xs
xsm
sm
md
lg

“ส.ศิวรักษ์”สับ รบ.”หมัก”ใช้อคติ ย้าย ขรก. - น่าสะอิดสะเอียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ส.ศิวรักษ์”สับรัฐบาล“หมัก”ใช้อคติโยกย้าย ขรก.โดยขาดธรรมะนักปกครอง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่ได้มาด้วยวิธีวิธีกะล่อน น่าสะอิดสะเอียน เชื่อลึกๆ กลัว“เสรีพิศุทธ์” ด้านเจ้าอาวาสวัดไทยในรัสเซียระบุย้ายบิ๊ก ตร.เพื่อขจัดอุปสรรคการช่วยเหลืออดีตนายกฯ สอนผู้นำลำเอียงความคิดไม่ต่างจากเด็กอมมือ

นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักคิดนักเขียน ให้สัมภาษณ์ รายการ “ตามหาแก่นธรรม” ดำเนินรายการโดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา กรณีรัฐบาลสั่งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงหลายราย ทั้งที่เพิ่งเข้ามาทำงานและไม่ได้อยู่ในฤดูการโยกย้ายว่า การบริหารบ้านเมืองนั้นควรมีทั้งพระเดชและพระคุณ หลักธรรมนั้นควรใช้พระคุณเป็นหลัก ใช้เมตตากรุณาเป็นหลัก อย่าใช้อคติ อย่าใช้ความลำเอียง ความเกลียด ความหลง ความรัก อคติ 4 นี้ เป็นตัวทำลายที่ร้ายแรงที่สุด

“แน่นอนตอนนี้คุณมีอำนาจ คุณจะใช้ยังไงก็ได้ แต่ตรงนี้พลาดนะครับ เพราะมนุษย์นี่ โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ในการบริหารบ้านเมืองระดับชาตินั้น ต้องประกอบไปด้วยพรหมวิหาร 4 รู้จักใช้เมตตา กรุณา แม้คนที่ผิดก็ต้องรู้จักใช้กรุณา มุทิตา อุเบกขา”

นายสุลักษณ์กล่าวต่อว่าธรรมะเหล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นธรรมะสำหรับผู้ใหญ่ คนจะเป็นผู้ใหญ่ไมได้ ถ้าไม่มีพรหมวิหาร 4 ประการนี้

“แล้วผู้ปกครองบ้านปกครองเมืองเวลานี้ เป็นผู้ใหญ่เพียงหัวหงอก เป็นผู้ใหญ่เพียงมีอำนาจ เข้ามาโดยการจอมปลอม กะล่อน มีรูปแบบซึ่งตัวเองชนะการเมืองมา ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าชนะแบบนี้คุณใช้วิธีกะล่อนอย่างไรมาบ้าง ต้องมาหัดพิจารณาตัวเองนะครับว่า ตัวเองเพิ่งเข้ามามีอำนาจไม่เท่าไหร่ ควรจะใช้ขันติธรรม ฟัง คิด พูด ด้วยวิจารณญาณ นั่นคือการบริหารบ้านเมือง”

กรณีที่อ้างว่าต้องปลดข้าราชการเหล่านั้น เพราะขึ้นมาโดย คมช. นายสุลักษณ์ กล่าวว่า การมองแบบนี้ คุณมองดำเป็นขาว ผิดเป็นถูก ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า เป็นอันตรายมาก ทุกอย่างมันมีอิทัปปจยตา มันโยงใยกัน คุณต้องดูคน แม้คนๆ นี้ คมช.ตั้ง เขามีจุดดีอะไรบ้าง จุดอ่อนอะไรบ้าง ต้องรู้จักใช้ รู้จักเลี้ยงคน

ยกตัวอย่าง 2475 ล้มระบบสมบูรณาญาสิทธิราช แต่คณะราษฎรก็ยังขอให้เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีซึ่งเป็นเสนาบดีเก่ามาเป็นประธานรัฐสภา ขอให้เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ ซึ่งเป็นเสนาบดีในรัชกาลที่ 7 มาเป็นผู้แทนของฝ่ายราษฎร คือเป็นการรอมชอมแบบไทย ซึ่งเวลานั้นมีความเป็นพุทธเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ไม่พยายามหักหาญ ไม่พยายามทำลายล้าง นี่คือวิธีบริหารบ้านเมืองซึ่งมีทศพิธราชธรรมเป็นแบบอย่าง ซึ่งทศพิธราชธรรมไม่ใช่ธรรมสำหรับพระราชาเท่านั้น เป็นธรรมะสำหรับผู้ปกครองบ้านเมืองทั้งหมด

“แต่ตอนนี้ เราไม่เข้าใจประเด็นนี้ มึงมาเพราะไอ้นี่ กูต้องเอาไอ้นี้ มันเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำเพราะอคติ 4 อย่าง เพราะเกลียด เพราะรัก เพราะหลง เพราะกลัว นี่อันนี้ ลึกๆ อาจจะกลัวคุณเสรีพิศุทธ์ก็ได้ นี่พูดอย่างไม่เกรงใจ

“ถ้าเรา ไม่กลัวเสียอย่าง ใช้ความรักเป็นเจ้าเรือนเสียอย่าง มันทำได้ คนเหล่านี้ ผมน่าสงสารนะครับ เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ เป็นคนที่น่าเกลียด น่าสะอิดสะเอียน”นายสุลักษณ์ กล่าว

ด้านพระ รศ.ดร.ชาตรี เหมพันโธ เจ้าอาวาสวัดอภิธรรมพุทธวิหาร เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซียกล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจเป็นเรื่องปกติ ข้าราชการประจำจะโดนรังแกมาตลอด กรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็เห็นใจ คนเรามีทั้งส่วนดีส่วนเสีย แต่ก็ต้องเอามาวิเคราะห์ ตอนนี้มันเกี่ยวข้องกับเรื่องอำนาจด้วย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นคนที่ตรงไปตรงมา ค่อนข้างเด็ดขาด ดังนั้นการที่จะ ช่วยเหลืออดีตนายกฯ ที่เพิ่งเดินทางกลับมาอาจจะมีข้อขัดข้อง ดังนั้นกรณีการโยกย้ายจึงเป็นเรื่องธรรมดา ก็อยากให้กำลังใจท่านเสรีฯ ให้มองเรื่องโลกธรรม คือได้ยศก็เสื่อมยศได้ มันยิ่งวกว่าอนิจจัง ให้มองว่าเป็นอนัตตา อย่าไปยึดว่านี่คืออำนาจของเรา

“ความจริงก็ต้องสู้ ถึงแม้ว่าจะโดนกลั่นแกล้ง คนที่แน่จริงต้องสู้ ใช้ธรรมะในการปลอบใจตัวเองเพื่อสู้โดยไม่ต้องมีทุกข์ และต้องสู้ต่อ”

เจ้าอาวาสวัดไทยในรัสเซีย กล่าวต่อว่า คนที่จะปลดคน พระพุทธเจ้าบอกว่าต้องเป็นคนมีคุณธรรม มีความอ่อนโยน มีความน่ารัก มีความหนักแน่น คนที่ไปกลั่นแกล้งคุณเสรีพิศุทธ์ ไม่มีความหนักแน่นพอ มองเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ของกลุ่มคนของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้มองว่าตอนนี้ประเทศชาติตกอยู่ในวิกฤติ เราจะแก้ปัญหาประเทศชาติอย่างไร เราก็มองไม่ออก แล้วคุณเสรีพิศุทธ์ก็พยายามทำอยู่แล้ว แต่ว่าคนที่สั่งย้ายเขามองผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติ

ถ้าจะอ้างว่าต้องเอาคนที่รู้ใจ ที่สั่งได้มาทำงาน แสดงว่านักบริหารคนนี้แย่มาก เพราะนักบริหารที่แท้จริงต้องสั่งได้และรู้จักบริหารงานได้กับแม้แต่ศัตรูของตัวเอง สามารถทำงานกับคนที่ตัวเองไม่ชอบได้

“แต่ถ้าคุณไม่ชอบใครแล้วดึงเขาออกนี่ เพื่อให้ตัวเองทำงานสะดวกขึ้น อาตมาคิดว่าไม่ใช่ หลักการบริหารงานในเชิงพุทธก็คือถ้าเรารู้ว่าเราไม่ชอบใครเราต้องพยายามทำงานกับคนนั้นให้ได้ ต้องสามารถชนะใจ ชนะความโกรธ ชนะความอยากของตัวเองให้ได้ แล้วจึงจะเป็นนักบริหาร ไม่ใช่เราไม่ชอบใครแล้วเราตัดออก หรือเขี่ยทิ้ง”

“อาตมาเห็นว่า ผู้นำประเทศ ไม่ควรจะมีอคติ 4 เพราะมันบ่งบอกว่า ผู้นำคนนั้นมีความอ่อนแอทางด้านจริยธรรม ถ้ายังมีอคติ 4 อยู่ คือ ลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะเกลียด ลำเอียงเพราะหลง แล้วก็ลำเอียงเพราะกลัว แสดงว่ายังไม่เป็นผู้นำ ยังเป็นผู้นำที่เป็นเด็กมาก อาจจะผมขาวแล้ว แต่ยังเป็นเด็กทารก นี่ในสายตาอาตมาที่เรียนรัฐศาสตร์ มองว่าผู้นำคนนั้นเป็นผู้นำที่เป็นเด็กอมมือ”พระชาตรีกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น