ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค"ไม่วิพากษ์กระแสข่าว "มนูญกฤต" เตรียมนั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รอให้เจ้าตัวพูดเอง ยันไม่หนักใจเพราะ ปชป.มีแนวทางการเมืองชัดเจน ไม่หวั่นแม้การเมืองไทยยังต้องมีชื่อ "ทักษิณ" อยู่ มั่นใจหากเกิดเหตุม็อบตำรวจจะไม่ใส่เกียร์ว่างอีก ลั่นเจ้าหน้าที่ใส่เครื่องแบบรัฐ ก็ต้องทำหน้าที่ให้รัฐ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า คงต้องฟังท่านว่ามีท่าทีอย่างไร เมื่อถามว่าการที่พล.ต.มนูญกฤต ออกจากพรรคไปมีปัญหาอะไรหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ จริงๆแล้วก็ยังพูดคุยกันตามปกติ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินว่าจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย เพิ่งจะมาได้ยินในช่วงหลังนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย เคยอ้างว่าได้ข้อมูลเรื่องเงินบริจาค บริษัททีพีไอ ที่บริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นข้อมูลที่มาจาก พล.ต.มนุญกฤต นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงเป็นคนละประเด็นกัน ท่านมีอิสระในการตัดสินใจในส่วนของท่านเอง และท่านก็ออกจากพรรคไปแล้ว "ไม่มีอะไรหนักใจ เพราะเรามีแนวทางการทำงานการเมืองของเราชัดเจน พรรคเพื่อไทยเขาก็มีความชัดเจนต่อเนื่องมาจากพรรคพลังประชาชน และไทยรักไทย" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ละพรรคกำลังมุ่งไปสู่สนามเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาของพรรคการเมือง ที่ต้องมีการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป เมื่อถามว่า กลายเป็นว่าเขากำลังนับถอยหลังรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันหรอก จริงๆแล้วการเตรียมตัวการเลือกตั้ง มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ยุคนี้ในส่วนของตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือคนจะมาเป็นผู้นำในการกำหนดแนวทาง มันต้องใช้เวลา
"ไอ้ที่อยู่ดีๆ จะไปรวบรวมคนกันมา แล้วไปลงเลือกตั้งเลย มันไม่ง่ายหรอกยุคนี้ เพราะฉะนั้นทุกพรรคก็ต้องเตรียมการล่วงหน้า" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ ขยับเรื่องนี้ช้ากว่าพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ เพราะวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมากรรมการบริหาร ก็มีการซักซ้อมกัน เมื่อถามว่า การหาเสียงของพรรคเพื่อไทย มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินเข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถ้าอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายก็ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าสุดท้ายการเมืองไทยก็ยังไม่พ้นคนชื่อ“ทักษิณ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในอดีต ก็ยังมีบทบาทกันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถแสดงความคิดเห็นตามปกติได้ รัฐบาลก็ทำงานไป ใครจะแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์อะไรที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก็สามารถทำได้
**ไม่ห่วง ตร.เกียร์ว่างหากเสื้อแดงป่วน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ว่า ต้องยอมรับว่า ภาพลักษณ์ของประเทศ และการแก้ปัญหาได้รับผลกระทบ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรที่ไม่สงบ และต่างชาติมองว่าบ้านเมืองเราไม่สามารถบริหารจัดการได้ ตรงนี้เป็นจุดที่รัฐบาลต้องมีความแน่วแน่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุการณ์ที่พัทยา ช่วงสงกรานต์ ก็เป็นสิ่งที่เราได้เก็บเกี่ยวมา แล้วฝ่ายความมั่นคง ได้ทบทวนเรื่องเหล่านี้ และเตรียมการอยู่ สำหรับกรณีที่มีการชุมนุมใหญ่การทำงานในส่วนของตำรวจ ทหาร ต้องมีการปรับปรุงจากช่วงก่อนสงกรานต์ เขาจะต้องทราบว่า การรักษาความสงบเรียบร้อย และการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นหน้าที่ของเขาโดยตรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเรื่องตำรวจไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ตามที่ควรจะเป็น จะเกิดอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าได้ทำความเข้าใจมาโดยลำดับ มี 2 ประเด็น คือ หลายครั้งเขาไปคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ประสงค์ที่จะใช้เจ้าหน้าที่ฝ่ายใดเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่เป็นหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องการเมือง
2. การคุ้มครองในทางกฎหมาย ยืนยันว่า รัฐบาลจะมีนโยบายค่อนข้างชัดเจนเกี่ยวกับแนวปฏิบัติ หากทำตามแนวทางภาครัฐโดยฝ่ายนโยบาย ก็พร้อมที่จะดูแล
ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุว่า ยังมีตำรวจเสื้อแดงให้เห็นอยู่ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใครจะมีความคิดเห็นทางการเมืองในใจอย่างไร ไปห้ามกันไม่ได้ แต่เมื่อสวมเครื่องแบบของรัฐ ก็ต้องทำหน้าที่ให้รัฐ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในชั้นนี้ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดของการชุมนุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ แต่เท่าที่ทราบมีการออกไปจังหวัดต่างๆ แต่เห็นพูดว่าจะไม่ยืดเยื้อ เมื่อถามว่าข้อเรียกร้องยังเป็นเรื่องเดิมคือ สองมาตรฐาน เลือกปฏิบัติ ไม่ให้ความเป็นธรรม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันเป็นจุดยืนความคิดของเขา เราก็พยายามอธิบาย ซึ่งจะมีมวลชนมาร่วมมากหรือไม่ ก็อยู่ที่ประชาชนจะใช้วิจารณญาณ แต่ไม่ว่าท่านจะเชื่ออย่างไร ก็ขออย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะจะกระทบกับประเทศชาติโดยรวม
ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ตั้ง 2 คณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ชุมนุม สามารถช่วยได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วยได้ในระดับหนึ่ง ฉะนั้นบางประเด็นในขณะนี้ ก็จะพูดถึงน้อยลง ถือว่าเข้ามาอยู่ในเวลาสภาฯแล้ว ต่อข้อถามว่า ช่วยได้ในระดับที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในภาครัฐหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ในวันที่ 16 ก.ค. คณะกรรมการทั้ง 2 ส่วน จะเข้ามารายงานความคืบหน้าให้ทราบ
**จวก"แม้ว"ยังโฟนอินบิดเบือน
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตการเมือง ยังเป็นตัวถ่วงรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีสัญญาณ 2 ส่วน ผ่านสื่อเฉพาะกิจ คือ 1. สื่อเฉพาะกิจของกลุ่ม นปช. ทั้งวิทยุชุมชน สื่อสิ่งพิมพ์เฉพาะ และเว็บไซต์ที่บิดเบือนข้อมูล ยังคงปลุกระดมมวลชนให้ไม่ยอมรับผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.ที่ผ่านมา
2. ยังมีการหยิบยกประเด็นการเปลี่ยนแปลงวันชาติ จากเดิม 5 ธ.ค. เป็นวันที่ 24 มิ.ย. ทั้งที่รู้ว่าประชาชนคนส่วนใหญ่รวมทั้งคนเสื้อแดงไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่การที่แกนนำหัวรุนแรง ยังคงชูประเด็นนี้มาปลุกปั่น อาจจะเป็นชนวนเหตุความขัดแย้ง และก่อให้เกิดความรุนแรงครั้งใหม่ขึ้นได้ เมื่อรวมกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการโฟนอินมาถี่ขึ้นใน 2 จังหวัด อีสาน คือ จ.สกลนคร และจ.บุรีรัมย์ ซึ่งยังคงบิดเบือน ใส่ร้ายรัฐบาล สร้างความสับสนให้ประชาชน ทั้งจากเหตุการณ์สงกรานต์เลือดที่อ้างว่าทหารใช้กระสุนจริง มีคนตาย และซ่อนศพ ซ้ำยังระบุว่า รัฐบาลกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงไม่ใช่คนไทย ซึ่งเป็นการทำเพื่อหวังผลปลุกระดม กุเรื่องสร้างความไม่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้น เป็นพฤติกรรมของคนที่ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ จะไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้ประเทศเดินหน้าแก้วิกฤตต่างๆไปได้ด้วยดี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า คงต้องฟังท่านว่ามีท่าทีอย่างไร เมื่อถามว่าการที่พล.ต.มนูญกฤต ออกจากพรรคไปมีปัญหาอะไรหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ จริงๆแล้วก็ยังพูดคุยกันตามปกติ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินว่าจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย เพิ่งจะมาได้ยินในช่วงหลังนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย เคยอ้างว่าได้ข้อมูลเรื่องเงินบริจาค บริษัททีพีไอ ที่บริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นข้อมูลที่มาจาก พล.ต.มนุญกฤต นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงเป็นคนละประเด็นกัน ท่านมีอิสระในการตัดสินใจในส่วนของท่านเอง และท่านก็ออกจากพรรคไปแล้ว "ไม่มีอะไรหนักใจ เพราะเรามีแนวทางการทำงานการเมืองของเราชัดเจน พรรคเพื่อไทยเขาก็มีความชัดเจนต่อเนื่องมาจากพรรคพลังประชาชน และไทยรักไทย" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ละพรรคกำลังมุ่งไปสู่สนามเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาของพรรคการเมือง ที่ต้องมีการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป เมื่อถามว่า กลายเป็นว่าเขากำลังนับถอยหลังรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันหรอก จริงๆแล้วการเตรียมตัวการเลือกตั้ง มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ยุคนี้ในส่วนของตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือคนจะมาเป็นผู้นำในการกำหนดแนวทาง มันต้องใช้เวลา
"ไอ้ที่อยู่ดีๆ จะไปรวบรวมคนกันมา แล้วไปลงเลือกตั้งเลย มันไม่ง่ายหรอกยุคนี้ เพราะฉะนั้นทุกพรรคก็ต้องเตรียมการล่วงหน้า" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ ขยับเรื่องนี้ช้ากว่าพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ เพราะวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมากรรมการบริหาร ก็มีการซักซ้อมกัน เมื่อถามว่า การหาเสียงของพรรคเพื่อไทย มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินเข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถ้าอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายก็ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าสุดท้ายการเมืองไทยก็ยังไม่พ้นคนชื่อ“ทักษิณ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในอดีต ก็ยังมีบทบาทกันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถแสดงความคิดเห็นตามปกติได้ รัฐบาลก็ทำงานไป ใครจะแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์อะไรที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก็สามารถทำได้
**ไม่ห่วง ตร.เกียร์ว่างหากเสื้อแดงป่วน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ว่า ต้องยอมรับว่า ภาพลักษณ์ของประเทศ และการแก้ปัญหาได้รับผลกระทบ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรที่ไม่สงบ และต่างชาติมองว่าบ้านเมืองเราไม่สามารถบริหารจัดการได้ ตรงนี้เป็นจุดที่รัฐบาลต้องมีความแน่วแน่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุการณ์ที่พัทยา ช่วงสงกรานต์ ก็เป็นสิ่งที่เราได้เก็บเกี่ยวมา แล้วฝ่ายความมั่นคง ได้ทบทวนเรื่องเหล่านี้ และเตรียมการอยู่ สำหรับกรณีที่มีการชุมนุมใหญ่การทำงานในส่วนของตำรวจ ทหาร ต้องมีการปรับปรุงจากช่วงก่อนสงกรานต์ เขาจะต้องทราบว่า การรักษาความสงบเรียบร้อย และการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นหน้าที่ของเขาโดยตรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเรื่องตำรวจไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ตามที่ควรจะเป็น จะเกิดอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าได้ทำความเข้าใจมาโดยลำดับ มี 2 ประเด็น คือ หลายครั้งเขาไปคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ประสงค์ที่จะใช้เจ้าหน้าที่ฝ่ายใดเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่เป็นหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องการเมือง
2. การคุ้มครองในทางกฎหมาย ยืนยันว่า รัฐบาลจะมีนโยบายค่อนข้างชัดเจนเกี่ยวกับแนวปฏิบัติ หากทำตามแนวทางภาครัฐโดยฝ่ายนโยบาย ก็พร้อมที่จะดูแล
ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุว่า ยังมีตำรวจเสื้อแดงให้เห็นอยู่ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใครจะมีความคิดเห็นทางการเมืองในใจอย่างไร ไปห้ามกันไม่ได้ แต่เมื่อสวมเครื่องแบบของรัฐ ก็ต้องทำหน้าที่ให้รัฐ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในชั้นนี้ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดของการชุมนุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ แต่เท่าที่ทราบมีการออกไปจังหวัดต่างๆ แต่เห็นพูดว่าจะไม่ยืดเยื้อ เมื่อถามว่าข้อเรียกร้องยังเป็นเรื่องเดิมคือ สองมาตรฐาน เลือกปฏิบัติ ไม่ให้ความเป็นธรรม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันเป็นจุดยืนความคิดของเขา เราก็พยายามอธิบาย ซึ่งจะมีมวลชนมาร่วมมากหรือไม่ ก็อยู่ที่ประชาชนจะใช้วิจารณญาณ แต่ไม่ว่าท่านจะเชื่ออย่างไร ก็ขออย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะจะกระทบกับประเทศชาติโดยรวม
ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ตั้ง 2 คณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ชุมนุม สามารถช่วยได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วยได้ในระดับหนึ่ง ฉะนั้นบางประเด็นในขณะนี้ ก็จะพูดถึงน้อยลง ถือว่าเข้ามาอยู่ในเวลาสภาฯแล้ว ต่อข้อถามว่า ช่วยได้ในระดับที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในภาครัฐหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ในวันที่ 16 ก.ค. คณะกรรมการทั้ง 2 ส่วน จะเข้ามารายงานความคืบหน้าให้ทราบ
**จวก"แม้ว"ยังโฟนอินบิดเบือน
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตการเมือง ยังเป็นตัวถ่วงรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีสัญญาณ 2 ส่วน ผ่านสื่อเฉพาะกิจ คือ 1. สื่อเฉพาะกิจของกลุ่ม นปช. ทั้งวิทยุชุมชน สื่อสิ่งพิมพ์เฉพาะ และเว็บไซต์ที่บิดเบือนข้อมูล ยังคงปลุกระดมมวลชนให้ไม่ยอมรับผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.ที่ผ่านมา
2. ยังมีการหยิบยกประเด็นการเปลี่ยนแปลงวันชาติ จากเดิม 5 ธ.ค. เป็นวันที่ 24 มิ.ย. ทั้งที่รู้ว่าประชาชนคนส่วนใหญ่รวมทั้งคนเสื้อแดงไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่การที่แกนนำหัวรุนแรง ยังคงชูประเด็นนี้มาปลุกปั่น อาจจะเป็นชนวนเหตุความขัดแย้ง และก่อให้เกิดความรุนแรงครั้งใหม่ขึ้นได้ เมื่อรวมกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการโฟนอินมาถี่ขึ้นใน 2 จังหวัด อีสาน คือ จ.สกลนคร และจ.บุรีรัมย์ ซึ่งยังคงบิดเบือน ใส่ร้ายรัฐบาล สร้างความสับสนให้ประชาชน ทั้งจากเหตุการณ์สงกรานต์เลือดที่อ้างว่าทหารใช้กระสุนจริง มีคนตาย และซ่อนศพ ซ้ำยังระบุว่า รัฐบาลกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงไม่ใช่คนไทย ซึ่งเป็นการทำเพื่อหวังผลปลุกระดม กุเรื่องสร้างความไม่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้น เป็นพฤติกรรมของคนที่ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ จะไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้ประเทศเดินหน้าแก้วิกฤตต่างๆไปได้ด้วยดี