xs
xsm
sm
md
lg

อุตฯรถยนต์ลดเป้าผลิตปี’52เหลือ9.4แสนคัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ส.อ.ท. ปรับลดเป้าการผลิตปี 2552 ลงอีก 1.4 แสนคันคงเหลือการผลิตเพียง 9.4 แสนคันลดลงจากปี 2551 กว่า 4.5 แสนคันหรือคิดเป็น 32.57% ย้อนไปเริ่มต้นการผลิตใกล้เคียงกับปี 2547 หลังยอดขายในประเทศและส่งออกภาพรวมปีนี้ยังไม่กระเตื้อง ขณะที่ดัชนีฯเชื่อมั่นพ.ค.ขยับเล็กน้อยแต่ยังผวาน้ำมัน ค่าบาทและการเมือง

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มฯได้ปรับลดเป้าการผลิตรถยนต์ปี 2552 ลงอีก 140,000 คันรวมลดลงจากปีที่แล้ว 454,000 คันคงเหลือผลิต 940,000 คัน ลดลงจากปี 2551 ที่ผลิตได้ 1,394,000 คันหรือคิดเป็น 32.57% โดยการผลิตดังกล่าวถือเป็นยอดที่ใกล้เคียงกับการผลิตในปี 2547 หรือต่ำสุดในรอบ 5 ปี

“ เราเหมือนย้อนการผลิตไปเมื่อปี 2547 ซึ่งปี 2548 เราฉลองครบล้านคันซึ่งสาเหตุที่ปรับเพราะยอดการขายลดทั้งในประเทศและต่างประเทศตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยตลาดส่งออกที่สำคัญเช่น ออสเตรเลีย เอเชีย ยุโรป คำสั่งซื้อลดลงกว่า 40% เว้นตลาดตะวันออกกลางที่เป็นบวกแต่ก็บวกลดลง”นายสุรพงษ์กล่าว

ทั้งนี้จากการปรับเป้าดังกล่าว แยกเป็นการปรับการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงอีก 58,000 คันมาอยู่ที่ 430,000 คันหรือคิดเป็น 45.74% ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกปรับลดลงอีก 82,000 คันเหลือผลิต 510,000 คันคิดเป็น 54.26% รถจักรยานยนต์ปรับลดเป้าการผลิตอีก 124,000 คันคงเหลือผลิต 1,533,000 คันลดลงจากปี 2551 คิดเป็น 19.61%

สำหรับยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดพ.ค. 52 มีทั้งสิ้น 61,752 คันเพื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 50.94% ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนพ.ค.52 มีทั้งสิ้น 40,539 คันลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 26.2% และเป็นยอดขายที่ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 ขณะที่ยอดส่งออกพ.ค.อยู่ที่ 31,913 คันลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 54.69% อย่างไรก็ตามคาดว่ายอดจำหน่ายและการผลิตจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในช่วงปลายปี

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า จากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่เริ่มกระเตื้องขึ้นส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยพ.ค. 52 อยู่ที่ระดับ 78.5 หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเม.ย.ที่อยู่ระดับ 76.3 แต่ก็ยังถือเป็นระดับที่ต่ำกว่า 100 ซึ่งบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นยังไม่ดีพอเนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวอยู่ ประกอบกับเอกชนยังกังวลปัจจัยเสี่ยงทั้งเรื่องราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมไปถึงวัตถุดิบในการผลิต และค่าเงินบาทที่แข็งค่า

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการเมืองที่ยังคงต้องติดตามเนื่องจากเกิดมีกระแสข่าวถึงการยุบสภาซึ่งเอกชนเองไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักลงไปทันทีซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้แย่ลงไปอีก

ส.อ.ท.ดัน"พยุงศักดิ์"ประธานคนใหม่

นายสันติกล่าวว่า ส.อ.ท.ซึ่งถือเป็นหน่วยงานเอกชนที่จะมีบทบาทในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยขณะนี้ได้วางตัวประธานคนใหม่เพื่อสานงานต่อจากตนที่จะพ้นวาระในเดือนมี.ค.นี้คือนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล โดยส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนเนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดปัญหาการแข่งขันกันรุนแรงเช่นอดีตแล้วในที่สุดฝ่ายที่ไม่ได้รับเลือกก็ออกไปโดยตนต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมทำงานกันเป็นทีม
กำลังโหลดความคิดเห็น