ASTVผู้จัดการรายวัน - “เจ๊วา” เอาจนได้ ดันทุรังขายข้าวสต๊อกรัฐ 2 ล้านตัน พูดชัดเจน อคส. มีสิทธิ์เปิดโกดังให้ผู้ส่งออกขนข้าวออก แถมส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้จ่ายตังค์ หากจ่ายตังค์ครบก็ขนข้าวออกได้เลย ไม่ต้องรอหนังสือตีความจากอัยการสูงสุด ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนสั่งให้ถาม อ้างหน้าตายแค่แนะนำให้ทำ แต่ไม่รู้ทำแล้วหรือยัง อคส.รับลูกสั่งเจ้าหน้าอำนวยความสะดวก ด้าน “พงษ์ลาภ” ขู่ซ้ำ หากวันนี้ขนข้าวออกไม่ได้ ฟ้องแน่
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่เอกชนผู้ชนะการประมูลข้าวจะขอขนข้าวออกจากโกดังว่า เป็นเรื่องของ อคส.ที่จะอนุมัติให้ผู้ส่งออกข้าวที่ชนะการประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 2 ล้านกว่าตัน เข้าไปรับมอบข้าวในคลังสินค้าที่ชนะการประมูลในส่วนที่ได้มีการชำระเงินกับอคส.ไว้แล้ว 10-20% ของปริมาณข้าวที่ชนะการประมูลทั้งหมดและไม่ต้องมารายงานให้ตนรับทราบ เพราะเป็นเรื่องของคู่สัญญาคือ อคส.และเอกชนที่ทำสัญญาซื้อขายข้าวระหว่างกัน
“นโยบายเรื่องการระบายข้าวล็อตดังกล่าว ได้ให้ไว้ตั้งแต่เริ่มการประมูลจนได้ผู้ชนะการประมูล และอนุมัติให้ขาย หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ อคส. ที่เป็นคู่สัญญาระหว่างกันที่จะดำเนินการ” นางพรทิวากล่าว
สำหรับกรณีการส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดตีความสัญญาข้าวที่ อคส.ทำไว้กับเอกชนว่าจะยกเลิกได้หรือไม่นั้น นางพรทิวากล่าวว่า เป็นเพียงคำแนะนำจากตนที่ให้อคส.ส่งเรื่องไปสอบถามอัยการสูงสุด ซึ่งก็ต้องไปติดตามที่ อคส.ว่าได้ส่งเรื่องให้อัยการตีความแล้วหรือยัง รวมถึงข้าวจำนวนที่เหลือที่ผู้ชนะการประมูลยังไม่ได้ชำระเงิน
หากอคส.จะเรียกเอกชนมาชำระเงินและขนข้าวออก โดยไม่รอหนังสือจากอัยการ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะถือเป็นคู่สัญญาระหว่างกัน
“เข้าใจว่าที่ อคส.ชะลอการรับมอบข้าวในโกดังรัฐบาล อาจเป็นเพราะกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และรอดูท่าทีที่มีจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทาง ครม.ก็ไม่ได้มีคำสั่งยกเลิกหรือให้ชะลออะไรออกมา จึงเป็นเรื่องที่ อคส.จะต้องตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบถามเรื่องนี้ไปยังฝ่ายนิติกรของกระทรวงฯถึงความคืบหน้าอีกทางหนึ่ง”
นางพรทิวากล่าวว่า การเพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2552 จำนวน 2 ล้านตัน ยืนยันว่าไม่ได้รับผลประโยชน์จะการเพิ่มปริมาณรับจำนำดังกล่าว เพราะปริมาณข้าวนาปรังที่รัฐบาลจำนำเพิ่มเติม เป็นการตัดสินใจของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เสนอไป 4 ทางเลือก คือเพิ่มรับจำนำ 1 ล้านตัน 1.5 ล้านตัน 2 ล้านตัน หรือไม่รับจำนำ แต่ใช้วิธีประกันราคาข้าวให้แทน
“เราไม่ได้เสนอตัวเลขว่าต้องเพิ่มโควตาจำนำ 2 ล้านตัน แต่ทางกรมการค้าภายในเป็นผู้นำทางเลือกไปเสนอให้กขช.พิจารณา ซึ่งทางนายกฯ ก็รับทราบถึงปัญหาการร้องเรียกของชาวนา และก็ตัดสินใจรูปแบบนี้ออกมา ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจากผลประโยชน์ครั้งนี้แน่นอน ตอนนี้พูดอะไรไปก็ถูกป้ายสีดำให้หมด” นางพรทิวากล่าว
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวออกมาว่า การที่กระทรวงพาณิชย์พยายามผลักดันให้ กขช. อนุมัติเพิ่มโควตาจำนำข้าวอีก 2 ล้านตัน เพราะได้มีพรรคพวกตัวเองไปกว้านซื้อข้าวจากเกษตรกรเอาไว้แล้วในราคาตลาดประมาณตันละ 9 พันถึง 1 หมื่นบาท และรอที่จะส่งเข้าสู่โครงการรับจำนำที่รับจำนำสูงถึงตันละ 1.18 หมื่นบาท ทำให้ได้กำไรประมาณตันละ 2 พันบาท รวม 2 ล้านตัน ก็ 4 พันล้านบาท
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นางพรทิวาได้ออกมาระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อขอให้ตีความในสัญญาซื้อขายข้าวระหว่าง อคส. กับผู้ส่งออกที่ชนะการประมูล 17 รายนั้น สามารถยกเลิกได้หรือไม่ หลังจากที่มีปัญหาว่าการขายข้าวครั้งนี้มีความไม่โปร่งใส และขายข้าวทำให้รัฐบาลขาดทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทและ ครม.ได้มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลจากการที่นางพรทิวาออกมาระบุเช่นนี้ จะทำให้ อคส. สามารถเปิดโกดังให้ผู้ส่งออกมาขนข้าวได้ทันที หากชำระเงินค่าข้าวครบถ้วน ถือเป็นการสอดคล้องกับการที่ อคส. ได้มีการแต่งตั้งรักษาการผู้อำนวยการ อคส. คนใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยซื้อออกมาอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะเป็นบุคคลที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาเพื่อรับผิดชอบในเรื่องนี้
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธาน บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า วานนี้ (15 มิ.ย.) ได้เข้าพบรักษาการผู้อำนวยการ อคส. เพื่อสอบถามการขนย้ายตามสัญญาซื้อที่ชนะประมูลข้าวกับรัฐบาล โดย อคส. รับที่จะให้อนุมัติขนย้ายข้าวที่บริษัทจ่ายชำระค่าข้าวแล้วตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.เป็นต้นไป ซึ่ง อคส.ได้พิจารณาจากการเปรียบเทียบสัญญาการซื้อข้าวรัฐระหว่าง อคส.กับองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ซึ่งมีเนื้อหาแบบเดียวกัน และไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการขนย้ายข้าวออกจากคลังของ อ.ต.ก.แล้ว ประมาณ 2 หมื่นตัน
“หากภายในวันนี้ ยังไม่ได้รับอนุมัติให้ขนย้ายข้าวตามที่ อคส.ได้รับปากไว้ ก็จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดจากค่าใช้จ่ายและการผิดสัญญากับผู้ซื้อในต่างประเทศ ประมาณ 30 ล้านบาททันที” นายสมพงษ์กล่าว
นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานบอร์ด อคส. กล่าวว่า การขนย้ายข้าวออกจากสต๊อกที่ อคส.ดูแลอยู่นั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำตามระเบียบและสัญญาที่ทำไว้กับเอกชน.
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่เอกชนผู้ชนะการประมูลข้าวจะขอขนข้าวออกจากโกดังว่า เป็นเรื่องของ อคส.ที่จะอนุมัติให้ผู้ส่งออกข้าวที่ชนะการประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 2 ล้านกว่าตัน เข้าไปรับมอบข้าวในคลังสินค้าที่ชนะการประมูลในส่วนที่ได้มีการชำระเงินกับอคส.ไว้แล้ว 10-20% ของปริมาณข้าวที่ชนะการประมูลทั้งหมดและไม่ต้องมารายงานให้ตนรับทราบ เพราะเป็นเรื่องของคู่สัญญาคือ อคส.และเอกชนที่ทำสัญญาซื้อขายข้าวระหว่างกัน
“นโยบายเรื่องการระบายข้าวล็อตดังกล่าว ได้ให้ไว้ตั้งแต่เริ่มการประมูลจนได้ผู้ชนะการประมูล และอนุมัติให้ขาย หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ อคส. ที่เป็นคู่สัญญาระหว่างกันที่จะดำเนินการ” นางพรทิวากล่าว
สำหรับกรณีการส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดตีความสัญญาข้าวที่ อคส.ทำไว้กับเอกชนว่าจะยกเลิกได้หรือไม่นั้น นางพรทิวากล่าวว่า เป็นเพียงคำแนะนำจากตนที่ให้อคส.ส่งเรื่องไปสอบถามอัยการสูงสุด ซึ่งก็ต้องไปติดตามที่ อคส.ว่าได้ส่งเรื่องให้อัยการตีความแล้วหรือยัง รวมถึงข้าวจำนวนที่เหลือที่ผู้ชนะการประมูลยังไม่ได้ชำระเงิน
หากอคส.จะเรียกเอกชนมาชำระเงินและขนข้าวออก โดยไม่รอหนังสือจากอัยการ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะถือเป็นคู่สัญญาระหว่างกัน
“เข้าใจว่าที่ อคส.ชะลอการรับมอบข้าวในโกดังรัฐบาล อาจเป็นเพราะกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และรอดูท่าทีที่มีจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทาง ครม.ก็ไม่ได้มีคำสั่งยกเลิกหรือให้ชะลออะไรออกมา จึงเป็นเรื่องที่ อคส.จะต้องตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบถามเรื่องนี้ไปยังฝ่ายนิติกรของกระทรวงฯถึงความคืบหน้าอีกทางหนึ่ง”
นางพรทิวากล่าวว่า การเพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2552 จำนวน 2 ล้านตัน ยืนยันว่าไม่ได้รับผลประโยชน์จะการเพิ่มปริมาณรับจำนำดังกล่าว เพราะปริมาณข้าวนาปรังที่รัฐบาลจำนำเพิ่มเติม เป็นการตัดสินใจของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เสนอไป 4 ทางเลือก คือเพิ่มรับจำนำ 1 ล้านตัน 1.5 ล้านตัน 2 ล้านตัน หรือไม่รับจำนำ แต่ใช้วิธีประกันราคาข้าวให้แทน
“เราไม่ได้เสนอตัวเลขว่าต้องเพิ่มโควตาจำนำ 2 ล้านตัน แต่ทางกรมการค้าภายในเป็นผู้นำทางเลือกไปเสนอให้กขช.พิจารณา ซึ่งทางนายกฯ ก็รับทราบถึงปัญหาการร้องเรียกของชาวนา และก็ตัดสินใจรูปแบบนี้ออกมา ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจากผลประโยชน์ครั้งนี้แน่นอน ตอนนี้พูดอะไรไปก็ถูกป้ายสีดำให้หมด” นางพรทิวากล่าว
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวออกมาว่า การที่กระทรวงพาณิชย์พยายามผลักดันให้ กขช. อนุมัติเพิ่มโควตาจำนำข้าวอีก 2 ล้านตัน เพราะได้มีพรรคพวกตัวเองไปกว้านซื้อข้าวจากเกษตรกรเอาไว้แล้วในราคาตลาดประมาณตันละ 9 พันถึง 1 หมื่นบาท และรอที่จะส่งเข้าสู่โครงการรับจำนำที่รับจำนำสูงถึงตันละ 1.18 หมื่นบาท ทำให้ได้กำไรประมาณตันละ 2 พันบาท รวม 2 ล้านตัน ก็ 4 พันล้านบาท
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นางพรทิวาได้ออกมาระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อขอให้ตีความในสัญญาซื้อขายข้าวระหว่าง อคส. กับผู้ส่งออกที่ชนะการประมูล 17 รายนั้น สามารถยกเลิกได้หรือไม่ หลังจากที่มีปัญหาว่าการขายข้าวครั้งนี้มีความไม่โปร่งใส และขายข้าวทำให้รัฐบาลขาดทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทและ ครม.ได้มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลจากการที่นางพรทิวาออกมาระบุเช่นนี้ จะทำให้ อคส. สามารถเปิดโกดังให้ผู้ส่งออกมาขนข้าวได้ทันที หากชำระเงินค่าข้าวครบถ้วน ถือเป็นการสอดคล้องกับการที่ อคส. ได้มีการแต่งตั้งรักษาการผู้อำนวยการ อคส. คนใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยซื้อออกมาอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะเป็นบุคคลที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาเพื่อรับผิดชอบในเรื่องนี้
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธาน บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า วานนี้ (15 มิ.ย.) ได้เข้าพบรักษาการผู้อำนวยการ อคส. เพื่อสอบถามการขนย้ายตามสัญญาซื้อที่ชนะประมูลข้าวกับรัฐบาล โดย อคส. รับที่จะให้อนุมัติขนย้ายข้าวที่บริษัทจ่ายชำระค่าข้าวแล้วตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.เป็นต้นไป ซึ่ง อคส.ได้พิจารณาจากการเปรียบเทียบสัญญาการซื้อข้าวรัฐระหว่าง อคส.กับองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ซึ่งมีเนื้อหาแบบเดียวกัน และไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการขนย้ายข้าวออกจากคลังของ อ.ต.ก.แล้ว ประมาณ 2 หมื่นตัน
“หากภายในวันนี้ ยังไม่ได้รับอนุมัติให้ขนย้ายข้าวตามที่ อคส.ได้รับปากไว้ ก็จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดจากค่าใช้จ่ายและการผิดสัญญากับผู้ซื้อในต่างประเทศ ประมาณ 30 ล้านบาททันที” นายสมพงษ์กล่าว
นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานบอร์ด อคส. กล่าวว่า การขนย้ายข้าวออกจากสต๊อกที่ อคส.ดูแลอยู่นั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำตามระเบียบและสัญญาที่ทำไว้กับเอกชน.
