xs
xsm
sm
md
lg

คดี7 ตุลาฯและลอบฆ่าสนธิ 2 คดีใต้เงื้อมมือ“อำนาจมืด”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“คดี 7 ตุลาฯ ตำรวจฆ่าประชาชน” และ“คดีลอบสังหารคุณสนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นคดีสำคัญที่มีปมเหตุขัดแย้งจากประเด็นการเมือง ทั้งสองคดีสังคมให้ความสนใจติดตามอย่างมาก เนื่องจากเหยื่อจากเหตุการณ์ทั้งสอง คือประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาต่อสู้เพื่อรักษาชาติบ้านเมือง แต่กลับถูกตอบโต้ด้วยการสั่งฆ่าอย่างอุกอาจ ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม และท้าทายกฎหมายบ้านเมือง

ในคดี 7 ตุลาฯ เลือด ฝ่ายผู้ลงมือ คือตำรวจที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้อาวุธทั้งปืนและระเบิดยิงเข้าใส่ประชาชนที่ออกมาชุมนุมตามสิทธิที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้ารัฐสภา และในเขตพระราชฐาน มีการกระทำอย่างโหดเหี้ยมต่อประชาชน โดยตำรวจกระหน่ำยิงทั้งปืน และระเบิดเข้าใส่กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 7 ตุลาคม 2551 และรุนแรงยิ่งขึ้น ตลอดในวันนั้นจนถึงพลบค่ำ

ส่งผลให้ประชาชนบาดเจ็บกว่า 343 คน พิการ 13 คน และเสียชีวิต 2 คน เป็นตัวเลขที่ระบุไว้ในสำนวนสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน

เมื่อ 2 เดือนเศษที่ผ่านมา ในเช้าตรู่วันที่ 17 เมษายน 2551 เกิดเหตุลอบสังหาร คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ โดยคนร้ายลงมือปฏิบัติการเปิดฉากฆ่าเหยื่อกลางเมืองหลวง ในระหว่างวันนั้นกรุงเทพฯ อยู่ภายใต้กฎหมายบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย แต่คมกระสุนจำนวนกว่า 200 นัด และจรวดเอ็ม 79 อีก 2 ลูก ไม่อาจกระชากชีวิต “คุณสนธิ-คนดีของแผ่นดิน” ไปได้

เหตุการณ์ทั้งสองจึงนำมาซึ่งความคับแค้นแก่พี่น้องชาวพันธมิตรฯ และคนไทยผู้รักความเป็นธรรมในแผ่นดิน ที่ต้องการเปิดโปงไอ้โม่งสุนัขลอบกัด ที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งฆ่า คุณสนธิ รวมทั้งตำรวจและนักการเมืองผู้กระหายเลือดในเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ เพื่อเอาตัวมาชดใช้เวรกรรมต่อไป

จะปล่อยให้คนฆ่าประชาชน ให้คนชั่วลอยนวลหนีความผิดไปไม่ได้

แต่ทว่า คดีสำคัญทั้งสอง ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการยุติธรรมชั้นสอบสวน ส่อว่าจะถูกปิดคดี และบิดเบือนคดีเพื่อให้การช่วยเหลือคนผิด โดยเป็นความพยายามของ“กลุ่มอำนาจมืด” กลุ่มหนึ่งที่ต้องการให้คดีทั้งสองตกอยู่ในความลับดำมืดตลอดไป

ใน “คดี 7 ตุลาฯ” ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งคณะอนุกรรมการได้สรุปสำนวนชี้มูลความผิดนักการเมืองและตำรวจรวม 7 คนไปแล้วเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีเอาผิดกับคนเหล่านี้ ทั้งๆที่เรื่องน่าจะเดินไปตามกระบวนการพิจารณาตามปกติ โดยบรรจุเรื่องเข้าวาระการประชุม ซึ่งเรื่องก็จะได้ข้อสรุปเอาตัวคนฆ่าประชาชนไปพิจารณาโทษทัณฑ์ได้เสียที

แต่เหมือนว่า มีคำสั่งให้ติดเบรกเรื่องนี้ไว้ ทำให้สำนวนสอบสวนคดี 7 ตุลาฯ สะดุด เข้าไปไม่ถึงที่ประชุมใหญ่ป.ป.ช.สักที

เหตุที่ควรพิจารณามีว่า ทำไมสำนวนคดี 7 ตุลาฯ จึงไม่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ป.ป.ช. ทั้งๆ ที่คนในป.ป.ช.เองก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า มันไม่มีประเด็นอะไรที่จะต้องสอบเพิ่มเติมแล้ว ควรที่จะพิจารณาให้แล้วเสร็จไปได้เลย

เหตุที่ป.ป.ช.เตะถ่วงคดี 7 ตุลาฯ มูลเหตุอันหนึ่งอาจจะเพราะประธานป.ป.ช. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ บ่ายเบี่ยงไม่ยอมบรรจุคดีเข้าไปในวาระการประชุม ซึ่งก็เป็นดุลยพินิจของประธาน ที่จะทำได้ แต่ก็ต้องมีเหตุผลชี้แจงแก่สังคมได้ว่า ทำไมถึงไม่ยอมพิจารณาคดี 7 ตุลาฯ สักที จนหนีไม่พ้นที่จะถูกมองว่า มีความพยายามดองเรื่องหรือไม่?

อย่างไรก็ดี วงการอำนาจรู้ดีว่า คดีนี้จะเดินหน้าต่อไปได้ยาก เนื่องจากมีเงาของ“คนในอำนาจมืด” ซึ่งคนในวงการเรียกว่า “กลุ่มอำนาจใหม่” เคลื่อนไหวแทรกแซงการทำงานของป.ป.ช.

เพราะจะปล่อยให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถูกชี้มูลความผิดและต้องคดีจนเป็นเหตุให้พ้นจากเก้าอี้ ผบ.ตร.ไปก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ ไม่ได้

เนื่องจากพล.ต.อ.พัชรวาท เป็นเสมือนแขนซ้ายของกลุ่มอำนาจกลุ่มนี้ หากขาดไปก็จะเสียสมดุล ! แม้ว่ากลุ่มนี้จะมีแขนขาที่แข็งแกร่งเป็นทหาร และมีนักการเมือง รวมถึงนักธุรกิจที่โผเข้ามาซบอย่างคับคั่งแล้วก็ตาม แต่อำนาจตำรวจนั้น จะต้องอยู่ในมือ

อำนาจใหม่จึงจะเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจทั้งปวง

การเลื่อนพิจารณาคดี 7 ตุลาฯ นอกจากเพื่อประโยชน์ในระยะยาวแล้ว ในห้วงนี้ก็ยังนับว่าสำคัญยิ่งกว่าที่จะไม่ให้ตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท สั่นคลอน จึงฟันธงกันว่า ในการประชุมใหญ่ป.ป.ช.ก่อนสิ้นเดือนนี้ ที่มีการประชุม 2 วันต่อสัปดาห์ คงจะไม่มีวาระพิจารณาคดี 7 ตุลาฯ อีกเป็นแน่

เพราะ“กลุ่มอำนาจใหม่” ต้องการที่จะให้ พล.ต.อ.พัชรวาท เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ซึ่งการแต่งตั้งตำรวจครั้งนี้ ผบ.ตร. จะเป็นผู้มีอำนาจแต่ผู้เดียวในการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ชั้นประทวน จนถึงชั้นสัญญาบัตรกว่าแสนตำแหน่ง ตามการปรับปรุงโครงสร้างใหม่

เป็นที่รู้กันดีว่า ในเบื้องหลังของบัญชีแต่งตั้งตำรวจครั้งสำคัญนี้ คนที่กำหนดบัญชีแต่งตั้งจริงๆ ไม่ใช่คนมีอำนาจในวงการสีกากี แต่กลับเป็นนักการเมืองบางคนที่อยู่ในโครงสร้างของ“กลุ่มอำนาจใหม่” และอีกคนหนึ่งเป็นหัวยอดของกลุ่ม และเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนมีอำนาจใน ตร.

ความจริงต่อเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร ก็คงพิสูจน์ได้จากหน้าตาของการแต่งตั้งตำรวจที่จะคลอดออกมาในวันที่ 3 ก.ค. โดยเฉพาะเก้าอี้นายพล และนายพัน ในตำแหน่งสำคัญที่จะเป็นฐานทางการเมืองให้แก่คนในกลุ่มอำนาจใหม่ ที่จะกรุยทางไปสู่อำนาจรัฐ และตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปในไม่ช้าไม่นานนี้ ตามคำทำนายทายทักของพระอาจารย์วัดดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่บอกว่า

จะได้ครุฑตัวที่สองในชีวิต

คนที่กำลังทะเยอทะยานก้าวสู่อำนาจ เพื่อจะคว้าครุฑตัวที่สองนี้ ว่ากันว่า มีความใกล้ชิดสนิทแน่นกับคนสำคัญใน ป.ป.ช. จึงไม่น่าสงสัยว่า หากจะมีการเลื่อนคดี 7 ตุลาฯ ตำรวจฆ่าประชาชน ออกไปเรื่อยๆ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนบนสุดยอดโครงสร้าง “กลุ่มอำนาจใหม่” คนนี้ ที่จะทำได้

เนื่องจากคนสำคัญในป.ป.ช. ก็ดูเหมือนจะสมยอมพร้อมใจที่จะทำเช่นนั้น เพื่อให้ตนอยู่ในอำนาจต่อไปได้ และยังได้ฝากอนาคตของลูกชาย ที่กำลังไปได้ดีในชุดสีกากีอีกด้วย

สำหรับคดีลอบฆ่า คุณสนธิ ที่ล่วงเลยมากว่า 2 เดือนแล้ว ยังไม่มีท่าทีว่าจะสรุปคดีจับคนร้ายเปิดโปงคนออกคำสั่งฆ่าได้เมื่อไร ทั้งยังดูเหมือนจะมีแต่ข่าวที่ชวนให้ท้อแท้ใจออกมาเป็นระยะ ว่าคงหาความเป็นธรรมให้แก่คดีนี้ไม่ได้แล้ว

จากการเปิดเผยของ พล.ต.อ. ธานี สมบรูณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. หัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนคดีนี้ บอกล่าสุดว่า กลุ่มคนที่วางแผนสั่งฆ่าและคนร้ายที่ลั่นไกสังหารเป็น “กลุ่มคนมีสี” แต่การทำคดีเจอตอ ประเด็นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ขนาดคนตรงคนกล้าอย่าง พล.ต.อ.ธานี ออกมาพูดแบบนี้ ต้อง “เจอตอ”ขนาดใหญ่แน่

คำถามที่ตามมา ใครคือตอ? ที่ออกมาขัดขวางการทำคดีของตำรวจ

เรื่องนี้ล้วงวงในได้ความมาว่า พล.ต.อ.ธานี ถูกเรียกตัวไปห้ามไม่ให้ทำคดีนี้จริง คนที่เรียกไปก็คือคนๆเดียวกับที่กำลังเดินเรื่องเคลื่อนไหวในคดี 7 ตุลาฯ ให้ ป.ป.ช.เตะถ่วงคดีนั่นเอง

ทำไมคนๆ นี้ถึงต้องเดินเครื่อง เพื่อเป่าคดีคุณสนธิให้หายเงียบเข้ากลีบเมฆด้วยตัวเองถึงขนาดนี้ ก็ย้อนไปถึงปมสังหารคุณสนธิ ซึ่งบอกไว้ว่า มีปมเหตุมาจากการเมือง เนื่องจากคุณสนธิได้ออกมาเปิดโปงขบวนการการสร้างอำนาจของกลุ่มพวกนี้

รู้ทันรู้จริง คุณสนธิ เลยโดนสั่งเก็บ

เมื่อสั่งตาย แต่คุณสนธิรอดราวปาฏิหาริย์ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ง่ายเลย ผลของความล้มเหลวกลายเป็นหอกย้อนมาทำร้ายคนกลุ่มนี้ทำให้ถึงกับ "วงแตก" กลุ่มคนที่เคยรับรู้ เคยร่วมกลุ่ม ทั้งเห็นด้วย หรือ ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฎิเสธต่อการลอบสังหารคุณสนธิก็พลอยตีตัวออกห่าง ไม่รับรู้การกระทำของคนกลุ่มนี้อีกต่อไป

ภารกิจหลังคุณสนธิไม่ตาย คนกลุ่มนี้ก็เลยต้องทำกันต่ออย่างหนัก โดยเรื่องที่ต้องทำคือ ยุทธการปล่อยข่าวปัดให้พ้นจากกลุ่มของตน ซึ่งก็มีข่าวเปิดมาว่า มีการปล่อยข่าวว่า ฟ้าสั่งตายสนธิ โดยไปปล่อยกับเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่มีญาณชั้นสูงทำนายดวงชะตาให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมานักต่อนัก และแม่นยำ ชั้นเซียน

แน่นอน คนปล่อยข่าวก็เป็นศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อท่านนี้ ขณะเดียวกัน หลวงพ่อผู้ทรงศีลก็ได้ไปสอบหาความจริง ก็พบว่า สิ่งที่ลูกศิษย์ผู้กระหายอำนาจผู้นี้พูด เป็นการมดเท็จทั้งสิ้น

คนๆ นี้เคลื่อนไหวหวังฝังคดีคุณสนธิแล้ว ก็ยังมีทายาทอีกคนที่คอยทำหน้าที่เรียกนายตำรวจในทีมสืบสวนฯไปข่มขู่ว่า หากยังทำคดีนี้ต่อไป ก็จะต้องลำบากในอนาคต หน้าที่การงาน ตำรวจยศพันเอกในตำแหน่งรองผู้บังคับการบางคนถึงกับถูกขู่ว่า “จะไม่ได้เป็นนายพล”

นี่เป็น ตอที่ทีมงานทำคดีคุณสนธิ ต้องเจอทั้งระดับบน และระดับล่าง

ทั้งคดี 7 ตุลาฯ และคดีลอบฆ่าคุณสนธิ ถูกขัดขวางโดย “กลุ่มอำนาจใหม่” เนื่องจากหากความจริงของทั้งสองคดีถูกตีแผ่ออกมา ก็จะเป็นคลื่นยักษ์ ที่ทำลายทั้งคนและโครงสร้างของอำนาจของกลุ่มนี้ไปในทันที

ดังนั้น ขณะนี้จึงมีความเคลื่อนไหว และมีความพยายามอย่างยิ่ง จาก“นายพล.ป.” ที่จะบิดเบือน คดี 7 ตุลาฯ และเป่าคดีลอบฆ่าคุณสนธิ
กำลังโหลดความคิดเห็น