xs
xsm
sm
md
lg

อนุฯสอบส.ส.แตกคอกกต.ชี้ถือหุ้นก่อนรับตำแหน่งไม่ขัดรธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ กกต.มีมติเสียงข้างมากให้ 16 ส.ว.สิ้น สมาชิกภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 119(5) เนื่องจากถือครองหุ้นใน 14 บริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อซึ่งเข้าข่ายขัดมาตรา 48 และบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ ซึ่งเข้าข่ายขัดมาตรา 265(2) ของรัฐธรรมนูญไปแล้ว และเตรียมที่จะใช้มาตรฐานเดียวกันนี้ในการพิจารณาลงมติคำร้องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ร้องขอให้กกต.ตรวจสอบ การสิ้นสมาชิกภาพของ ส.ส. 44 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทยร้องขอให้กกต. ตรวจสอบการสิ้นสมาชิกภาพของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ 28 รายนั้น ปรากฎขณะนี้ผลการสอบสวนในกรณีส.ส.ถือครองหุ้นกำลังสร้างปัญหาให้กับกกต.เป็นอย่างมาก
เนื่องจากอนุกรรมการตรวจสอบ ส.ส.44 คน มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ให้ยกคำร้องผู้ถูกร้องทั้งหมด โดยมีเหตุผลในทำนองเดียวกับ อนุกรรมการ ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ว. เสียงข้างมาก 3 เสียง ที่มองในประเด็นข้อกฎหมายว่า หุ้นที่ ส.ส.ทั้งหมดถือครองอยู่นั้นได้มาก่อนที่จะเข้าดำรงตำแหน่ง ส.ส. จึงย่อมมีสิทธิที่จะครอบครองทรัพย์สินนั้นต่อไปอีกทั้งถ้ารัฐธรรมนูญ มาตรา 265 ไม่ต้องการให้ ส.ส.ถือครองหุ้นที่ได้รับมาก่อนดำรงตำแหน่งก็ต้องมีบทบัญญัติในทำนองเดียวกับ มาตรา 269 ที่ระบุห้ามนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือบริษัท และ ห้ามคงไว้ ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทอีกต่อไป หากประสงค์จะรับประโยชน์จากกรณีดังกล่าวต่อไปก็ให้นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีผู้นั้นโอนหุ้นในบริษัทดังกล่าวให้กับนิติบุคคลเป็นผู้จัดการแทน
ทั้งนี้ความเห็นดังกล่าวของอนุฯถึงขนาดทำให้ กกต.คนหนึ่งทักท้วงว่า หากตีความกฎหมายเช่นนี้ก็เท่ากับมาตรา 265 เป็นหมันไม่สามารถนำมาใช้ได้ แต่คณะอนุกรรมการชี้แจงว่า ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะกฎหมายมาตรานี้จะได้ใช้หาก ส.ส. หรือ ส.ว. เข้ามารับตำแหน่ง แล้วซื้อหุ้นใหม่ แต่หากตีความว่าถือไม่ได้ตั้งแต่เข้าปฏิบัติหน้าที่ย่อมหมายความว่าทันทีที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อมีหุ้นอยู่ก็ต้องถือว่าขาดคุณสมบัติในทันที
แต่ความเห็นดังกล่าวของอนุฯนี้เองเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ที่ประชุมกกต. เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา กกต.ไม่สามารถลงมติได้เพราะหากยืนตามที่ อนุกรรมการสอบสวนเสนอมาก็จะกลายเป็น 2 มาตรฐาน แต่หากยึดตามมาตรฐาน ที่จะใช้กับ 16 ส.ว. กกต.ก็อาจถูกกล่าวว่าจ้องเล่นงานส.ส. อีกทั้ง กกต.ก็จะขาดพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักในการเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
ที่ประชุมกกต.จึงต้องหาทางออกด้วยการให้อนุกรรมการสอบสวนไป หาข้อมูลเพิ่มในสิ่งที่ยังเป็นจุดอ่อนของสำนวนไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงจาก 72 บริษัท ที่ถูกระบุว่าส.ส.เข้าไปมีหุ้นซึ่งยังไม่ได้เสนอข้อมูลมา หรือ การให้โอกาส ส.ส.ที่ถูกร้อง อีก 32 คนซึ่งยังไม่ได้มาชี้แจงเข้าชี้แจงต่ออนุฯสอบ
รวมทั้งที่อนุให้ข้อสังเกตว่า มาตรา 265 มิได้ระบุห้ามเพียง ส.ส.หรือ ส.ว. ถือหุ้นเท่านั้น แต่ยังบัญญัติถึงคู่สมรส และบุตรอีกด้วย หาก กกต.ไม่ดำเนินการ อาจถูกร้องภายหลังเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ไปดำเนินการสอบบุตรและภรรยา ผู้ถูกร้องมาให้ครบถ้วน แม้ว่าข้อมูลในส่วนของบุตรนั้น ส.ส.ที่ถูกร้องบางคน ไม่ได้แจ้งไว้กับ ป.ป.ช. ก็ให้อนุฯตรวจสอบจากทะเบียนบ้านเพื่อดูรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับสั่งให้ฝ่ายเลขานุการของอนุกรรมการสอบสวนชุด ส.ว. มาช่วยงานอนุฯสอบ ชุดดังกล่าวโดยให้นโยบายสำคัญว่าให้อนุฯสอบชุดส.ส.ยึดแนวทางการสอบสวนของ อนุฯสอบชุดส.ว.ที่เป็นเสียงข้างน้อย และยึดมติเอกฉันท์ของคณะที่ปรึกษากฎหมาย กกต. ที่กกต.ยึดถือจนมีมติว่า 16 ส.ว.ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าอนุกรรมการชุดดังกล่าวได้เสนอว่า เมื่อ กกต.ตัดสินกรณี ส.ว.แล้ว ก็ควรเร่งส่งเรื่องไปตามขั้นตอนเพื่อให้ถึงศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ซึ่งในกรณีคุณสมบัติส.ส.ก็ให้อนุสอบฯดำเนินการไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเมื่อถึงเวลานั้นหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอย่างไร กกต.ก็ทำงานตาม คำตัดสิน แต่ กกต. บางคนกลับเกรงว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาตัดสินนานจึงยืนยันที่จะตัดสินเรื่องนี้และเร่งรัดให้อนุฯสอบสวนดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลา ที่ขอขยาย 15 วัน โดยในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ก็จะมีส.ส.ที่ถูกร้อง 6 คนเข้าชี้แจงต่ออนุฯ
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า อนุกรรมการสอบสวนคำร้องของนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทยร้องขอให้กกต.ตรวจสอบการสิ้นสมาชิกภาพของส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ 28 รายที่กำลังจะส่งรายงานของผลการสอบสวนให้กับประธาน กกต. ก็มีการสรุปของการสอบสวนว่าให้มีการยกคำร้องส.ส.ที่ถูกร้องทั้งหมดเช่นเดียวกัน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากคณะอนุกรรมการชุดสอบส.ส.28 คนแล้ว ว่าสรุปสำนวนการสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และในวันจันทร์นี้จะมีการประชุมและตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งก่อนที่จะเสนอประธาน กกต.ได้ในวันเดียวกัน เพื่อนำเข้าที่ประชุม กกต.ในวันอังคารที่ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งเชื่อว่าประธาน กกต.จะสามารถทำแจกจ่ายให้กับกกต.คนอื่นๆ นำไปศึกษาได้ตามแนวทางปฏิบัติที่เคยทำมา แต่กรณีนี้ก็ไม่ทราบว่ากกต.จะดำเนินการอย่างไร จะพิจารณาได้เลยหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น