“สมเกียรติ” ชี้ “หมัก” จ่อเข้าคุกเพราะไม่สำนึก หมิ่นฯ คนอื่นซ้ำ พร้อมแฉข้อมูล 2 ตระกูล ราชาแห่งการซุกหุ้น “ชินวัตร” ซุกไว้ที่ลูก คนใช้ คนขับรถ คนสวน ขณะที่ “วงศ์สวัสดิ์” ซุกไว้กับลูกจนลืมแจ้ง ป.ป.ช. พร้อมผ่องถ่ายบางส่วนไปอยู่ที่น้องสาวคนใกล้ชิด “แม้ว” ชี้พิรุธ “ชินณิชา” ซื้อบ้านในโครงการตัวเอง 256 ล้าน แล้วมาอ้างทีหลังไม่ใช่หมู่บ้านของตัวเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
เวลา 23.04 น.วันที่ 25 ก.ย. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวถึงกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้จำคุกนายสมัคร สุนทรเวช ในความผิดฐานหมิ่นประมาทนายสมารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อ 12 เมษายน 2550 หรือ 17 เดือนที่ผ่านมา โดยศาลเห็นว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดฐานหมิ่นประมาทมาแล้วหลายคดี แต่คดีเหล่านั้นศาลให้รอการลงโทษจำคุกเพื่อเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งให้นายสมัคร และนายดุสิต ศิริวรรณ ระมัดระวังตนและกลับตนเป็นพลเมืองดีของสังคม แต่นายสมัครและนายดุสิตกลับมาทำผิดในคดีนี้อีก จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยทั้งสอง
คดีนี้ จำเลยอุทธรณ์ว่าตนเองเคยทำความดี และไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีใดๆ มาก่อน จำเลยที่ 1 คือ นายสมัครอ้างว่าประกอบคุณงามความดี ดำรงตำแหน่งต่างๆ รับใช้ประชาชนมาตลอดอายุ 72 ปี เคยเป็นนายก รองนายก ส.ส. ส.ว. เคยเป็นผุ้ว่าฯ กทม. ได้เครื่องราชฯ ชั้นสูง ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ แต่ศาลบอกว่าไม่เกี่ยว ศาลพิพากษาว่า ยิ่งเมื่อศาลเคยให้โอกาสจำเลยที่ 1 ซึ่งกระทำผิดทำนองนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง ได้กลับตัวโดยรอการลงโทษจำคุกให้ แต่ก็ไม่ได้หลาบจำ กลับกระทำการเป็นความผิดในคดีนี้อีก และหลังจากการกระทำจำเลยทั้งสองก็ไม่เคยแสดงความสำนึก ไม่เคยดำเนินการใดๆ ที่จะพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดกับโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนจำคุก 24 เดือนโดยไม่รอลงอาญา
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ที่เล่ามานี้ต้องการแสดงให้เห็นถึงสำนวนเต็มๆ ของศาลชั้นต้น ที่บอกว่าให้โอกาสนายสมัครและนายดุสิตแล้ว ให้ระมัดระวัง แต่ไม่สำนึกยังทำผิดครั้งที่ 4 จึงต้องจำคุก
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทั้งสองยังเคยวิพากษ์วิจารณ์ก้าวล่วง พล.องเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมตรีและรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.49 กล่าวหาว่าการไปปาฐกถาของ พล.อ.เปรม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่มีการอัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 14 ข้อ มาเตือนสติผู้นำนั้น เป็นการจงใจให้กระทบกระเทือนถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซ้ำยังสั่งสอน พล.อ.เปรมต่างๆ นานา ซึ่งถ้าฟ้องทั้งสองคนต้องติดคุกไปแล้ว แต่ พล.อ.เปรม เป็นผู้ใหญ่จึงนิ่งสงบ
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า วันนี้จะพูดเรื่องข้อมูลทีไปค้นพบมา ช่วงปี 25444-2551 เรื่อง 2 ตระกูลซึ่งเป็นราชาแห่งการซุกหุ้น โดยตระกูลชินวัตรนั้น มีการอำพรางหุ้น เอาไว้ที่ลูกและคนใช้ดังนี้ 1.นางสาวพิณทองทา ชินวัตร 18,033 ล้านบาท มาเป็นลำดับที่ 1 ประเทศ 2.นายพานทองแท้ ชินวัตร 11,097 ล้านบาท มากเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศ 3.นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร 1,423 ล้านบาท มากเป็นลำดับที่ 28 ของประเทศ
นอกจากนี้ ยังนำไปซุกไว้ที่พี่ชายบุญธรรม และคนอีก 10 คน คือ
1.นางสาวบุญชู เหรียญประดับ แม่บ้าน ซุกไว้ 7 บริษัท จำนวน 38,026,586 หุ้น
2.ยามเฝ้าตึกชินวัตร ชื่อนายชัยรัตน์ เชียงพฤกษ์ 6 บริษัท 31,325,263 หุ้น
3.คนขับรถ ชื่อนายวินัย ช่างเหล็ก ถือหุ้น 2 บริษัท 25,899,981 หุ้น
4.นางสาวดวงตา วงศ์ภักดี คนเลี้ยงลูก ถือหุ้น 6 บริษัท 11,906,661 หุ้น
5.นางสาวสุกานญา แซ่เฮ้ง คนใช้ ถือ 3 ล้านหุ้น 1 บริษัท
6.นายมนัส ใจยา คนสวนถือ 108,000 หุ้น
7.นางสาวพนิดา ปัญจาบุตร คนใกล้ชิด ถือ 50,000 หุ้น
8.นายชานนท์ สุรสิน คนใกล้ชิดถือ 26,000 หุ้น
9.นางสมทรง เครือชัย คนใกล้ชิด ถือ 26,000 หุ้น
10.นางพรทิพย์ เชียงพฤกษ์ น้องคนเฝ้าตึก ถือ 994 หุ้น
นายสมเกียรติ เปิดเผยอีกว่า ในคำให้การของคนใช้ คนเฝ้าตึก แม่บ้าน รวม 10 คน เกี่ยวกับการมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทต่างๆ นั้น บอกว่า พวกตนได้รับการร้องขอจากคุณหญิงพจมาน ให้ถือหุ้นแทน ต่อมานางกาญจนาภา หงส์เหิน คนใกล้ชิดคุณหญิงพจมานได้นำเอสารต่างๆ มาให้ลงชื่อ โดยที่ตนไม่ทราบรานละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับใบหุ้น เพราะเพียงลงชื่อเท่านั้น ส่วนหุ้นดังกล่าวจะเป็นของใครพวกตนไม่ทราบ
สำหรับตระกูลวงศ์สวัสดิ์นั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า เดิมไม่เคยมีหุ้นเลย แต่จู่ๆ ก็โผล่มาในปี 46 มีขึ้นมาเลย โดยนางสาวชิณนิชา วงศ์สวัสดิ์ มีหุ้น 759 ล้านบาท อันดับที่ 68 ของประเทศ นางสาวชยาภา วงศ์สวัสดิ์ มี 645 ล้าน เป็นลำดับที่ 84 ของประเทศ นายยศชนันต์ วงศ์สวัสดิ์ มี 636 ล้าน ลำดับที่ 87 ของประเทศ ซึ่ง 1 ใน 3 คนนี้ มีคนที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี แต่ไม่รายงานไปให้ ป.ป.ช.จึง เป็นการจงใจปกปิดข้อความอันเป็นเท็จ
นอกจากนี้ยังมีการถ่ายเททรัพย์สินไปไว้กับคนที่ชื่อ สุนิสา น้องสาวนายภูมิธรรม เวชชยชัย ที่เป็นกรรมการ บ.สินมหัต จำกัด โดยในปี 45 บ.สินมหัต มีรายได้ 120,000 ขาดทุน 50,000 บาท ปี 46 รายได้ 1,200,000 บาท ได้กำไร 120,000 ปี 47 รายได้ 2,600,000 ขาดทุน 1,400,000 ปี 47 ขาดทุน แต่บริษัทสินมหัตไม่รู้ไปเอาเงินมาจากไหน 100 ล้านโผล่เข้ามาในบริษัทเลย มาเฉยเลย บริษัทนี้ทุนจดทะเบียน 1 ล้าน เอามาเพิ่ม 99 เป็น 100 ล้าน ไม่รู้เงินมาจากไหน มีคนส่งไปให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบก็ยังไม่คืบหน้า ในขณะเดียวกัน บ.สินมหัต ได้ลงทุนซื้อบ้านจัดสรรที่เป็นชื่อลูกสาวนายสมชาย 180 ล้าน โดยไม่รู้ตัวเลย ว่าเอาเงินมาจากไหน ทุนคนงงหมดเลย อันนี้อำพรางเหมือนชินวัตร แต่ไม่เอาไว้ในคนใช้ แต่เอาไว้ในบ้านจัดสรรของสตรีที่เป็นน้องสาวคนสนิททักษิณคือนายภูมิธรรม
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบนางสุนิสาพบว่า เป็นกรรมการ บ.เอ็มลิงค์เอเชียคอร์เปอเรชั่น จำกัด รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ ปี 46 ขาดทุน 123 ล้าน แต่เอาเงินมาจากไหน 180 ล้าน ทั้งที่ขาดทุน เราถึงวิงวอน ป.ป.ช.ว่า เรายื่นแล้ว 2 ปี 4 เดือน ท่านมีมติไว้แล้ว 1 ปี 9 เดือน อันนี้คือการอำพรางหุ้นไว้ในคนใกล้ชิด ผ่านบริษัทบ้านจัดสรร
นายสมเกียรติ เปิดเผยอีกว่า มีคนสงสัยบุตรสาวของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ว่าไปตั้งบริษัทบ้านจัดสรร แต่ตัวเองไปซื้อที่ดินในบ้านจัดสรรนั้น เพื่อทำตัวเป็นลูกค้า ซื้อที่ดิน 8 ไร่ 256 ล้านบาท ไม่รู้เอาเงินมนจากไหนเช่นกัน วันเปิดหมู่บ้านนี้ (ชินณิชาวิลล์) คนที่ไปรับกระเช้าคือ นายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แล้วคนที่เอากระเช้าไปให้ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ให้กันเองรับกันเอง แล้วมาวันหลัง 2 คนนี้บอกไม่ใช่หมู่บ้านของเรา เพราะเราเป็นคนเข้าไปซื้อไว้ 8 ไร่
นายสมเกียรติ ย้ำว่า ที่นำเรื่องนี้มาแสดงเพื่อจะบอกว่า 2 ตระกูลนี้ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากันในการทำลายชาติบ้านเมือง แม้คนหนึ่งอาจเป็นอาชญากรที่อีกคนหนึ่งเป็นนกกระยางขาวที่กินปลาสดๆ ก็ตาม แต่มีพฤติกรรมเหมือนกัน เมื่อครั้งที่ตระกูลชินวัตรเอาทรัพย์สินไปซ่อนไว้ในแม่บ้าน คนเลี้ยงลูก คนขับรถ ยามเฝ้าตึก คนสวน คนใกล้ชิด จนเขาส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ทักษิณ กับ เจ๊แดง ก็ไปวิ่งเต้นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าไม่ซ่อนทรัพย์แต่เอาไปทิ้งไว้เฉยๆ ในสำนวนบอกว่ามีการวิ่งเต้นโดยทักษิณ กับเยาวภา แต่ตามข้อมูลของนายประพันธ์ คูณมี กับนายวีระ สมความคิด มีหลักฐานใหม่ว่าสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ร่วมวิ่งเต้นด้วย เรื่องนี้ หนีไม่พ้นแน่
นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันที่ 21 ตุลาคมนี้ ถ้าบุญของพวกเรามี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะพิพากษาคดีที่ 4 หลังจากตัดสินคดีที่ 1.นายรักเกียรติ สุขธนะ ที่หนีไปต่างประเทศก่อนกลับมาเข้ามาทีหลัง คดีที่ 2 เจ้าพ่อกรรมกรที่หนีไปเกาะกง คดีที่ 3 ศาลจำคุกคนหนีไปอังกฤษ และคดีที่ 4 วันที่ 21 ต.ค. สองผัวเมียชินวัตรจะถูกจำคุกจากคดีที่ดินรัชดาฯ หรือไม่