“จักรภพ” ออกลายอีกแล้ว สั่งเด้งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ โยกไปดูแลงานทีวีอาเซียน อ้างเป็นโครงการใหญ่ต้องใช้คนเก่ง ดันเผชิญ รักษาการแทน คนวงในระบุเป็นเรื่องที่แปลก อยู่ดีๆให้ข่าวก่อนว่าโยกย้าย เจ้าตัวงงยังไม่เห็นคำสั่งทางการ เผยทีวีอาเซียนเป็นโครงการเก่าไม่ใช่เกิดในรัฐบาลชุดนี้
เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.) รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช โดยนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจทางการเมืองสั่งปลดข้าราชการประจำอีกแล้ว
โดยนายจักรภพ กล่าวว่า ได้ทำเรื่องถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ย้ายนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ช่วยดูงานสถานีโทรทัศน์อาเซียนที่จะเปิดขึ้นมาใหม่ ซึ่งนายสมัครได้ลงนามในคำสั่งเรียบร้อยแล้ว และจะมีผลวันที่ 29 ก..พ.นี้ ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งให้ นายเผชิญ ขำโพธิ์ รองอธิบดี ขึ้นรักษาการอธิบดีแทน
ทั้งนี้ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นเพราะรัฐบาลมีงานเร่งด่วน จำเป็นต้องให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถไปดำเนินการในวาระเร่งด่วนของรัฐบาล
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นายจักรภพ บอกว่า เรื่องการสั่งย้ายหรือไม่สั่งย้ายอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์นั้น ยังตอบไม่ได้ตอนนี้ ต้องรอให้โอกาสทำงานก่อนเป็นระยะเวลา 1 เดือน จึงมาพิจารณากันใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าการโยกย้ายครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการที่นายปราโมชทำงานสนองรัฐบาลชุดที่แล้วหรือ คมช.มาก่อน นายจักรภพกล่าวว่า เหตุผลหลายประการประกอบกัน แต่ที่นำเรื่อง อื่นๆมา ก็คือมีเรื่องอื่นที่สำคัญรออยู่ให้ได้ทำงาน ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเพียงการประเมินผลในภาพรวม แต่ทั้งหมดไม่มีความสำคัญเท่ากับการตัดสินใจครั้งนี้เท่ากับงานโทรทัศน์อาเซียน ที่จะขอให้ท่านมาทำ โดยจะมารับงานขั้นต้น ในการจัดองค์ประกอบในการทำงาน การจัดตั้งคณะทำงาน หรือคณะกรรมการ จะอยู่ในอำนาจของท่านปราโมช และจะเป็นผู้เริ่มต้นการทำงาน วางคน และงบประมาณ ถือว่าเป็นสิ่งเหมาะสมที่ได้นายปราโมชเข้ามาทำงาน
“คุยกันในหลักการกับนายปราโมชว่า โครงการโทรทัศน์อาเซียเป็นโครงการสำคัญ และต้องการผู้ใหญ่เข้ามาดูแล ส่วนการดำเนินการต่างๆ จะต้องแจ้งตามขั้นตอนต่อไป”
เมื่อถามว่า เชื่อว่าการโยกย้ายครั้งนี้นายปราโมชรับได้หรือไม่ ที่ไม่เหมือนการโยกย้ายเลขาธิการ อย. นายจักรภพ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่า คนอื่นๆจะพูดกันอย่างไร และท่านจะได้รับผลกระทบจากคำพูดของคนอื่นๆอย่างไร เมื่อถามอีกว่า คิดว่าข้าราชการจะรับได้หรือไม่ เพราะรัฐบาลมารับงานไม่ถึง 1 เดือน ย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไป 2 กระทรวงแล้ว นายจักรภพ กล่าวว่า จริงๆแล้วในหลายกรณีออกจะขยับคนช้าเกินไปด้วยซ้ำไป
แหล่งข่าววงใน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลก เนื่องจากการสั่งโยกย้ายนั้นข้าราชการนั้น โดยเฉพาะถ้าหากเป็นระดับ ซี 10 และ ซี 11 จะต้องเข้าคณะรัฐมนตรีให้รับทราบก่อน มีขั้นตอนของมันอยู่แล้วไม่ใช่อยู่ดีๆก็มาโยกย้ายให้ข่าวอย่างนี้
“เท่าที่ทราบ ทั้งนายปราโมช และนายเผชิญ ที่มีข่าวว่าได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการแทนนั้น ก็ยังไม่รู้เรื่องเลย และถ้าหากว่าจะเอาเรื่องนี้เข้าครม.จริงในวันอังคารหน้า ก็ไม่น่าจะมีการออกมาพูดกันก่อน เรื่องนี้คงเป็นเรื่องของการเมืองอยู่แล้ว โดยทราบว่านายปราโมช จะขอดูคำสั่งที่ให้โยกย้ายอีกครั้งว่ามีความเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่”
แหล่งข่าวระบุว่า เหตุผลที่นายปราโมชถูกย้ายในครั้งนี้ เนื่องจากว่านายปราโมช เคยได้รับคำสั่งจากสมัย คมช.ให้โยกย้ายข้าราชการที่ฝักใฝ่รัฐบาลทักษิณ ออกจากสายงานบริหาร และปฎิบัติการ ซึ่งข้าราชการเหล่านี้ก็ได้เข้าไปร้องเรียนผ่านคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้นายจักรภพ เข้ามาย้ายนายปราโมชในที่สุดเพื่อเปิดทางให้กับกลุ่มข้าราชการเหล่านี้กลับเข้ามาเหมือนเดิม
สำหรับโครงการที่นายจักรภพให้นายปราโมชไปดูนั้นคือ โครงการสถานีโทรทัศน์อาเซียน ยังเป็นโครงการที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าใดนัก และถือเป็นโครงการเก่าของกรมประชาสัมพันธ์ที่มีมาอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการใหม่เลย โดยโครงการนี้กรมประชาสัมพันธ์จะร่วมมือกับทางประเทศในกลุ่มอาเซียนเพื่อทำรายการโทรทัศน์ขึ้นมาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งจะใช้สถานีของกรมประชาสัมพันธ์ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นฐาน เนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่รู้จักดีทั่วโลก
ทั้งนี้จะผลิตรายการเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวเป็นภาคภาษาอังกฤษแล้วยิงสัญญาณผ่านดาวเทียมเพื่อส่งสัญญาณไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ร่วมโครงการกัน ขณะที่ประเทศอื่นก็จะมีกาผลิตรายการแล้วส่งสัญญาณขึ้นดาวเทียมนี้เช่นกัน ซึ่งเริ่มคิดกันมาตั้งแต่ 1-2 ปีที่ผ่านมาแล้ว แต่ก็ยังไม่คลอดออกมาสักที
ทั้งนี้ นายปราโมช ได้กล่าวสั้นๆว่า ไม่ทราบรายละเอียด เพราะยังไม่ได้รับหนังสือหรือคำสั่งอย่างเป็นทางการ แต่ในฐานะข้าราชการก็ต้องปฎัติตามคำสั่งอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบรรยากาศก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับมาประเทศไทยนั้น ทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ภายใต้การกำกับดูแลของนายจักรภพ ได้นำเอารายการเก่าของช่องทีไอทีวีซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ของ จอม เพชรประพับ ผู้ดำเนินรายการ มาออกอากาศซ้ำ ซึ่งถือเป็นช่วงที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาประเทศไทยพอดี ขณะเดียวกันในส่วนของช่องไทยพีบีเอส ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ก็คือ อดีตพนักงานของทีไอทีวี หรือไอทีวีเดิมในช่วงที่มีพ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของนั้น ก็มีการรายงานข่าวการเดินทางกลับมาอย่างต่อเนื่อง แต่การรายงานข่าวนั้น ค่อนข้างเป็นที่น่าสังเกตุว่า พยายามสร้างภาพเชิงบวก มีการไปสัมภาษณ์ความรู้สึกของประชาขน โดยเน้นเฉพาะคนในภาคเหนือเท่านั้นที่เป็นพื้นที่เกิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่ารู้สึกอย่างไรกับการกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ
เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.) รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช โดยนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจทางการเมืองสั่งปลดข้าราชการประจำอีกแล้ว
โดยนายจักรภพ กล่าวว่า ได้ทำเรื่องถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ย้ายนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ช่วยดูงานสถานีโทรทัศน์อาเซียนที่จะเปิดขึ้นมาใหม่ ซึ่งนายสมัครได้ลงนามในคำสั่งเรียบร้อยแล้ว และจะมีผลวันที่ 29 ก..พ.นี้ ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งให้ นายเผชิญ ขำโพธิ์ รองอธิบดี ขึ้นรักษาการอธิบดีแทน
ทั้งนี้ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นเพราะรัฐบาลมีงานเร่งด่วน จำเป็นต้องให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถไปดำเนินการในวาระเร่งด่วนของรัฐบาล
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นายจักรภพ บอกว่า เรื่องการสั่งย้ายหรือไม่สั่งย้ายอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์นั้น ยังตอบไม่ได้ตอนนี้ ต้องรอให้โอกาสทำงานก่อนเป็นระยะเวลา 1 เดือน จึงมาพิจารณากันใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าการโยกย้ายครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการที่นายปราโมชทำงานสนองรัฐบาลชุดที่แล้วหรือ คมช.มาก่อน นายจักรภพกล่าวว่า เหตุผลหลายประการประกอบกัน แต่ที่นำเรื่อง อื่นๆมา ก็คือมีเรื่องอื่นที่สำคัญรออยู่ให้ได้ทำงาน ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเพียงการประเมินผลในภาพรวม แต่ทั้งหมดไม่มีความสำคัญเท่ากับการตัดสินใจครั้งนี้เท่ากับงานโทรทัศน์อาเซียน ที่จะขอให้ท่านมาทำ โดยจะมารับงานขั้นต้น ในการจัดองค์ประกอบในการทำงาน การจัดตั้งคณะทำงาน หรือคณะกรรมการ จะอยู่ในอำนาจของท่านปราโมช และจะเป็นผู้เริ่มต้นการทำงาน วางคน และงบประมาณ ถือว่าเป็นสิ่งเหมาะสมที่ได้นายปราโมชเข้ามาทำงาน
“คุยกันในหลักการกับนายปราโมชว่า โครงการโทรทัศน์อาเซียเป็นโครงการสำคัญ และต้องการผู้ใหญ่เข้ามาดูแล ส่วนการดำเนินการต่างๆ จะต้องแจ้งตามขั้นตอนต่อไป”
เมื่อถามว่า เชื่อว่าการโยกย้ายครั้งนี้นายปราโมชรับได้หรือไม่ ที่ไม่เหมือนการโยกย้ายเลขาธิการ อย. นายจักรภพ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่า คนอื่นๆจะพูดกันอย่างไร และท่านจะได้รับผลกระทบจากคำพูดของคนอื่นๆอย่างไร เมื่อถามอีกว่า คิดว่าข้าราชการจะรับได้หรือไม่ เพราะรัฐบาลมารับงานไม่ถึง 1 เดือน ย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไป 2 กระทรวงแล้ว นายจักรภพ กล่าวว่า จริงๆแล้วในหลายกรณีออกจะขยับคนช้าเกินไปด้วยซ้ำไป
แหล่งข่าววงใน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลก เนื่องจากการสั่งโยกย้ายนั้นข้าราชการนั้น โดยเฉพาะถ้าหากเป็นระดับ ซี 10 และ ซี 11 จะต้องเข้าคณะรัฐมนตรีให้รับทราบก่อน มีขั้นตอนของมันอยู่แล้วไม่ใช่อยู่ดีๆก็มาโยกย้ายให้ข่าวอย่างนี้
“เท่าที่ทราบ ทั้งนายปราโมช และนายเผชิญ ที่มีข่าวว่าได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการแทนนั้น ก็ยังไม่รู้เรื่องเลย และถ้าหากว่าจะเอาเรื่องนี้เข้าครม.จริงในวันอังคารหน้า ก็ไม่น่าจะมีการออกมาพูดกันก่อน เรื่องนี้คงเป็นเรื่องของการเมืองอยู่แล้ว โดยทราบว่านายปราโมช จะขอดูคำสั่งที่ให้โยกย้ายอีกครั้งว่ามีความเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่”
แหล่งข่าวระบุว่า เหตุผลที่นายปราโมชถูกย้ายในครั้งนี้ เนื่องจากว่านายปราโมช เคยได้รับคำสั่งจากสมัย คมช.ให้โยกย้ายข้าราชการที่ฝักใฝ่รัฐบาลทักษิณ ออกจากสายงานบริหาร และปฎิบัติการ ซึ่งข้าราชการเหล่านี้ก็ได้เข้าไปร้องเรียนผ่านคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้นายจักรภพ เข้ามาย้ายนายปราโมชในที่สุดเพื่อเปิดทางให้กับกลุ่มข้าราชการเหล่านี้กลับเข้ามาเหมือนเดิม
สำหรับโครงการที่นายจักรภพให้นายปราโมชไปดูนั้นคือ โครงการสถานีโทรทัศน์อาเซียน ยังเป็นโครงการที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าใดนัก และถือเป็นโครงการเก่าของกรมประชาสัมพันธ์ที่มีมาอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการใหม่เลย โดยโครงการนี้กรมประชาสัมพันธ์จะร่วมมือกับทางประเทศในกลุ่มอาเซียนเพื่อทำรายการโทรทัศน์ขึ้นมาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งจะใช้สถานีของกรมประชาสัมพันธ์ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นฐาน เนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่รู้จักดีทั่วโลก
ทั้งนี้จะผลิตรายการเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวเป็นภาคภาษาอังกฤษแล้วยิงสัญญาณผ่านดาวเทียมเพื่อส่งสัญญาณไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ร่วมโครงการกัน ขณะที่ประเทศอื่นก็จะมีกาผลิตรายการแล้วส่งสัญญาณขึ้นดาวเทียมนี้เช่นกัน ซึ่งเริ่มคิดกันมาตั้งแต่ 1-2 ปีที่ผ่านมาแล้ว แต่ก็ยังไม่คลอดออกมาสักที
ทั้งนี้ นายปราโมช ได้กล่าวสั้นๆว่า ไม่ทราบรายละเอียด เพราะยังไม่ได้รับหนังสือหรือคำสั่งอย่างเป็นทางการ แต่ในฐานะข้าราชการก็ต้องปฎัติตามคำสั่งอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบรรยากาศก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับมาประเทศไทยนั้น ทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ภายใต้การกำกับดูแลของนายจักรภพ ได้นำเอารายการเก่าของช่องทีไอทีวีซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ของ จอม เพชรประพับ ผู้ดำเนินรายการ มาออกอากาศซ้ำ ซึ่งถือเป็นช่วงที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาประเทศไทยพอดี ขณะเดียวกันในส่วนของช่องไทยพีบีเอส ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ก็คือ อดีตพนักงานของทีไอทีวี หรือไอทีวีเดิมในช่วงที่มีพ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของนั้น ก็มีการรายงานข่าวการเดินทางกลับมาอย่างต่อเนื่อง แต่การรายงานข่าวนั้น ค่อนข้างเป็นที่น่าสังเกตุว่า พยายามสร้างภาพเชิงบวก มีการไปสัมภาษณ์ความรู้สึกของประชาขน โดยเน้นเฉพาะคนในภาคเหนือเท่านั้นที่เป็นพื้นที่เกิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่ารู้สึกอย่างไรกับการกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ
