ASTVผู้จัดการรายวัน- เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ไม่หวั่น"นพดล" ขู่ฟ้อง ที่ระบุ"นพดล-ยูเนสโก" ทำผิด กรณีการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ย้ำถ้าไม่มีคำสั่งศาลปกครองที่คุ้มครองชั่วคราว และตัดสินว่า การลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ขัดรัฐธรรมนูญ ป่านนี้ไทยเสียดินแดนไปแล้ว
จากกรณีที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ และโฆษกฝ่ายการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ "ASTVผู้จัดการออนไลน์" เมื่อวันที่ 20มิ.ย.ถึงกรณีที่นายนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวหาว่าการที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะยื่นประท้วงยูเนสโก้ ที่รับจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว เป็นการแก้เกี้ยวที่ไม่สามารถทวงคืนปราสาทพระวิหาร ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การแก้เกี้ยว แต่การประท้วงเป็นไปตามมติของคณะกรรมการมรดกโลกในส่วนของไทย ที่เห็นว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว เมื่อปี 51 นั้นไม่ถูกต้องตามขั้นตอน รวมทั้งสร้างความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ
ทั้งนี้ นายชวนนท์ ยังระบุว่า การแก้เกี้ยวน่าจะเป็นการกระทำของนายนพดล มากกว่า เพราะนายนพดล ทำความผิดเอาไว้ กรณีที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา สนับสนุนให้จดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งศาลปกครองมีคำตัดสินว่า การลงนามดังกล่าวผิดกฎหมาย พร้อมมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับนั้น นายนพดล จึงแก้เกี้ยวด้วยการตามไปประท้วงในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก (ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา) แต่ก็ไม่ทัน และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีคำพิพากษาว่า การกระทำดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา190 เพราะไม่ผ่านการพิจารณาของสภาก่อน
นายชวนนท์ ย้ำว่า นอกจากจะเป็นความผิดของนายนพดลแล้ว ยังพบว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกครั้งนี้ ยูเนสโก้ ได้ทำผิดเสียเองด้วย เพราะตามขั้นตอนนั้น จะ ต้องแนบแผนที่บัฟเฟอร์โซนไปด้วย แต่การยื่นครั้งนี้ ไม่มีแผนที่บัฟเฟอร์โซน เพราะยังอยู่ระหว่างการเจรจาของคณะกรรมการเขตแดน (JBC) ของทั้งสองประเทศอยู่ ดังนั้นจึงถือว่าการจดทะเบียนผิดขั้นตอน จึงมีเหตุผลที่ฝ่ายไทยต้องประท้วง
ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตนจะฟ้องหมิ่นประมาทนายชวนนท์ เพราะเป็นการกล่าวหาอันเป็นเท็จ เพราะช่วงที่ตนเป็น รมว. ต่างประเทศ การทำแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ดำเนินการถูกต้องทุกอย่าง และกองทัพก็เห็นด้วย เพราะเป็นการปกป้องพื้นที่ทับซ้อนเอาไว้ หากดำเนินการตามแนวทางของแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชานั้น ไทยจะรักษาดินแดนและรักษาสัมพันธไมตรีไว้ได้
นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่เคยทำให้เสียดินแดน และศาลปกครองมีคำสั่งระงับการใช้แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ไว้ก่อน เราจึงต้องระงับการใช้คำแถลงการณ์ไว้ก่อนในตอนนั้น และศาลปกครองยังไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกหรือผิด มันเป็นการคุ้มครองชั่วคราวเท่านั้น
ด้านนายชวนนท์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังจากที่นายนพดล ขู่จะฟ้องหมิ่นประมาท ในฐานที่ตนไปกล่าวหาว่านายนพดล ทำให้ไทยสูญเสียดินแดน โดยนายชวนนท์ ยืนยันว่า ตนไม่เคยกล่าวให้ร้าย หรือกล่าวนอกเหนือไปจากที่นายนพดล ให้สัมภาษณ์เลย ตนเพียงแค่ ตีความตามหลักตรรกะ ทั่วไปที่คนธรรมดาคนหนึ่งเข้าใจ เนื่องจากนพดลให้สัมภาษณเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ว่าสมัยดำรงตำแหน่งเป็น รมว.ต่างประเทศ เขาและนายปองพล อดิเรกสาร กรรมการมรดกโลก ได้คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 7 ก.ค. 51 เพราะต้องทำตามคำสั่งของศาลปกครอง และได้ค้านเอกสารทุกชิ้นที่กัมพูชายื่นประกอบ ทำให้ประเทศไทยไม่เสียสิทธิทางเขตแดนใดๆ
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ก็หมายความถึงการคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ตามคำสั่งของศาลปกครองทำให้ไทยไม่เสียดินแดน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องหมายถึงว่า การที่นายนพดล เซ็นยินยอมให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารครั้งแรกนั้น เป็นการทำให้สูญเสียดินแดนไปแล้วใช่หรือไม่
ทั้งนี้ ตนเพียงแต่ตีความไปตามคำพูดที่นายนพดล ให้สัมภาษณ์เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาใส่ร้ายหรือบิดเบือนแต่อย่างใด แต่หาก นายนพดล ยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดี ตนก็ยินดีและพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการทางศาล เพื่อทำให้ความจริงปรากฏ แต่ก็อยากจะฝากไปยังนายนพดล ด้วยว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้อยากให้ทำไปในนามส่วนตัว ขอให้เป็นเรื่องของตนกับนายนพดลเท่านั้น ไม่อยากให้นายนพดลไปให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ จนเป็นข่าวยืดเยื้อ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากให้สัมภาษณ์ไปแล้วอาจจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
"หากคุณนพดลจะฟ้อง ก็เป็นการดีเหมือนกัน จะได้ให้ทุกฝ่ายช่วยกันตีความ ว่าคำพูดของคุณนพดล หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ได้มีเจตจนาต่อว่า แต่ใช้หลักการและเหตุผล ที่ดูเหมือนคุณนพดล จะยอมรับทำไทยเสียดินแดน โดยบอกว่า หากตนเองไม่ไปประท้วงไทยก็เสียดินแดนไปแล้ว พูดแบบนี้เท่ากับนพดล ยอมรับเองหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้จะเป็นหลักฐานในการต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป หากนายนพดลฟ้อง" นายชวนนท์ กล่าว
จากกรณีที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ และโฆษกฝ่ายการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ "ASTVผู้จัดการออนไลน์" เมื่อวันที่ 20มิ.ย.ถึงกรณีที่นายนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวหาว่าการที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะยื่นประท้วงยูเนสโก้ ที่รับจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว เป็นการแก้เกี้ยวที่ไม่สามารถทวงคืนปราสาทพระวิหาร ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การแก้เกี้ยว แต่การประท้วงเป็นไปตามมติของคณะกรรมการมรดกโลกในส่วนของไทย ที่เห็นว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว เมื่อปี 51 นั้นไม่ถูกต้องตามขั้นตอน รวมทั้งสร้างความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ
ทั้งนี้ นายชวนนท์ ยังระบุว่า การแก้เกี้ยวน่าจะเป็นการกระทำของนายนพดล มากกว่า เพราะนายนพดล ทำความผิดเอาไว้ กรณีที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา สนับสนุนให้จดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งศาลปกครองมีคำตัดสินว่า การลงนามดังกล่าวผิดกฎหมาย พร้อมมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามปฏิบัติตามแถลงการณ์ฉบับนั้น นายนพดล จึงแก้เกี้ยวด้วยการตามไปประท้วงในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก (ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา) แต่ก็ไม่ทัน และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีคำพิพากษาว่า การกระทำดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา190 เพราะไม่ผ่านการพิจารณาของสภาก่อน
นายชวนนท์ ย้ำว่า นอกจากจะเป็นความผิดของนายนพดลแล้ว ยังพบว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกครั้งนี้ ยูเนสโก้ ได้ทำผิดเสียเองด้วย เพราะตามขั้นตอนนั้น จะ ต้องแนบแผนที่บัฟเฟอร์โซนไปด้วย แต่การยื่นครั้งนี้ ไม่มีแผนที่บัฟเฟอร์โซน เพราะยังอยู่ระหว่างการเจรจาของคณะกรรมการเขตแดน (JBC) ของทั้งสองประเทศอยู่ ดังนั้นจึงถือว่าการจดทะเบียนผิดขั้นตอน จึงมีเหตุผลที่ฝ่ายไทยต้องประท้วง
ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตนจะฟ้องหมิ่นประมาทนายชวนนท์ เพราะเป็นการกล่าวหาอันเป็นเท็จ เพราะช่วงที่ตนเป็น รมว. ต่างประเทศ การทำแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ดำเนินการถูกต้องทุกอย่าง และกองทัพก็เห็นด้วย เพราะเป็นการปกป้องพื้นที่ทับซ้อนเอาไว้ หากดำเนินการตามแนวทางของแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชานั้น ไทยจะรักษาดินแดนและรักษาสัมพันธไมตรีไว้ได้
นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่เคยทำให้เสียดินแดน และศาลปกครองมีคำสั่งระงับการใช้แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ไว้ก่อน เราจึงต้องระงับการใช้คำแถลงการณ์ไว้ก่อนในตอนนั้น และศาลปกครองยังไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกหรือผิด มันเป็นการคุ้มครองชั่วคราวเท่านั้น
ด้านนายชวนนท์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังจากที่นายนพดล ขู่จะฟ้องหมิ่นประมาท ในฐานที่ตนไปกล่าวหาว่านายนพดล ทำให้ไทยสูญเสียดินแดน โดยนายชวนนท์ ยืนยันว่า ตนไม่เคยกล่าวให้ร้าย หรือกล่าวนอกเหนือไปจากที่นายนพดล ให้สัมภาษณ์เลย ตนเพียงแค่ ตีความตามหลักตรรกะ ทั่วไปที่คนธรรมดาคนหนึ่งเข้าใจ เนื่องจากนพดลให้สัมภาษณเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ว่าสมัยดำรงตำแหน่งเป็น รมว.ต่างประเทศ เขาและนายปองพล อดิเรกสาร กรรมการมรดกโลก ได้คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 7 ก.ค. 51 เพราะต้องทำตามคำสั่งของศาลปกครอง และได้ค้านเอกสารทุกชิ้นที่กัมพูชายื่นประกอบ ทำให้ประเทศไทยไม่เสียสิทธิทางเขตแดนใดๆ
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ก็หมายความถึงการคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ตามคำสั่งของศาลปกครองทำให้ไทยไม่เสียดินแดน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องหมายถึงว่า การที่นายนพดล เซ็นยินยอมให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารครั้งแรกนั้น เป็นการทำให้สูญเสียดินแดนไปแล้วใช่หรือไม่
ทั้งนี้ ตนเพียงแต่ตีความไปตามคำพูดที่นายนพดล ให้สัมภาษณ์เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาใส่ร้ายหรือบิดเบือนแต่อย่างใด แต่หาก นายนพดล ยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดี ตนก็ยินดีและพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการทางศาล เพื่อทำให้ความจริงปรากฏ แต่ก็อยากจะฝากไปยังนายนพดล ด้วยว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้อยากให้ทำไปในนามส่วนตัว ขอให้เป็นเรื่องของตนกับนายนพดลเท่านั้น ไม่อยากให้นายนพดลไปให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ จนเป็นข่าวยืดเยื้อ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากให้สัมภาษณ์ไปแล้วอาจจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
"หากคุณนพดลจะฟ้อง ก็เป็นการดีเหมือนกัน จะได้ให้ทุกฝ่ายช่วยกันตีความ ว่าคำพูดของคุณนพดล หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ได้มีเจตจนาต่อว่า แต่ใช้หลักการและเหตุผล ที่ดูเหมือนคุณนพดล จะยอมรับทำไทยเสียดินแดน โดยบอกว่า หากตนเองไม่ไปประท้วงไทยก็เสียดินแดนไปแล้ว พูดแบบนี้เท่ากับนพดล ยอมรับเองหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้จะเป็นหลักฐานในการต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป หากนายนพดลฟ้อง" นายชวนนท์ กล่าว
