"น้ำพริก" เป็นอาหารที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน เป็นกับข้าวพื้นๆ ติดสำรับที่ทุกครัวเรือนต้องมีทุกมื้อ ตั้งแต่บ้านสามัญชนคนธรรมดา ไปจนถึงสำรับในรั้วชาววัง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ล่วงลับยังเคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับน้ำพริกต่างๆ โดยเฉพาะ ว่ากันว่าเฉพาะแค่เพียงเขียนเกี่ยวกับน้ำพริกสูตรต่างๆ ในเมืองไทย ก็สามารถเขียนออกมาเป็นหนังสือเล่มใหญ่ได้ไม่แพ้ตำราอาหารของฝรั่งเลยทีเดียว
ใครเลยจะคิดว่าอาหารง่ายๆ ในอดีตที่ใครก็ทำได้ จะกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลต่อปี และกลายเป็นสินค้าส่งออกเช่นในปัจจุบัน เพียงเพราะมีสองสามีภรรยาคู่หนึ่งริเริ่มจุดประกายนำน้ำพริกมาบรรจุลงใส่ขวดขาย
จากตู้กับข้าวถึงซูเปอร์มาร์เกต
ในอดีต น้ำพริกก้นถ้วย เพียงคลุกข้าวสวยร้อนๆ สักจานก็อิ่มท้อง ผักสดเครื่องจิ้มก็หาเด็ดเอาตามริมรั้วหรือในแม่น้ำลำคลอง ทั้งอร่อย ประหยัด และดีต่อสุขภาพ คนไทยสมัยก่อนจึงไม่ค่อยเจ็บป่วยด้วยสารพัดโรคมะเร็งที่เกิดจากการบริโภคเกินพอดี
ท่ามกลางความเร่งรีบและสภาพสังคมสมัยใหม่ทุกวันนี้ แม่บ้านยุคถุงพลาสติกหลายคนเลือกที่จะซื้ออาหารปรุงสำเร็จรูป แทนที่จะยุ่งยากมานั่งโขลกน้ำพริกหรือเครื่องแกงด้วยตัวเอง ครกกับสากเริ่มหายไปจากครัวของคนไทย โดยเฉพาะคนกรุง เหลือแต่เพียงเครื่องปั่นกับไมโครเวฟ แต่ถึงอย่างนั้น...น้ำพริกก็ยังเป็นหนึ่งในเมนูที่ขาดไม่ได้
แม้วันนี้คนไทยจะคุ้นเคยกับอาหารจานด่วนจำพวกฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องกลับมาหาอาหารถ้วยเก่ารสชาติคุ้นลิ้นอย่างน้ำพริก และหากถามคนเก่าคนแก่ ไปจนถึงคนรุ่นใหม่ที่ผ่านการศึกษาต่อในต่างแดนเป็นแรมปี เชื่อว่า "น้ำพริก" เป็นหนึ่งในรายการที่ต้องพกติดตัวไปไว้ยามใช้ชีวิตอยู่ในต่างบ้านต่างเมือง แต่ตอนนี้ ไม่ต้องขนน้ำพริกจากเมืองไทยแบกใส่กระเป๋าเป็นลังๆ ให้ถูกสายการบินปรับน้ำหนัก หรือให้ญาติพี่น้องคอยส่งหรือติดมือไปให้เวลาไปเยี่ยมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะทุกวันนี้ น้ำพริกไทยมีขายอยู่แทบทุกเมืองทั่วโลก เรียกได้ว่าหากที่ไหนมีคนเอเชียอยู่อาศัย ที่นั่นจะมีน้ำพริกไทยวางขายอยู่ในร้านขายของชำหรือตามซูเปอร์มาร์เกต
แต่กว่าจะถึงวันที่น้ำพริกไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างเช่นทุกวันนี้ น้ำพริกที่วางขายอยู่ก็ถูกใส่ภาชนะเช่นกะละมัง ขายในตลาดสด แม้รสชาติจะอร่อย แต่ความสะอาดยังเป็นที่น่ากังขา จนกระทั่งเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน อดีตลูกจ้างบริษัทฝรั่งผู้หนึ่งก็ตัดสินใจออกมาทำกิจการเล็กๆ ภายในครอบครัว โดยตัดสินใจว่าพวกเขาจะทำน้ำพริกสำเร็จรูปออกขายเป็นเจ้าแรก ทั้งที่ในเวลานั้นแทบไม่มีใครคิดว่า ยุคสมัยนั้นคนจะซื้อน้ำพริกกินได้ทุกวัน แต่ศิริชัย และประนอม แดงสุภา สองสามีภรรยากลับมองการณ์ไกลโดยเชื่อว่า ถึงอย่างไรคนไทยก็ต้องกินน้ำพริก ไม่มีทางเลิกกินเด็ดขาด
น้ำพริกเผาไทย คือ ผลิตภัณฑ์น้ำพริกสำเร็จรูปชนิดแรกที่ทั้งคู่ช่วยกันผลิตออกส่งขาย โดยใช้ชื่อตามภรรยา คือ "ประนอม" ซึ่งเป็นผู้คิดสูตร
ศิริชัยผู้ก่อตั้งแบรนด์น้ำพริกชื่อดังซึ่งเจ้าใหญ่ครองตลาดน้ำพริกไทยในปัจจุบันนี้ เล่าว่า น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมถือกำเนิดขึ้นมาจากเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยจุดประกายจากแนวคิดที่ว่า ยุคสมัยนั้นวิถีชีวิตของคนไทยเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมหุงข้าวด้วยเตาถ่าน ก็เปลี่ยนมาหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ชีวิตต้องเร่งรีบจากเคยทำกับข้าวกินเอง ก็หันมาซื้อกับข้าวถุง
และน้ำพริกก็เช่นเดียวกัน จากเดิมที่แต่ละบ้านทำกินเอง ก็ต้องหันมาพึ่งพาน้ำพริกสำเร็จรูป แต่ในท้องตลาดมีแต่น้ำพริกใส่กะละมังแล้วตักขาย จึงเป็นที่มาของการนำน้ำพริกมาบรรจุลงในขวด เพื่อความสะอาดและสะดวก รวมถึงน้ำพริกเป็นอาหารที่ประหยัด และสามารถเก็บไว้กินได้นาน
"ภรรยาของผมมีฝีมือในการทำอาหาร โดยเฉพาะน้ำพริก เลยคิดทำน้ำพริกออกมาจำหน่าย เริ่มจากฝากขายตามร้านทั่วไป จุดขายที่แตกต่างจากรายอื่นๆ ในขณะนั้น คือ น้ำพริกของเราบรรจุอยู่ในขวดแก้ว ซึ่งจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เราก็ยังคงรูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์และโลโก้ของแม่ประนอม เพราะทุกอย่างแสดงถึงความสำเร็จของแม่ประนอมมาจนถึงทุกวันนี้"
แต้มแต่ง เติมรส...ตำรับแม่ประนอม
ภาพสตรีหน้าตาคมคาย ไว้ทรงผมสั้นปลายสวอน คือ "แม่ประนอม" เจ้าของใบหน้าบนโลโก้ของสินค้าน้ำพริกเผาไทยตราแม่ประนอมที่หลายคนคุ้นเคย แม้ทุกวันนี้แม่ประนอมจะเก็บตัวปล่อยให้รุ่นลูกเป็นผู้บริหาร แต่รสชาติและสูตรน้ำพริกต่างๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับน้ำพริกแม่ประนอมยังคงไว้ เพียงปรับปรุงคุณภาพการผลิตให้มีมาตรฐาน และออกผลิตภัณฑ์ปรุงรสใหม่ๆ สู่ตลาดมากขึ้น
กว่าจะมาเป็นต้นตำรับน้ำพริกเผาไทยอันเลื่องชื่อ ในอดีตแม่ประนอมนั้นเคยทำข้าวแกงขายมาก่อน จึงมีฝีมือทางด้านการทำอาหารติดตัวอยู่ไม่น้อย และจากประสบการณ์ในการเป็นแม่ค้าข้าวแกงนี่เอง ที่ทำให้แม่ประนอมมองเห็นความชาญฉลาดของบรรพบุรุษไทย ในเรื่องการนำพืชสมุนไพรมาปรุงแต่งเป็นอาหารรสอร่อยที่หลากหลาย โดยเฉพาะในการปรุงแต่งรสชาติน้ำพริก เพราะนอกจากจะช่วยชูรสให้เผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมตามแบบตำรับไทยแล้ว ยังให้คุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
ในทุกผลิตภัณฑ์ของ "แม่ประนอม" ล้วนผลิตและปรุงแต่งโดยมีส่วนประกอบจากพืชสมุนไพรไทย ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต อาทิ น้ำพริก น้ำจิ้ม และเครื่องปรุงรสต่างๆ สำหรับส่วนประกอบสำคัญที่เป็นพืชสมุนไพร ได้แก่ พริก หอมแดง กระเทียม มะขาม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะเพรา พริกไทย ขมิ้น ยี่หร่า กระวาน เป็นต้น ซึ่งก็ได้มีการสืบทอดสูตรน้ำพริกสมุนไพรดังกล่าวมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานจวบจนปัจจุบันนี้
ศิริพร แดงสุภา บุตรสาวของแม่ประนอม ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชั่นที่สองที่เข้ามาดูแลธุรกิจภายใต้แบรนด์น้ำพริกเผาแม่ประนอม เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจน้ำพริกมูลค่านับร้อยล้านให้ฟังว่า นับตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นเด็ก จำได้ว่าหลังเลิกเรียนต้องกลับมาช่วยแม่บรรจุน้ำพริกใส่ขวดตอนกลางคืน เพื่อนำสินค้าซึ่งเป็นน้ำพริกเผาขึ้นรถในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน โดยมีลูกจ้างเพียงไม่กี่คนช่วยกันทำน้ำพริกเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เสร็จแล้วแม่ประนอมก็จะนำน้ำพริกใส่ตระกร้าไปขายบ้าง ฝากตามร้านค้าต่างๆ ที่รู้จักกันขายบ้าง โดยในระยะแรกนั้น จะยังไม่มีการเก็บเงินจากทางร้านค้า หากขายได้ถึงจะหักเงินเป็นค่าสินค้าที่ฝากขาย ทำให้มีความผูกพันระหว่างร้านค้าบางแห่งก็ยังจำได้ และเป็นลูกค้าเก่าแก่มาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้ ในระยะเริ่มแรกที่กิจการเริ่มขยายตัว พ่อของเธอได้ลงทุนออกรถตู้คันหนึ่ง เพื่อสำหรับใช้ขนส่งน้ำพริกให้กับลูกค้าต่างๆ ทั่วประเทศ ศิริพรเองก็มีโอกาสติดตามพ่อแม่ขึ้นเหนือล่องใต้ไปส่งสินค้าหลายจังหวัด ไม่น่าเชื่อเลยว่า อีก 40 กว่าปีต่อมา น้ำพริกเผาตราแม่ประนอมจะกลายเป็นสินค้าส่งออกเฉพาะตลาดในประเทศญี่ปุ่นและมาเลเซีย มากถึงเดือนละหลายสิบตู้คอนเทนเนอร์ มากกว่าตอนระยะเริ่มแรกหลายสิบเท่าตัว
นอกเหนือจากมีสมุนไพรไทยเป็นส่วนประกอบสำคัญแล้ว สาเหตุหนึ่งที่ผลิตภัณฑ์น้ำพริกแม่ประนอมได้รับความนิยม ก็เนื่องจากฝีมือการปรุงแต่งรสชาติตามต้นตำรับอาหารไทยของแม่ประนอม ซึ่งอร่อยและมีคุณภาพได้มาตรฐาน กอปรกับมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้คงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอยู่เสมอ ทำให้กิจการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาไม่นานนัก
ปัจจุบัน น้ำพริกแม่ประนอม มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมดด้วยกัน 5 ประเภท ได้แก่ น้ำพริกสำเร็จรูป น้ำจิ้ม น้ำพริกแกง เครื่องปรุงรสกึ่งสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมกว่า 50 ชนิด ภายใต้เครื่องหมายการค้า "แม่ประนอม" แบ่งออกเป็นส่งจำหน่ายในประเทศ 70 % และส่งออกต่างประเทศ 30 % ส่วนที่ทำยอดขายได้มากที่สุด คือ น้ำพริกเผาและน้ำจิ้มไก่ ซึ่งมียอดขายต่อเดือนประมาณ 1 แสนกล่อง คิดเป็นเงินถึงประมาณกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 240 ล้านบาทต่อปี
น้ำพริกไทยในตลาดโลก
ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับคุณภาพตามหลักมาตรฐานสากล ทำให้ผลิตภัณฑ์น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศ โดยศิริพรเปิดเผยว่า ในตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทได้มีการขยายเครือข่ายการจำหน่ายให้กว้างยิ่งขึ้นในการเจาะตลาดระดับโลก โดยในปัจจุบันน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมได้ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในทวีปต่างๆ ทั่วโลก ทั้งเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา โดยเฉพาะในเอเชียอย่างประเทศญี่ปุ่นนั้นถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของผลิตภัณฑ์น้ำพริกไทย หากเห็นแบรนด์แม่ประนอมที่นั่นแล้ว มั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยที่ประเทศญี่ปุ่นกำหนด
"สินค้าของเราส่งออกญี่ปุ่นหลายสิบปี เรื่องสารเคมีปนเปื้อนหรือคุณภาพความสะอาดไม่มีปัญหา ผ่านด่านตรวจร้อยเปอร์เซ็นต์" ศิริพรยืนยัน
ดร.วิวัฒน์ แดงสุภา ที่ปรึกษาฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแบรนด์น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม กล่าวถึงกระบวนการควบคุมคุณภาพในการผลิตในโรงงานว่า "แม่ประนอม" ใช้วัตถุดิบสดที่ได้รับการคัดสรรว่ามีคุณภาพ ปลอดภัยสารพิษ ปราศจากยาฆ่าแมลง และมีการควบคุมกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ทำให้ไม่มีปัญหาด้านสินค้าไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน เนื่องจากบริษัทเข้มงวดด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ เช่นเมื่อไม่นานมานี้ นิตยสาร TEST ของประเทศเยอรมนี ได้มีการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัทและประกาศเป็นสินค้ามีคุณภาพปราศจากอันตรายจากสารปนเปื้อนเจือปน
"เราซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตเฉพาะในแต่ละวัน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สดใหม่มีคุณภาพดี และจะไม่มีการแปรรูปเพื่อให้เก็บรักษาได้นาน เช่น ไม่นำพริกสดมาดองเพื่อใช้ได้หลายวัน แต่ก่อนเราผลิตขายแค่ในประเทศ เรากินกันได้ อยู่กันได้ แต่พอวันหนึ่งต้องส่งออกต่างประเทศซึ่งเข้มงวดมาก ก็ต้องหาวัตถุดิบที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง หรือฉีดตามกำหนดเท่านี้เท่านั้น ใหม่ๆ จึงลำบากมาก แต่ตอนนี้เกษตรกรหลายรายเริ่มเข้าใจขึ้น ทางเราได้มีการจำหน่ายวัตถุดิบที่ไม่ได้คุณภาพ เช่น พริกบ่มไม่สุก ฯลฯ ให้แก่บุคคลภายนอกทำให้ไม่เป็นภาระต่อต้นทุนวัตถุดิบ"
จุดเริ่มต้นจากโรงงานเล็กๆ ในบ้านที่มีคนงานเพียง 5-6 คน ก่อนค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ทำการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในนาม บริษัท พิบูลย์น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 - ปัจจุบัน บริษัท พิบูลย์น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม มีการเจริญเติบโตและขยายกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ไม่เคยกู้เงินมาลงทุนเกินจำเป็น มีการวางแผนในการลงทุนอย่างรอบคอบ ไม่สร้างภาระหนี้สินให้เกิดความเสี่ยง เช่น ซื้อเครื่องมือหรือเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตด้วยเงินกำไรสะสม เป็นต้น
ที่สำคัญคือ เลือกทำธุรกิจเฉพาะด้านที่มีความชำนาญ คือ ด้านอาหารไทย เช่น น้ำพริก,น้ำปรุง, เครื่องแกง ฯลฯ โดยประกอบธุรกิจตามกำลังความสามารถ ใช้เงินทุนส่วนตัวเท่านั้น ทำให้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ จากการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้านธุรกิจขนาดกลาง จากสำนักงาน กปร.
"การทำอาหาร ไม่ว่าทำธุรกิจอาหารแบบไหน ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตให้ความเคารพต่อผู้บริโภคอย่างยิ่ง ลดคุณค่า ลดคุณภาพ เปลี่ยนรสชาติจะดูถูกคนกินไม่ได้เลย เปลี่ยนสูตรนิดเดียว ลดน้ำปลา ลดกระเทียม ลดแป้งอะไรต่างๆ ลูกค้าโทรมาทันที คนกินมา 20-30 ปีพอเปลี่ยนสูตรปั๊บ มีโทรศัพท์มาทันทีว่าทำไมไม่เหมือนเก่า ความคุ้นเคยมีความสำคัญมาก เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่เราคำนึงถึงคุณภาพของวัตถุดิบ สูตรดั้งเดิมต้องรักษาไว้เสมอ มีบางบริษัทเขามองว่าเด็กยุคใหม่ไม่ทานเผ็ด เขาจะปรับเปลี่ยนสูตรไปตามนั้น แต่ของแม่ประนอมเราจะยืนสูตรเดิมไว้อย่างแน่นอน ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลงสูตรเพื่อคนรุ่นใหม่ เราจะใช้แบรนด์ชื่ออื่น เราไม่เปลี่ยนแปลงสูตรดั้งเดิมที่ลูกค้าติดใจมา" ดร.วิวัฒน์ยืนยัน
ขณะที่ตลาดน้ำพริกไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อไปในอนาคต ผู้บริหารรุ่นลูกของบริษัทพิบูลย์น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมยอมรับว่า การที่มีผลิตภัณฑ์โอทอปเกี่ยวกับน้ำพริกออกมามากมายเมื่อหลายปีก่อนนั้น ระยะแรก "แม่ประนอม" ได้รับผลกระทบอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ปัจจุบันทรงตัวในตลาดเช่นเดิมแล้ว เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งผู้บริโภคจะทราบว่า สินค้าภายใต้แบรนด์ "แม่ประนอม" นั้นมีมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยของโรงงาน ฉะนั้นสินค้าทุกอย่างที่ออกไปจึงสะอาดปลอดภัยเชื่อถือได้ แม้จะมีราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่นในตลาด 10-20% แต่ผู้บริโภคก็ที่จะเลือกจ่ายแพงกว่า เพื่อแลกกับความมั่นใจ
ในปี 2552 ทาง "แม่ประนอม" ตั้งเป้าว่า จะขยายตลาดต่างประเทศ โดยรุกตลาดอเมริกากับรัสเซียเพิ่มขึ้น ขณะที่ตัวโปรดักต์ใหม่ๆ เช่นในปีที่แล้วที่ออกผลิตภัณฑ์มา 4 ชนิด ได้แก่ น้ำส้มตำไทย น้ำส้มตำปลาร้า น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำสุกี้กวางตุ้ง ก็ต้องดูทิศทางตลาดใหม่ในปีนี้
"ปีนี้ภาพรวมของตลาดในประเทศไม่หวือหวา แต่ปีที่แล้วเราโตตามเป้า ส่วนในต่างประเทศถือว่าโอเค ตอนนี้ที่ทางบริษัทกำลังคิดกันว่าจะทำยังไงให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักสินค้าของแม่ประนอมมากขึ้น จากที่พ่อแม่หรือคนรุ่นก่อนรู้จักคุ้นเคยกับแบรนด์แม่ประนอมดีอยู่แล้ว" กลยุทธ์ที่ทางแบรนด์แม่ประนอมนำมาใช้คือ การปรับเปลี่ยนแพคเกจจิ้งเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มตลาดเด็กมากขึ้น โดยให้ดูสดใส แต่ในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้แม่ประนอมอย่างน้ำพริกเผาไทยก็ยังคงอนุรักษ์รูปแบบไว้เหมือนเดิม
ขณะที่ซับแบรนด์ผู้ผลิตน้ำพริกรายย่อยยี่ห้ออื่นๆ นั้น ศิริพรมองว่าไม่เป็นอุปสรรค เพราะความที่ "แม่ประนอม" มีชื่อเสียงสะสมมานาน กุญแจแห่งความสำเร็จที่สำคัญ ซึ่งรุ่นพ่อแม่อย่างแม่ประนอมได้เน้นย้ำอยู่เสมอ นั่นก็คือ ความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณธรรมในการดำเนินกิจการ
"ไม่ว่ายามใดที่วัตถุดิบจะขึ้นราคา เราจะไม่มีการตัดหรือลดปริมาณส่วนผสมของวัตถุดิบสินค้าลงเพื่อลดต้นทุนเป็นอันขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่น้ำมันมีราคาแพง เศรษฐกิจได้รับผลกระทบทำให้ต้นทุนสูง การขึ้นราคาสินค้าอาจทำให้ผู้บริโภครับไม่ได้ แต่เราจะใช้วิธีบริหารเพื่อลดต้นทุนภายในองค์กร เช่น รณรงค์ให้ประหยัดทรัพยากรทุกประเภทเพื่อประหยัดต้นทุน"
อีกเรื่องหนึ่งที่น้อยคนนักจะรู้ คือนำพริกเผาไทยแม่ประนอมคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักกีฬาไทยมาช้านาน เพราะทุกครั้งที่นักกีฬาไทยเดินทางไปแข่งขันกีฬายังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ หรือโอลิมปิค จะต้องมีน้ำพริกเผาไทยจากแม่ประนอมไปด้วย ไม่อย่างนั้นบางคนอาจกินอาหารไม่ได้ จนไม่มีแรงแข่งขัน ทางบริษัทจึงสนับสนุนมอบน้ำพริกเผาให้กับนักกีฬาไทยเป็นประจำทุกปี
ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปี ผลิตภัณฑ์น้ำพริกไทยภายใต้เครื่องหมายการค้า "ตราแม่ประนอม" ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง ทั้งจากชาวไทยและชาวต่างประเทศ แม้จะมีหลายคนเสนอให้ขยายกิจการไปทำธุรกิจอาหารประเภทอื่น แต่ลูกหลานของแม่ประนอมยืนยันว่า พวกเขาขอทำในสิ่งที่ถนัด นั่นคือ ขอเป็นผู้นำในด้านการผลิตน้ำพริกสำเร็จรูปที่ได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นแม่ ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่ยุคสมัย ยังไงถ้วยน้ำพริกก็ไม่มีวันห่างหายไปจากข้างสำรับของคนไทย