนี้ ธกส. ติดหนี้เงินกู้นอกระบบ ราคาพืชผลถูกกำหนดโดยคนกลาง ผลตอบแทนที่ได้มักจะต่ำกว่าแรงงานและความมานะบากบั่นที่ใส่ลงในอาชีพ ความยากจนดังกล่าวนำไปสู่ความไม่เสมอภาคทำให้เกิดช่องว่างอย่างมากในทางเศรษฐกิจ
คนจำนวนไม่น้อยมีลักษณะยากจนข้นแค้นหรือบางทีเรียกว่า จนดักดาน ซึ่งมีนัยสำคัญทางการเมือง ความยากจนจะไม่นำไปสู่ความเชื่อมั่น รวมทั้งความมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีคำกล่าวหนึ่งกล่าวว่า “ผู้ใดที่ไม่มีความอิสระทางเศรษฐกิจ ผู้นั้นจะไม่มีความอิสระทางการเมือง” (If you cannot be economically independent, you cannot be politically independent.)
นอกจากความจนที่กล่าวมาแล้ว การขาดโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีระยะเวลายาวนานพอ เมื่อผสมผสานกับระบบการศึกษาที่ไม่ส่งเสริมให้มีการคิดวิเคราะห์ ย่อมจะทำให้ขาดข้อมูลและความรู้ที่พอเพียง ผนวกกับการอยู่ในสังคมที่คนถูกสอนให้ว่านอนสอนง่าย สยบต่อผู้มีอำนาจ เกรงกลัวอำนาจรัฐ ผลที่ตามมาก็คือการขาดความรู้และการขาดข้อมูล หรือการไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเนื่องจากด้อยความรู้นั้น นำไปสู่ความเขลาทั้งๆ ที่อาจจะเป็นคนฉลาดในทางสมอง เรียนรู้ได้เร็ว ความเขลาเมื่อผสมกับความจนก็จะกลายเป็นความชั่วคู่แฝดที่มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคทั้งทางตรงและทางอ้อม
ความจนที่เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจนั้นแก้ไขได้โดยการพัฒนาเศรษฐกิจที่กระจายความมั่งคั่งให้ทั่วถึง เพื่อขจัดปัญหาเรื่อง “รวยกระจุก จนกระจาย” อันหมายถึงจะต้องมีการแจกแจงรายได้อย่างเป็นธรรม นอกจากที่กล่าวมาแล้ว สิ่งซึ่งสามารถจะทำให้เกิดความเสมอภาคทางการเมืองโดยตัวแปรทางเศรษฐกิจนั้น ที่เห็นได้ชัดคือ การปรากฏของสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาถูกกว่าเดิม ทำให้คนทั่วไปสามารถซื้อสินค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าประชาชนมีอำนาจซื้อมากขึ้นกว่าเดิม
ตัวอย่างที่ยกมาให้เห็นได้ก็คือ เมื่อ 50 ปีก่อนนั้นการมีวิทยุหนึ่งเครื่องจะมีได้เฉพาะคนร่ำรวยเท่านั้น วิทยุกรุนดิกของเยอรมนีเครื่องละ 5,000 บาท โดยก๋วยเตี๋ยวมีราคาชามละ 50 สตางค์ หมายความว่าจะต้องใช้ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งหมื่นชามจึงจะสามารถซื้อวิทยุได้ และเนื่องจากในต่างจังหวัดกลางวันไม่มีไฟฟ้าก็ต้องใช้แบตเตอรี่แทน หลังจากที่มีการพัฒนาวิทยุทรานซิสเตอร์ใช้ถ่านไฟฉายแทนไฟฟ้า การมีวิทยุมีได้ตั้งแต่คนสวน ผู้ช่วยแม่บ้าน จนถึงเด็กๆ ทั้งเครื่องเล็กและใหญ่ ทั้งในรถยนต์ ในบ้านอาจจะมีถึง 5-6 เครื่อง กลายเป็นสินค้าที่นำไปสู่ความเสมอภาคในหมู่ประชาชนทันที
ต่อมาก็คือโทรทัศน์ขาวดำซึ่งมีได้เฉพาะคนร่ำรวยเท่านั้น มาในปัจจุบันโทรทัศน์สีสามารถหาซื้อได้โดยคนที่มีรายได้อยู่ในระดับไม่สูงนัก ในสมัยนั้นจักรยานซึ่งสั่งมาจากอังกฤษยี่ห้อราเล่ย์และฮัมเบอร์ราคาคันละ 1,100 บาท เท่ากับก๋วยเตี๋ยว 2,200 ชาม ซึ่งมีไว้สำหรับคนซึ่งมีฐานะเป็นชนชั้นกลาง ส่วนคนยากจนก็ใช้จักรยานราคาคันละ 700 บาท เป็นจักรยานบรรทุก ซึ่งหมายความว่าจักรยานคันที่แพงกว่านั้นเปรียบได้กับรถเก๋ง ส่วนจักรยานที่ถูกกว่าเปรียบได้กับรถกระบะ ในกรณีรถยนต์นั้น คนที่มีรถยนต์ในสมัยนั้นคือเศรษฐี แต่มาในปัจจุบันทั้งคนเศรษฐีและคนฐานะปานกลางต่างมีสิทธินั่งรถยนต์ได้ ที่สำคัญคือ รถกระบะกลายเป็นรถติดแอร์ มีเครื่องเสียงอยู่ข้างใน อาจจะไม่นิ่มเท่ารถเก๋งแต่การใช้งานเหมือนกัน
ในสมัย 40-50 ปีก่อนคนมีฐานะคือพ่อค้าหรือข้าราชการเท่านั้นจึงมีสิทธิดื่มเบียร์ แต่ในปัจจุบันคนทุกชั้นไม่ว่าฐานะสูงต่ำเพียงใดมีสิทธิดื่มเบียร์เท่ากันทั้งสิ้น ในอดีตคนที่มีรายได้น้อยดื่มได้เฉพาะเหล้าขาว (35 ดีกรี) แพงหน่อยก็คือเหล้าเชี่ยงชุน นอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้า ก็มีการเปลี่ยนแปลงในทางเสมอภาคมากยิ่งขึ้น กางเกงขายาว เสื้อประเภทต่างๆ รวมทั้งรองเท้าหนังใส่กันเกลื่อนทั่วไป เปรียบเทียบกับสมัยก่อนรองเท้าหนังยี่ห้อบาแรตสั่งจากอังกฤษคู่ละ 180 บาท ซึ่งมีราคาแพงกว่ารองเท้าผ้าใบมาก
ในสมัย 40-50 ปีก่อนเนื้อไก่มีราคาสูงลิ่วกินได้เฉพาะคนที่มีฐานะ หรือคนไทยเชื้อสายจีนหรือคนจีนที่มีการกินไก่ไหว้เจ้าตอนตรุษจีน คนทั่วๆ ไปมีโอกาสน้อยที่จะได้กินเนื้อไก่นอกจากไก่ทาขมิ้นเสียบกับไม้ไผ่เป็นรูปสามเหลี่ยมอันเป็นไก่ย่างชนิดหนึ่งที่มีการขายด้วยราคาพอที่จะจับจ่ายได้ ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ ไก่ทาขมิ้นขายที่สถานีรถไฟชื่อวังพงษ์ ในกรุงเทพมหานครก็มีไก่ย่างอิสลามและไก่ย่างสนามมวยซึ่งราคาก็ไม่ถูกนัก
ที่กล่าวมาทั้งหมดเพื่อชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาทางวัตถุก็มีส่วนช่วยให้เกิดความเสมอภาคทางสังคม อันนำไปสู่ความเสมอภาคทางการเมืองมากยิ่งขึ้น และในความเป็นจริงความจำเป็นเบื้องต้นของมนุษย์ก็คือปัจจัยสี่ หลังจากนั้นก็คือสิ่งซึ่งที่อำนวยประโยชน์ในทางเป็นดัชนีชี้ฐานะเหนือผู้อื่น เช่น ไม่ว่าเศรษฐีหรือยาจกต่างก็ต้องมีที่อยู่อาศัย มีอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และเมื่อเจ็บป่วยก็ต้องมีการรักษาโรค เป็นแต่ว่าอาหารที่รับประทานจะแตกต่างกันในเรื่องราคา เครื่องนุ่งห่มก็จะแตกต่างกัน ที่อยู่อาศัยรวมทั้งการรักษาพยาบาลก็จะแตกต่างกัน สังคมที่ดีคือปัจจัยสี่นี้จะต้องมีมาตรฐานที่รับได้สำหรับคนที่ยากจนที่สุด
ส่วนคนที่ร่ำรวยกว่าจะทำให้หรูหราอย่างไรก็เป็นสิทธิของปัจเจกบุคคล และจะประดับด้วยเพชรนิลจินดาเพื่อยกฐานะทางสังคมก็เป็นสิทธิอันชอบธรรม ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า แม้คนยากจนที่สุดก็ควรจะมีอาหารรับประทานพอเพียง มีบ้านสำหรับอาศัยหลับนอน และความต้องการที่จะมีที่อยู่อาศัยนี้มีตัวอย่างเมื่อประมาณ 40-50 ปีมาแล้วคือ นายไถง สุวรรณทัต จัดโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจขึ้นที่บางแคเป็นหลังเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาหรืออาจน้อยกว่า ขายหลังละ 5,000 บาท ปรากฏว่าประชาชนแห่ไปซื้อกันหมดภายในพริบตาเดียว ซึ่งมาในยุคสมัยใหม่ก็คือบ้านเอื้ออาทรเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของการมีที่อยู่อาศัย
การพัฒนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเพื่อให้สัมฤทธิผลบนหลักของสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคนั้น การขาดการพัฒนาเศรษฐกิจและการแจกแจงรายได้อย่างเป็นธรรมเพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ช่องว่างระหว่างนาครและชนบทจะไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ บทบาทของนักธุรกิจในการช่วยยกฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชน โดยการทำให้เกิดการว่าจ้างแรงงานอันจะช่วยขจัดความยากจน จึงเป็นบทบาทที่สำคัญและควรส่งเสริม ตราบเท่าที่คนมีฐานะต่ำสุดในสังคมมีปัจจัยสี่ มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาและการว่าจ้างแรงงาน สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคย่อมจะเกิดขึ้น และนี่คือบันไดแรกของการนำไปสู่การพัฒนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ต่อเนื่องและยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคม เช่น การมีวิทยุทรานซิสเตอร์ ไก่ย่างราคาย่อมเยา ปลาและกุ้งที่มีการเพาะเลี้ยงจนนำไปสู่ราคาที่สามารถจับจ่ายได้โดยชนชั้นที่มีรายได้พอสมควร เสื้อผ้าที่มีราคาไม่สูงนัก และการรักษาพยาบาลที่คนยากจนมีโอกาสได้รับการเยียวยา
การมีโอกาสได้เล่าเรียนหนังสือโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในชั้นประถม มัธยม และในมหาวิทยาลัยเปิด ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแปรที่จะปิดช่องว่างความไม่เสมอภาคและความเขลาของชนชั้นในสังคม กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษาจึงเป็นกระทรวงที่ต้องมีรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ มีปรัชญาของการปกครองบริหาร มีวิสัยทัศน์ในการสร้างชาติ สร้างอนาคต เข้าใจระเบียบวาระแห่งชาติ มีจินตนาการ และมีความมุ่งมั่นทางการเมือง
เมื่อประชาชนกลายเป็นพลเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพ เสมอภาค มีเกียรติและศักดิ์ศรี ปลอดจากความยากจนข้นแค้น เข้าถึงข้อมูลและมีความรู้ การพัฒนาประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
บุคคลที่ถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลายก็ไม่มีสิทธิทำนิติกรรม เพราะเสมือนคนซึ่งตายแล้วในทางเศรษฐกิจ ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้คือข้อจำกัดของสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค แต่ส่วนใหญ่เป็นข้อยกเว้น
สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคที่เป็นเรื่องหลักๆ นั้นก็คือ สิทธิในการแสดงความคิดเห็น สิทธิในร่างกาย สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิในการเลือกที่อยู่อาศัย ฯลฯ ส่วนความเสมอภาคนั้นได้แก่ ความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย (equality before the law) ความเสมอภาคทางการเมือง (political equality) หนึ่งคนหนึ่งเสียง (one man one vote) ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ (human dignity) ซึ่งจะละเมิดมิได้
แม้จะมีการประกันสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคดังกล่าวในรัฐธรรมนูญโดยประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ตราบเท่าที่ประชาชนยังมีความยากจนค้นแค้น ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำมาหากินฝืดเคือง หนี้สินพะรุงพะรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเกษตรกรที่ส่วนใหญ่ติดหนี้ ธกส. ติดหนี้เงินกู้นอกระบบ ราคาพืชผลถูกกำหนดโดยคนกลาง ผลตอบแทนที่ได้มักจะต่ำกว่าแรงงานและความมานะบากบั่นที่ใส่ลงในอาชีพ ความยากจนดังกล่าวนำไปสู่ความไม่เสมอภาคทำให้เกิดช่องว่างอย่างมากในทางเศรษฐกิจ
คนจำนวนไม่น้อยมีลักษณะยากจนข้นแค้นหรือบางทีเรียกว่า จนดักดาน ซึ่งมีนัยสำคัญทางการเมือง ความยากจนจะไม่นำไปสู่ความเชื่อมั่น รวมทั้งความมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีคำกล่าวหนึ่งกล่าวว่า “ผู้ใดที่ไม่มีความอิสระทางเศรษฐกิจ ผู้นั้นจะไม่มีความอิสระทางการเมือง” (If you cannot be economically independent, you cannot be politically independent.)
นอกจากความจนที่กล่าวมาแล้ว การขาดโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีระยะเวลายาวนานพอ เมื่อผสมผสานกับระบบการศึกษาที่ไม่ส่งเสริมให้มีการคิดวิเคราะห์ ย่อมจะทำให้ขาดข้อมูลและความรู้ที่พอเพียง ผนวกกับการอยู่ในสังคมที่คนถูกสอนให้ว่านอนสอนง่าย สยบต่อผู้มีอำนาจ เกรงกลัวอำนาจรัฐ ผลที่ตามมาก็คือการขาดความรู้และการขาดข้อมูล หรือการไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเนื่องจากด้อยความรู้นั้น นำไปสู่ความเขลาทั้งๆ ที่อาจจะเป็นคนฉลาดในทางสมอง เรียนรู้ได้เร็ว ความเขลาเมื่อผสมกับความจนก็จะกลายเป็นความชั่วคู่แฝดที่มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคทั้งทางตรงและทางอ้อม
ความจนที่เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจนั้นแก้ไขได้โดยการพัฒนาเศรษฐกิจที่กระจายความมั่งคั่งให้ทั่วถึง เพื่อขจัดปัญหาเรื่อง “รวยกระจุก จนกระจาย” อันหมายถึงจะต้องมีการแจกแจงรายได้อย่างเป็นธรรม นอกจากที่กล่าวมาแล้ว สิ่งซึ่งสามารถจะทำให้เกิดความเสมอภาคทางการเมืองโดยตัวแปรทางเศรษฐกิจนั้น ที่เห็นได้ชัดคือ การปรากฏของสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาถูกกว่าเดิม ทำให้คนทั่วไปสามารถซื้อสินค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าประชาชนมีอำนาจซื้อมากขึ้นกว่าเดิม
ตัวอย่างที่ยกมาให้เห็นได้ก็คือ เมื่อ 50 ปีก่อนนั้นการมีวิทยุหนึ่งเครื่องจะมีได้เฉพาะคนร่ำรวยเท่านั้น วิทยุกรุนดิกของเยอรมนีเครื่องละ 5,000 บาท โดยก๋วยเตี๋ยวมีราคาชามละ 50 สตางค์ หมายความว่าจะต้องใช้ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งหมื่นชามจึงจะสามารถซื้อวิทยุได้ และเนื่องจากในต่างจังหวัดกลางวันไม่มีไฟฟ้าก็ต้องใช้แบตเตอรี่แทน หลังจากที่มีการพัฒนาวิทยุทรานซิสเตอร์ใช้ถ่านไฟฉายแทนไฟฟ้า การมีวิทยุมีได้ตั้งแต่คนสวน ผู้ช่วยแม่บ้าน จนถึงเด็กๆ ทั้งเครื่องเล็กและใหญ่ ทั้งในรถยนต์ ในบ้านอาจจะมีถึง 5-6 เครื่อง กลายเป็นสินค้าที่นำไปสู่ความเสมอภาคในหมู่ประชาชนทันที
ต่อมาก็คือโทรทัศน์ขาวดำซึ่งมีได้เฉพาะคนร่ำรวยเท่านั้น มาในปัจจุบันโทรทัศน์สีสามารถหาซื้อได้โดยคนที่มีรายได้อยู่ในระดับไม่สูงนัก ในสมัยนั้นจักรยานซึ่งสั่งมาจากอังกฤษยี่ห้อราเล่ย์และฮัมเบอร์ราคาคันละ 1,100 บาท เท่ากับก๋วยเตี๋ยว 2,200 ชาม ซึ่งมีไว้สำหรับคนซึ่งมีฐานะเป็นชนชั้นกลาง ส่วนคนยากจนก็ใช้จักรยานราคาคันละ 700 บาท เป็นจักรยานบรรทุก ซึ่งหมายความว่าจักรยานคันที่แพงกว่านั้นเปรียบได้กับรถเก๋ง ส่วนจักรยานที่ถูกกว่าเปรียบได้กับรถกระบะ ในกรณีรถยนต์นั้น คนที่มีรถยนต์ในสมัยนั้นคือเศรษฐี แต่มาในปัจจุบันทั้งคนเศรษฐีและคนฐานะปานกลางต่างมีสิทธินั่งรถยนต์ได้ ที่สำคัญคือ รถกระบะกลายเป็นรถติดแอร์ มีเครื่องเสียงอยู่ข้างใน อาจจะไม่นิ่มเท่ารถเก๋งแต่การใช้งานเหมือนกัน
ในสมัย 40-50 ปีก่อนคนมีฐานะคือพ่อค้าหรือข้าราชการเท่านั้นจึงมีสิทธิดื่มเบียร์ แต่ในปัจจุบันคนทุกชั้นไม่ว่าฐานะสูงต่ำเพียงใดมีสิทธิดื่มเบียร์เท่ากันทั้งสิ้น ในอดีตคนที่มีรายได้น้อยดื่มได้เฉพาะเหล้าขาว (35 ดีกรี) แพงหน่อยก็คือเหล้าเชี่ยงชุน นอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้า ก็มีการเปลี่ยนแปลงในทางเสมอภาคมากยิ่งขึ้น กางเกงขายาว เสื้อประเภทต่างๆ รวมทั้งรองเท้าหนังใส่กันเกลื่อนทั่วไป เปรียบเทียบกับสมัยก่อนรองเท้าหนังยี่ห้อบาแรตสั่งจากอังกฤษคู่ละ 180 บาท ซึ่งมีราคาแพงกว่ารองเท้าผ้าใบมาก
ในสมัย 40-50 ปีก่อนเนื้อไก่มีราคาสูงลิ่วกินได้เฉพาะคนที่มีฐานะ หรือคนไทยเชื้อสายจีนหรือคนจีนที่มีการกินไก่ไหว้เจ้าตอนตรุษจีน คนทั่วๆ ไปมีโอกาสน้อยที่จะได้กินเนื้อไก่นอกจากไก่ทาขมิ้นเสียบกับไม้ไผ่เป็นรูปสามเหลี่ยมอันเป็นไก่ย่างชนิดหนึ่งที่มีการขายด้วยราคาพอที่จะจับจ่ายได้ ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ ไก่ทาขมิ้นขายที่สถานีรถไฟชื่อวังพงษ์ ในกรุงเทพมหานครก็มีไก่ย่างอิสลามและไก่ย่างสนามมวยซึ่งราคาก็ไม่ถูกนัก
ที่กล่าวมาทั้งหมดเพื่อชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาทางวัตถุก็มีส่วนช่วยให้เกิดความเสมอภาคทางสังคม อันนำไปสู่ความเสมอภาคทางการเมืองมากยิ่งขึ้น และในความเป็นจริงความจำเป็นเบื้องต้นของมนุษย์ก็คือปัจจัยสี่ หลังจากนั้นก็คือสิ่งซึ่งที่อำนวยประโยชน์ในทางเป็นดัชนีชี้ฐานะเหนือผู้อื่น เช่น ไม่ว่าเศรษฐีหรือยาจกต่างก็ต้องมีที่อยู่อาศัย มีอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และเมื่อเจ็บป่วยก็ต้องมีการรักษาโรค เป็นแต่ว่าอาหารที่รับประทานจะแตกต่างกันในเรื่องราคา เครื่องนุ่งห่มก็จะแตกต่างกัน ที่อยู่อาศัยรวมทั้งการรักษาพยาบาลก็จะแตกต่างกัน สังคมที่ดีคือปัจจัยสี่นี้จะต้องมีมาตรฐานที่รับได้สำหรับคนที่ยากจนที่สุด
ส่วนคนที่ร่ำรวยกว่าจะทำให้หรูหราอย่างไรก็เป็นสิทธิของปัจเจกบุคคล และจะประดับด้วยเพชรนิลจินดาเพื่อยกฐานะทางสังคมก็เป็นสิทธิอันชอบธรรม ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า แม้คนยากจนที่สุดก็ควรจะมีอาหารรับประทานพอเพียง มีบ้านสำหรับอาศัยหลับนอน และความต้องการที่จะมีที่อยู่อาศัยนี้มีตัวอย่างเมื่อประมาณ 40-50 ปีมาแล้วคือ นายไถง สุวรรณทัต จัดโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจขึ้นที่บางแคเป็นหลังเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาหรืออาจน้อยกว่า ขายหลังละ 5,000 บาท ปรากฏว่าประชาชนแห่ไปซื้อกันหมดภายในพริบตาเดียว ซึ่งมาในยุคสมัยใหม่ก็คือบ้านเอื้ออาทรเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของการมีที่อยู่อาศัย
การพัฒนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเพื่อให้สัมฤทธิผลบนหลักของสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคนั้น การขาดการพัฒนาเศรษฐกิจและการแจกแจงรายได้อย่างเป็นธรรมเพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ช่องว่างระหว่างนาครและชนบทจะไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ บทบาทของนักธุรกิจในการช่วยยกฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชน โดยการทำให้เกิดการว่าจ้างแรงงานอันจะช่วยขจัดความยากจน จึงเป็นบทบาทที่สำคัญและควรส่งเสริม ตราบเท่าที่คนมีฐานะต่ำสุดในสังคมมีปัจจัยสี่ มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาและการว่าจ้างแรงงาน สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคย่อมจะเกิดขึ้น และนี่คือบันไดแรกของการนำไปสู่การพัฒนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ต่อเนื่องและยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคม เช่น การมีวิทยุทรานซิสเตอร์ ไก่ย่างราคาย่อมเยา ปลาและกุ้งที่มีการเพาะเลี้ยงจนนำไปสู่ราคาที่สามารถจับจ่ายได้โดยชนชั้นที่มีรายได้พอสมควร เสื้อผ้าที่มีราคาไม่สูงนัก และการรักษาพยาบาลที่คนยากจนมีโอกาสได้รับการเยียวยา
การมีโอกาสได้เล่าเรียนหนังสือโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในชั้นประถม มัธยม และในมหาวิทยาลัยเปิด ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแปรที่จะปิดช่องว่างความไม่เสมอภาคและความเขลาของชนชั้นในสังคม กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษาจึงเป็นกระทรวงที่ต้องมีรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ มีปรัชญาของการปกครองบริหาร มีวิสัยทัศน์ในการสร้างชาติ สร้างอนาคต เข้าใจระเบียบวาระแห่งชาติ มีจินตนาการ และมีความมุ่งมั่นทางการเมือง
เมื่อประชาชนกลายเป็นพลเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพ เสมอภาค มีเกียรติและศักดิ์ศรี ปลอดจากความยากจนข้นแค้น เข้าถึงข้อมูลและมีความรู้ การพัฒนาประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปได้