ASTVผู้จัดการรายวัน-พันธมิตรฯยืนยันจุดยืนคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือฤกษ์วันรำลึกสลายการชุมนุม 7 ต.ค. ยื่น 2 หมื่นชื่อถอดถอน ส.ส.-ส.ว. ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไข 8 ก.ย. ประชุมใหญ่พรรคการเมืองใหม่ "สนธิ"ปูดนักการเมืองชื่อดังซื้อเสียงตุลาการ รอดคดีกล้ายาง เรียกร้อง"มาร์ค" ปลด"พัชรวาท" พิสูจน์ไม่ได้มีข้อตกลงกองทัพค้ำรัฐบาล พร้อมแจงจุดยืนผลักดันชาวเขมร ออกจากพื้นที่เขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (8ก.ย.) ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันแถลงจุดยืนต่อสถานการณ์บ้านเมือง
นายสนธิกล่าวว่า ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จุดยืนของพันธมิตรฯไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังยืนยันที่จะเดินหน้าต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกวิถีทาง โดยจะเริ่มต้นด้วยการเข้าชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อ ยื่นถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่ลงชื่อเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยถือฤกษ์ในวันที่ 7 ต.ค. ยื่นรายชื่อทั้งหมดให้กับประธานวุฒิสภา ซึ่งในวันดังกล่าวทางพันธมิตรฯ จะจัดงานรำลึกถึงวีรชนที่เสียชีวิต และพิการ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 โดยจะจัดงานยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่เคยจัดมา พร้อมกันนี้ ในวันที่ 8 ต.ค. ก็จะมีการประชุมใหญ่สามัญพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค
"วันนี้อยากให้ทุกคนเชื่อว่า แผ่นดินไทยศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ดูจากผลการชี้มูลเรื่องการสลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ ของป.ป.ช.เมื่อวาน อยากเตือน ส.ส.และส.ว.ว่า ทุกอย่างเป็นอนิจจัง วันนี้คุณเป็นรัฐบาล เป็นประธานสภา แต่เมื่อถูกถอดถอน ถูกลงโทษในฐานะที่ทำความผิด วันนั้นคุณอาจไม่ได้เป็นอะไรเลย อย่าลืมถ้าคุณทำผิด นอกจากจะได้รับโทษแล้วจะยังถูกสาปแช่งด้วย"
นายสนธิกล่าวต่อว่า ผลของป.ป.ช. ที่ออกมา แม้จะไม่น่าพอใจ 100 % เพราะมีนายตำรวจหลายรายที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะทีมทนายความของพันธมิตรฯ จะดำเนินการฟ้องร้องเอาคนที่ทำผิดมาลงโทษ และขอเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ปลดพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้แล้ว
"ผมเองก็อยากจะถามว่า จริงหรือเปล่าที่ตอนตั้งรัฐบาลนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปตกลงกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณว่า ถ้าไม่อยากให้ทหารมายึดอำนาจ ต้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท อยู่ในตำแหน่งจนเกษียณอายุราชการ ซึ่งพันธมิตรฯ ก็จะคอยดูว่า นายกฯ จะกล้าตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ หรือจะตัดสินเพื่อผลประโยชน์ในการที่รักษาตำแหน่งนายกฯไว้ต่อไป ซึ่งก็ขอรอดูความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์"
**แฉล็อบบี้ตุลาการคดีกล้ายาง
นายสนธิ กล่าวด้วยว่า ได้ยินข่าวว่าขณะนี้มีความพยายามวิ่งเต้นที่จะซื้อเสียงของตุลาการที่เป็นองค์คณะพิจารณาคดีกล้ายาง เพื่อให้คำพิพากษาที่จะมีการอ่านในวันที่ 21 ก.ย.นี้ มีผลให้ไม่ผิด โดยเสียงที่ออกมาจะเป็น 8 ต่อ 1 ซึ่งคนที่วิ่งเต้น ก็คือคนที่สังคมไทยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะมีความผิด พันธมิตรฯหวังว่า ตุลาการฯผู้ทรงศีล ทรงความยุติธรรม จะเป็นผู้ที่ไม่หวังกับลาภ ยศ ตนไม่ต้องการทำให้วงการตุลาการต้องเสื่อมเสีย จึงต้องออกมาพูดเรื่องนี้
**ผิดหวังกษิตชี้แจงเขาพระวิหารมั่ว
ส่วนกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น นายสนธิ กล่าวว่า การชี้แจงผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา สร้างความผิดหวัง และยิ่งสร้างข้อสงสัยให้กับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ที่ร่วมต่อสู้กับนายกษิตที่ขณะนั้นเป็นเอกอัครราชทูต และขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ว่า จุดยืนของนายกษิต เปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะการที่นายกษิต ชี้แจงว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่เป็นปัญหา ไทยยังไม่เสียดินแดน เพราะถือแผนที่คนละฉบับกับกัมพูชา และยังกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาทางเดียว คือการเจรจานั้น ถือเป็นคำพูดที่พันธมิตรฯ รับไม่ได้ เพราะขณะนี้ทหารเขมรได้เข้าตรึงกำลัง โดยมีชุมชนชาวเขมร และสิ่งก่อสร้าง รวมทั้งวัด ขยายอาณาเขตเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเวลา เท่ากับไทยเสียดินแดนไปแล้วโดยพฤตินัย ซึ่งพันธมิตรฯเห็นว่า รัฐบาลต้องแสดงจุดยืนด้วยการสั่งให้มีการผลักดันทหารเขมร และชุมชนออกจากพื้นที่ดังกล่าวทันที แล้วค่อยเปิดการเจรจา เพราะหากเจรจาไปโดยปล่อยให้มีการรุกพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ การเสียดินแดนคงไม่ใช่แค่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น
"ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการรุกล้ำพื้นที่ดังกล่าวเลย ซึ่งถ้าจำกันได้ ทั้ง สปก. ที่ยกที่ให้กับคนรวย หรือ ปรส. ที่ยกทรัพย์สินให้กับฝรั่ง แล้วให้เขาเอากลับมาขายคืนคนไทย ก็ล้วนแต่เกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น รวมทั้งการเสียปราสาทเขาพระวิหาร ในคราวต่อสู้ที่ศาลโลก ดังนั้นเราต้องระวัง เพราะอะไรที่เกี่ยวกับแผ่นดิน ทรัพย์สิน ประชาธิปัตย์ ชำนาญนัก"
**อัด"กษิต"เปลี่ยนไป ทิ้งจุดยืนเดิม
ด้านนายปานเทพ ตั้งข้อสังเกตกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของนายกษิต โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 51 ภริยาของนายฮุนเซน นายกฯกัมพูชาและคณะได้เดินทางมาทำพิธีที่วัดแก้วศิขะคีรีสวน ซึ่งขณะนั้นพันธมิตรฯ ที่นายกษิตก็ร่วมอยู่ด้วย มีความเห็นตรงกันและเรียกร้องว่า รัฐบาลต้องประท้วงการเข้ามาของภริยานายกฯฮุนเซน เพราะถือเป็นการบุกรุกอธิปไตยของไทย แต่วันนี้นายกษิต กลับชี้แจงว่า การบุกรุกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ต้องให้ผู้นำของทั้งประเทศเจรจาเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยไม่มีการพูดถึงการผลักดันชาวเขมร หรือสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่เลย ทั้งที่เป็นข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ที่นายกษิต ก็เคยเห็นด้วย ก่อนเข้ารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่า นายกษิต หลงลืมจุดยืนของตนเอง
ส่วนนายพิภพ กล่าวว่า เมื่อป.ป.ช. มีการชี้มูลความผิดกรณีสลายการชุมนุม 7 ตุลา แล้ว นายกฯ ควรแสดงความเป็นผู้นำ โดยการปลดข้าราชการ นักการเมือง ออกจากตำแหน่งหน้าที่ทันที รวมทั้งกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเมื่อนายกฯ พูดชัดว่าขณะนี้ประเทศมีปัญหาภาวะเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย ดังนั้นจึงยังไม่ควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ร่างมาเพื่อขจัดนักการเมืองโกงกิน และระบบการเมืองเก่าให้หมดไป เพื่อสร้างการเมืองใหม่ให้มีความโปร่งใสขึ้นมา อีกทั้งประเด็นที่เสนอแก้ 6 ประเด็น ก็ล้วนแต่เป็นการแก้เพื่อประโยชน์นักการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น ในวันที่ 7 ต.ค. พันธมิตรฯ ก็จะนำรายชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อ ไปยื่นประธานวุฒิสภา เพื่อให้เห็นว่า วิญญาณผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ต.ค. ยอมไม่ได้ที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (8ก.ย.) ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันแถลงจุดยืนต่อสถานการณ์บ้านเมือง
นายสนธิกล่าวว่า ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จุดยืนของพันธมิตรฯไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังยืนยันที่จะเดินหน้าต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกวิถีทาง โดยจะเริ่มต้นด้วยการเข้าชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อ ยื่นถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่ลงชื่อเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยถือฤกษ์ในวันที่ 7 ต.ค. ยื่นรายชื่อทั้งหมดให้กับประธานวุฒิสภา ซึ่งในวันดังกล่าวทางพันธมิตรฯ จะจัดงานรำลึกถึงวีรชนที่เสียชีวิต และพิการ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 โดยจะจัดงานยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่เคยจัดมา พร้อมกันนี้ ในวันที่ 8 ต.ค. ก็จะมีการประชุมใหญ่สามัญพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค
"วันนี้อยากให้ทุกคนเชื่อว่า แผ่นดินไทยศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ดูจากผลการชี้มูลเรื่องการสลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ ของป.ป.ช.เมื่อวาน อยากเตือน ส.ส.และส.ว.ว่า ทุกอย่างเป็นอนิจจัง วันนี้คุณเป็นรัฐบาล เป็นประธานสภา แต่เมื่อถูกถอดถอน ถูกลงโทษในฐานะที่ทำความผิด วันนั้นคุณอาจไม่ได้เป็นอะไรเลย อย่าลืมถ้าคุณทำผิด นอกจากจะได้รับโทษแล้วจะยังถูกสาปแช่งด้วย"
นายสนธิกล่าวต่อว่า ผลของป.ป.ช. ที่ออกมา แม้จะไม่น่าพอใจ 100 % เพราะมีนายตำรวจหลายรายที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะทีมทนายความของพันธมิตรฯ จะดำเนินการฟ้องร้องเอาคนที่ทำผิดมาลงโทษ และขอเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ปลดพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้แล้ว
"ผมเองก็อยากจะถามว่า จริงหรือเปล่าที่ตอนตั้งรัฐบาลนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปตกลงกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณว่า ถ้าไม่อยากให้ทหารมายึดอำนาจ ต้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท อยู่ในตำแหน่งจนเกษียณอายุราชการ ซึ่งพันธมิตรฯ ก็จะคอยดูว่า นายกฯ จะกล้าตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ หรือจะตัดสินเพื่อผลประโยชน์ในการที่รักษาตำแหน่งนายกฯไว้ต่อไป ซึ่งก็ขอรอดูความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์"
**แฉล็อบบี้ตุลาการคดีกล้ายาง
นายสนธิ กล่าวด้วยว่า ได้ยินข่าวว่าขณะนี้มีความพยายามวิ่งเต้นที่จะซื้อเสียงของตุลาการที่เป็นองค์คณะพิจารณาคดีกล้ายาง เพื่อให้คำพิพากษาที่จะมีการอ่านในวันที่ 21 ก.ย.นี้ มีผลให้ไม่ผิด โดยเสียงที่ออกมาจะเป็น 8 ต่อ 1 ซึ่งคนที่วิ่งเต้น ก็คือคนที่สังคมไทยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะมีความผิด พันธมิตรฯหวังว่า ตุลาการฯผู้ทรงศีล ทรงความยุติธรรม จะเป็นผู้ที่ไม่หวังกับลาภ ยศ ตนไม่ต้องการทำให้วงการตุลาการต้องเสื่อมเสีย จึงต้องออกมาพูดเรื่องนี้
**ผิดหวังกษิตชี้แจงเขาพระวิหารมั่ว
ส่วนกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น นายสนธิ กล่าวว่า การชี้แจงผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา สร้างความผิดหวัง และยิ่งสร้างข้อสงสัยให้กับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ที่ร่วมต่อสู้กับนายกษิตที่ขณะนั้นเป็นเอกอัครราชทูต และขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ว่า จุดยืนของนายกษิต เปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะการที่นายกษิต ชี้แจงว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่เป็นปัญหา ไทยยังไม่เสียดินแดน เพราะถือแผนที่คนละฉบับกับกัมพูชา และยังกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาทางเดียว คือการเจรจานั้น ถือเป็นคำพูดที่พันธมิตรฯ รับไม่ได้ เพราะขณะนี้ทหารเขมรได้เข้าตรึงกำลัง โดยมีชุมชนชาวเขมร และสิ่งก่อสร้าง รวมทั้งวัด ขยายอาณาเขตเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเวลา เท่ากับไทยเสียดินแดนไปแล้วโดยพฤตินัย ซึ่งพันธมิตรฯเห็นว่า รัฐบาลต้องแสดงจุดยืนด้วยการสั่งให้มีการผลักดันทหารเขมร และชุมชนออกจากพื้นที่ดังกล่าวทันที แล้วค่อยเปิดการเจรจา เพราะหากเจรจาไปโดยปล่อยให้มีการรุกพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ การเสียดินแดนคงไม่ใช่แค่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น
"ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการรุกล้ำพื้นที่ดังกล่าวเลย ซึ่งถ้าจำกันได้ ทั้ง สปก. ที่ยกที่ให้กับคนรวย หรือ ปรส. ที่ยกทรัพย์สินให้กับฝรั่ง แล้วให้เขาเอากลับมาขายคืนคนไทย ก็ล้วนแต่เกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น รวมทั้งการเสียปราสาทเขาพระวิหาร ในคราวต่อสู้ที่ศาลโลก ดังนั้นเราต้องระวัง เพราะอะไรที่เกี่ยวกับแผ่นดิน ทรัพย์สิน ประชาธิปัตย์ ชำนาญนัก"
**อัด"กษิต"เปลี่ยนไป ทิ้งจุดยืนเดิม
ด้านนายปานเทพ ตั้งข้อสังเกตกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของนายกษิต โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 51 ภริยาของนายฮุนเซน นายกฯกัมพูชาและคณะได้เดินทางมาทำพิธีที่วัดแก้วศิขะคีรีสวน ซึ่งขณะนั้นพันธมิตรฯ ที่นายกษิตก็ร่วมอยู่ด้วย มีความเห็นตรงกันและเรียกร้องว่า รัฐบาลต้องประท้วงการเข้ามาของภริยานายกฯฮุนเซน เพราะถือเป็นการบุกรุกอธิปไตยของไทย แต่วันนี้นายกษิต กลับชี้แจงว่า การบุกรุกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ต้องให้ผู้นำของทั้งประเทศเจรจาเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยไม่มีการพูดถึงการผลักดันชาวเขมร หรือสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่เลย ทั้งที่เป็นข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ที่นายกษิต ก็เคยเห็นด้วย ก่อนเข้ารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่า นายกษิต หลงลืมจุดยืนของตนเอง
ส่วนนายพิภพ กล่าวว่า เมื่อป.ป.ช. มีการชี้มูลความผิดกรณีสลายการชุมนุม 7 ตุลา แล้ว นายกฯ ควรแสดงความเป็นผู้นำ โดยการปลดข้าราชการ นักการเมือง ออกจากตำแหน่งหน้าที่ทันที รวมทั้งกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเมื่อนายกฯ พูดชัดว่าขณะนี้ประเทศมีปัญหาภาวะเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย ดังนั้นจึงยังไม่ควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ร่างมาเพื่อขจัดนักการเมืองโกงกิน และระบบการเมืองเก่าให้หมดไป เพื่อสร้างการเมืองใหม่ให้มีความโปร่งใสขึ้นมา อีกทั้งประเด็นที่เสนอแก้ 6 ประเด็น ก็ล้วนแต่เป็นการแก้เพื่อประโยชน์นักการเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น ในวันที่ 7 ต.ค. พันธมิตรฯ ก็จะนำรายชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อ ไปยื่นประธานวุฒิสภา เพื่อให้เห็นว่า วิญญาณผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ต.ค. ยอมไม่ได้ที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
