xs
xsm
sm
md
lg

“เสรีพิศุทธ์” เหยื่อที่ไม่ก้มหัวการเมืองอธรรม !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หากจะพิจารณาย้อนหลังกลับไปเฉพาะในยุคของรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และสังคมก็รับรู้กันไปทั่วว่าเป็น “หุ่นเชิด” ของ “ระบอบทักษิณ” แม้ว่าในรายละเอียดปลีกย่อยยังอาจเรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์ซึ่งกันและกันก็ตาม ขณะเดียวกัน หากพิจารณากรณีของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็นับได้ว่าเป็นข้าราชการรายที่ 3 ที่ตกเป็นเหยื่อของการเมือง“อธรรม”
เพียงแค่เดือนเศษ รัฐบาลของ สมัคร สุนทรเวช ได้ปลดข้าราชการระดับสูงที่สังคมให้การยอมรับนับถือไปถึง 3 ราย
รายแรกก็คือ สุนัย มโนมัยอุดม ถูกคำสั่งโยกย้ายพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อันเป็นผลมาจากการสอบสวนความผิดการ“ซุกหุ้น”ในบริษัทเอสซีแอสเสท ของ “ตระกูลชินวัตร” รายถัดมาก็คือ ปราโมช รัฐวินิจ ที่ถูกปลดพ้นตำแหน่งอธิบดีประชาสัมพันธ์
ซึ่งทุกรายที่ถูกคำสั่งปลดก็มาจากสาเหตุที่ไปขัดขวางพฤติกรรมที่มิชอบของนักการเมืองที่มีอำนาจ หรือถูกปลดเพื่อให้นักการเมืองพ้นผิด เช่น ตัวอย่างของการย้าย สุนัย มโนมัยอุดม สังคมก็รับรู้ว่ามาจากการขุดคุ้ยความผิดของนช.ทักษิณ ชินวัตร
ส่วนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถือว่า อาจขวางทางการกระทำมิชอบของฝ่ายการเมือง และหากยังปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อไป ดังนั้นจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้พ้นไปให้ได้
แต่อาจจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็ตรงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นอกจากไม่นิ่งเงียบแล้ว แต่ยังฮึดสู้ ทวงถามความยุติธรรมตามแบบฉบับของตัวเอง แม้บางครั้งต้องใช้เวลารอคอยนานเป็นปีก็ตาม
และถ้าจะโฟกัสกันเฉพาะข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทยอยตามกันมามีถึง 12 ข้อจาก 3 คำสั่ง ล้วนฉกรรจ์ทั้งสิ้น หากเป็นคนอื่นอาจต้องถอดใจ ต้องยอมปล่อยไปตามยถากรรม เนื่องจากในยุคนั้นยังมองไม่เห็นทางที่จะต่อกรได้เลย เพราะเห็นกันอยู่ว่า ระบอบทักษิณ ได้คืนชีพกลับมาใหญ่“คับฟ้า” อีกรอบ ผ่านทาง“หุ่นเชิด” สมัคร สุนทรเวช
อย่างไรก็ดี ถ้ากล่าวกันอย่างตรงไปตรงมาก็ถือว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีต้นทุนทางสังคมสูง ไม่น้อยเหมือนกัน สังคมส่วนใหญ่ยกย่องว่าเป็นนายตำรวจ“ตงฉิน” ตรงไปตรงมา และหากพลิกประวัติกลับไปสมัยรับราชการตอนหนุ่มๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใคร ไม่รู้จัก “วีระบุรุษนาแก” คนนี้
ในยุคที่ขับเคี่ยวต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จนได้รับพระราชการเหรียญกล้าหาญ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงที่น้อยคนนักที่เคยสัมผัสได้แบบนี้
ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่ง การสอบสวนหาความผิดกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับกลายเป็นว่าได้สร้าง“ผลลบ” ให้กับ สมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลพรรคพลังประชาชนของ ทักษิณ ชินวัตร ได้อย่างรวดเร็ว เพราะแทบทุกคนรู้ว่าเป็นการ “กลั่นแกล้ง” ข้าราชการ
ต้องการเตะโด่งคนหนึ่งออกไป เพื่อที่จะดันพรรคพวกเดียวกันขึ้นมาเป็นใหญ่ เพื่อประโยชน์ในเส้นทางอำนาจ และการรักษาอำนาจของตัวเองเท่านั้น
พฤติกรรมของรัฐบาลในยุคนั้นจึงได้สร้างเงื่อนไขให้เกิดการต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ ทกวัน จนในที่สุดจะด้วยเป็นเพราะธรรมะย่อมชนะอธรรม หรือว่า ความดีย่อมชนะความชั่ว หรือเปล่าก็ไม่รู้ ในที่สุดรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนั้นก็ต้องปิดฉากลงอย่างน่าเศร้า และอาจจะต้องมีสิทธิ์ติดคุกติดตะรางตามมาในอีกไม่นานก็ได้
ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หลังจากต้องทนรอมานานกว่า 1 ปี ซึ่งตามระเบียบของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ระบุไว้ว่า ต้องสอบสวนให้เสร็จสิ้น แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรได้ เพราะทุกอย่างหักล้างได้หมด จึงไม่มีอะไรใน“กอไผ่”
แต่ในทางตรงกันข้ามจากนี้ไปฝ่ายที่รุกไล่เอาคืน ตามทวงถามความยุติธรรมก็คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั่นเอง เชื่อว่าจะ “โดน” กันกราวรูดตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว ซึ่งต้องไปว่ากันตามช่องทางกระบวนการต่อไป
อย่างไรก็ดี นาทีนี้สำหรับเส้นทางราชการของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถือว่าได้จบลงแล้ว เนื่องจากได้เกษียณอายุ แต่ที่น่าจับตาของหลายฝ่ายก็คือ เขาจะกระโดดลงสู่สนามการเมืองหรือไม่ เพื่อเข้าไปละลายความเน่าเหม็นหรือไม่
เพราะก่อนหน้านี้มีการจับตามอง และคาดหมายกันว่าเขาอาจจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลังจากเกษียณอายุราชการในปี 2551 แต่ก็มาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นเสียก่อน
ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน ก็ย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเอง แต่หากจะลงสู่เส้นทางการเมืองก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะอยู่บนเส้นทาง“สองแพร่ง”
และที่สำคัญยังเป็นคนที่มีต้นทุน สังคมยังให้ความศรัทธากำกับอยู่ข้างหลัง !!
กำลังโหลดความคิดเห็น