xs
xsm
sm
md
lg

4 พันศพที่ภาคใต้ : รีบหยุดเงื่อนไขสงครามเชื้อชาติ

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

หลังคำสั่งศาล (30 พ.ค.2552) ในขั้นตอนการไต่สวนการตายชี้ว่าผู้เสียชีวิต 78 คน กรณีตากใบเกิดจากการขาดอากาศหายใจ ไม่พบเหตุร้ายอย่างอื่น และเจ้าหน้าที่พนักงานที่ปฏิบัติการในวันเกิดเหตุ (25 ต.ค. 2547) ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ...

ปรากฏว่าเหตุรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ก็เกิดขึ้นถี่ยิบ..ทั้งการซุ่มยิง บุกยิงซึ่งหน้า ซุ่มระเบิด ระเบิดในลักษณะคาร์บอมบ์

ล้มตายกันเป็นใบไม้ร่วง โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่ อ.เจาะไอร้อง นราธิวาส เมื่อ 20.30 น. คืนวันที่ 8 มิ.ย. ที่คนร้ายบุกยิงพี่น้องไทยมุสลิมซึ่งกำลังทำละหมาดที่มัสยิด เสียชีวิต 11 คน บาดเจ็บอีก 13 คน

ที่กล่าวมาเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าคำสั่งศาลกรณีตากใบคือเหตุปัจจัยทั้งหมดของความรุนแรงรอบใหม่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ผมเชื่อว่ามันต้องเป็นส่วนหนึ่งในความรู้สึกของพี่น้องไทยมุสลิมบางส่วน..

ส่วนสาเหตุจริงๆ และหนทางการแก้ปัญหาภาคใต้คงไม่ต้องมาพูดกันตรงนี้อีกแล้ว เพราะเราศึกษา วิจัย หมดเงินงบประมาณไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ สุดท้ายบทสรุปก็ไปจอดป้ายตรงที่ว่า...ต้องสร้างสรรค์สังคมที่เป็นธรรม บนพื้นฐานความเข้าใจประเพณีวัฒนธรรมของสังคม – ชุมชน

ที่งดงาม ถูกต้อง ตรงเป้าก็คือยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”

แต่เพราะความไม่ลึกซึ้ง ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแต่แสร้งเป็นไม่เข้าใจเพราะผลประโยชน์หลายด้านมันเข้าตาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ทำให้ในรอบหลายปีมานี้มีรัฐบาลบางรัฐบาลโดยเฉพาะรัฐบาลทักษิณ (2544-49) ก่อความผิดพลาดอย่างมหันต์ในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ กลายเป็นชนวนเหตุความรุนแรงรอบใหม่ที่ยากจะเยียวยาแก้ไข..

นับแต่การยุบศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)และกองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (พตท.) ที่ 43 ตามด้วยยุทธการอุ้มฆ่า “โจรกระจอก”, ปฏิบัติการ 32 ศพกรณีกรือเซะ (28 เม.ย. 47) - กรณีตากใบ (25 ต.ค. 47) และฯลฯ

และนับตั้งแต่ 4 ม.ค. 47 วันปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ที่อ.เจาะไอร้อง นราธิวาส จนถึงวันนี้ 5 ปีเศษ เราใช้งบประมาณในการพัฒนาในทุกด้านเพื่อแก้ปัญหาไปแล้ว 1 แสนล้านบาท (ไม่รวมงบเงินเดือน) ขณะที่ทุกภาคส่วนทุกเหล่าฝ่ายทั้งพี่น้องไทยพุทธ ไทยมุสลิม ล้มตายไปแล้ว 4 พันคน

• ยุครัฐบาลทักษิณ เมื่อรู้สึกผิดพลาดในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ในบทสรุปของการศึกษาได้เสนอวิธีแก้ไขความรุนแรงด้วยข้อเสนอสมานฉันท์สำหรับสังคมไทย

1.มาตรการสมานฉันท์เฉพาะหน้า : แก้ปัญหาความรุนแรงที่ชั้นบุคคล 1.1) จัดตั้งหน่วยสันติเสนา 1.2) สานเสวนากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และ1.3) เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเข้าใจลักษณะพิเศษของพื้นที่

2.มาตรการยั่งยืน : แก้ปัญหาความรุนแรงที่โครงสร้างและวัฒนธรรม

3.มาตรการการเมืองสมานฉันท์ : เสนอพ.ร.บ.สันติสมานฉันท์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

น่าเสียดายที่ผลการศึกษา- เสนอแนะของ กอส.ถูกเก็บเข้าลิ้นชัก

• ยุครัฐบาลสุรยุทธ์ - เป็นยุคหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ที่สังคมคาดหวังว่านายกรัฐมนตรี ที่เคยเป็นผู้นำกองทัพอย่างพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เริ่มต้นด้วยการยื่นมือออกไปสมานฉันท์โดยกล่าวคำขอโทษต่อประชาชนใน 3 – 4 จังหวัด แทนรัฐบาลทักษิณ

แต่คำตอบคือความเงียบ ในขณะที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในขณะนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีข้อเสนอแนะหลายประการ รวมทั้งการเสนอให้ตรากฎหมายจัดตั้งองค์กรเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนภารกิจ 2 องค์กรคือ

1) สถาบันยุติธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นองค์กรอิสระ

2) สภาประชาชนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

• ยุครัฐบาลสมัคร – สมชาย : ไม่มีอะไรในกอไผ่ ปล่อยจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปตามยถากรรม

• ยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ : ใช้การเมืองนำการทหาร พร้อมสถาปนาองค์กรขับเคลื่อนที่สำคัญ 2 องค์กร

1) คณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือครม.ภาคใต้
2) สำนักงานบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สบชต.)
เป็นสำนักงานที่มีกฎหมายรองรับมีขนาดใหญ่กว่า ศอ.บต.

กรณีรัฐบาลประชาธิปัตย์ต้องยอมรับว่าผู้นำรัฐบาลมีความมุ่งมั่น จริงใจที่จะแก้ปัญหาภาคใต้โดยใช้หลักการเมืองนำการทหาร แต่ผมเข้าใจว่าความแปลกแยกระหว่าง ครม.ภาคใต้กับบทบาทของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ที่เป็นเจ้าภาพหลักในการแก้ปัญหายังมีอยู่มาก รัฐบาลยังไม่กล้าพอที่จะทุบโต๊ะหรือไม่ก็ยังไม่สามารถรวบรวมงบพัฒนาให้มารวมศูนย์ได้ดีพอ การพัฒนาทุกวันนี้จึงยังกระจัดกระจาย ต่างคนต่างทำ เกิดการรั่วไหล ละลายแม่น้ำ หายไปตามลำคลอง หนอง บึง..เกือบจะแบบเดิมๆ

ส่องกล้องมองสถานการณ์วันนี้ แล้วแลไปข้างหน้า หลายปัญหายังน่าห่วง แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์มีภาพลักษณ์และต้นทุนสูงกว่ารัฐบาลทักษิณมาก ดังนั้นควรจะได้เร่งมือในการพิสูจน์ฝีมือในการทำงาน..ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในหลายๆ เรื่อง อาทิ

- การให้ความเป็นธรรมในแต่ละคดี ตรงไปตรงมากับทุกฝ่าย
- จัดการกับตำรวจที่ใส่เกียร์ว่าง จัดการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สร้างเงื่อนไขสงครามก่อการร้าย ดูแลเยียวยาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุ่มเท เสียสละ
- ลากคอมาเฟียยาเสพติด กลุ่มอิทธิพลที่สมคบร่วมมือกับกลุ่มโจรมาดำเนินคดีให้มากที่สุด อย่าดีแต่พูด
- ปรับปรุงการข่าวครั้งใหญ่ – สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน
- กระชับ (ยุทธศาสตร์) การพัฒนาให้คมชัด ประชาชนมีส่วนร่วม
- ฯลฯ

..................

ครับ ส่งท้ายขอประณามกลุ่มคนที่บุกยิงพี่น้องไทยมุสลิมขณะกำลังละหมาด

บางกระแสข่าวคาดหมายว่าเป็นการแก้แค้นของพี่น้องไทยพุทธที่ถูกยิงตายคาสวนยางเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ผมขอภาวนาอย่าได้เป็นเช่นนั้นเลยเพราะถ้าเป็นจริงมันจะเป็นการตอกย้ำกรณีตากใบ จะเป็นการเพิ่มเชื้อสงครามเชื้อชาติให้เข้มข้นมากขึ้น แต่ก็ช่างเถอะจะเป็นใครกลุ่มไหน ก็ต้องเอาคนผิดมาลงโทษ

ความยุติธรรม ความเป็นธรรมเท่านั้นจะค้ำยันจิตใจของพี่น้องไทยพุทธไทยมุสลิมและทุกเชื้อชาติทุกศาสนาให้คงยิ้มต่อกัน รักต่อกันได้ในฐานะคนไทยซึ่งล้วนต่างเป็นพสกนิกรของพ่อหลวง!!
กำลังโหลดความคิดเห็น