xs
xsm
sm
md
lg

‘อภิสิทธิ์’เบรกแปรรูปรัฐวิสาหกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกฯ ชะลอแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เหตุเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ต้องขอเวลาปรับปรุงโครงสร้างก่อน ชี้ถ้าทำได้จริงประชาชนต้องได้ประโยชน์มากที่สุด เล็งหารือประเทศจีนเรื่องการสร้างรถรางระหว่างเมือง เผยมาตรการกระตุ้นรอบสองเน้นกระจายลงทุนโครงการขนาดเล็ก พร้อมหวังเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตแรก ช่วยผลักดันจีดีพีไตรมาส 2 ฟื้นตัวจาก -7.1% ในไตรมาส 1

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉพาะสาธารณูปโภค เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งต้องการปรับปรุงระบบโครงสร้างภายในและศักยภาพในการแข่งขันให้ดีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจ รถเมล์ รถไฟฟ้า และพลังงานที่เป็นมีความเป็นไปได้ในการแปรรูป แต่ธุรกิจประเภทสาธารณูปโภคนั้นคงธุรกิจประเภทผูกขาดและสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญในการแปรรูปคือต้องให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด

“หากกระบวนการปรับโครงสร้างรัฐวิสาหกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปทางรัฐบาลคงจะทำการแปรรูปเพื่อเข้าระดมในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป ทั้งนี้การแปรรูปดังกล่าวไม่ใช่ว่าต้องการให้รัฐวิสาหกิจมีกำไรสูงเป็นหลัก แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องตะหนักคือ หากเกิดการแปรรูปรัฐวิสหกิจจริง ประโยชน์ส่วนใหญ่จะต้องไปตกอยู่กับประชาชน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ขณะเดียวทางรัฐบาลมีแนวคิดที่จะเดินทางไปโรดโชว์ในหลายประเทศในช่วงวันที่ 24 -27 มิถุนายน นี้ โดยเฉพาะการเตรียมเข้าพบกับผู้นำประเทศจีน เพื่อพูดคุยเรื่องการสร้างรถรางระหว่างเมือง เพราะประเทศดังกล่าวมีความท้างด้านเงินทุนและศักยภาพในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และที่ผ่านมา 2-3 ปี ได้มีการลงทุนในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี จากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้พอสมควร แม้ว่ารัฐบาลจะมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เช่น เบี้ยยังชีพ, โครงการเรียนฟรี, เช็คช่วยชาติ 2000 บาท, ชุมชนพอเพียง แต่ก็ยังไม่บอกได้ว่าจะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจได้แค่ไหนคงต้องรอดูอีกครั้งหลังจากสิ้นไตรมาสนี้

ทั้งนี้ จากผลสำรวจของสำนักโพลและผู้ประกอบการต่างๆ ได้รับการยืนยันว่าเม็ดเงินที่ทางรัฐบาลอัดฉีดลงไปในระยะสั้นได้เข้าไปหมุนเวียนในระบบเรียบร้อยแล้ว และคงต้องจับตาว่าการเติบโตเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไตรมาส 2/52 ว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/52 ที่ปรากฏว่าติดลบอยู่ทื่ 7.1% ได้แค่ไหน แต่อย่างไรก็ดี ส่วนตัวคงต้องรับว่าการที่มีวันหยุดราชการกว่า 10 วัน ในเดือนเมษายนนั้นก็มีผลต่อเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบที่สอง 2 ภายใต้ชื่อ “โครงการปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง 55” รัฐบาลคงไม่เน้นลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ แต่จะให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงการขนาดเล็กที่กระจายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงที่ผ่านมานั้นพบว่าประสบปัญหาในการขับเคลื่อนเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องของความโปร่งใสและปัญหามวลชน เพราะฉะนั้นการจะหวังพึ่งโครงการขนาดใหญ่เพื่อฟื้นเศรษฐกิจคงเป็นเรื่องยาก รวมทั้งถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดก็อาจจะทำให้เม็ดเงินหายไปค่อนข้างมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น