“ดร.รุ่ง” จวกเพิ่มเขตพื้นที่การศึกษา 3 จังหวัดชายแดนใต้ล้มเหลว จับเอาพื้นที่ทุรกันดารไปรวมกัน กำลังคนไม่เพียงพอ แถมส่วนกลางเข้าใจว่ามี สพท.ดูแลในพื้นที่แล้ว เลยไม่เข้าไปช่วยเหมือนที่ผ่านมา วอนให้เกลี่ยคนจาก สพท.ในเมืองไปช่วยงาน
ดร.รุ่ง แก้วแดง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ค่อนข้างประสบปัญหาด้านการบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดย ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการในขณะนั้น ได้มีมติเพิ่มเขตพื้นที่การศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อีกจังหวัดละ 1 เขต ทำให้ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มี สพท.จังหวัดละ 3 เขต ซึ่งการเพิ่มเขตพื้นที่การศึกษาดังกล่าว ถือเป็นความผิดพลาดอย่างมาก เพราะการแบ่งเขตพื้นที่ใหม่นั้น แบ่งตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ทำให้พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร และเป็นพื้นที่สีแดงที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบถูกจับไปรวมกันอยู่ในเขต 3 ของแต่ละจังหวัด ขณะเดียวกันกรอบอัตรากำลังใน สพท.ที่เพิ่มขึ้นใหม่ก็มีไม่เพียงพอ ทำให้การทำงาน และการนิเทศติดตามผลการจัดการศึกษาของ สพท.ไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเมื่อพื้นที่ดังกล่าวมี สพท.ไปตั้งอยู่ ก็ทำให้ข้าราชการที่จะไปช่วยพัฒนาการศึกษาใน ศธ.จากส่วนกลาง ไม่ค่อยได้ลงไปดูแลในพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่ามีผู้อำนวยการ สพท.ดูแลอยู่แล้ว
“เมื่อแบ่งเขตเพิ่มขึ้นมาแล้ว แทนที่การบริหารงานจะดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครเข้าไปเหลียวแลเลย เพราะทุกคนเข้าใจว่ามี สพท.ไปตั้งอยู่แล้ว ขณะที่ข้าราชการใน สพท.ก็ทำงานกันอย่างยากลำบากเพราะอัตรากำลังไม่เพียงพอ เพราะอัตราส่วนใหญ่ไปกระจุกตัวกันอยู่ในเขตพื้นที่ในเมือง ทั้งที่งานของ สพท.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ลดน้อยลงไปกว่า 80% เนื่องจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นสถานศึกษาส่วนใหญ่ในพื้นที่ ไปขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ สช.ดังนั้น จึงควรเกลี่ยอัตรากำลังจาก สพท.ในเมืองมายัง สพท.ที่อยู่ห่างไกล และ ศธ.ยังคงต้องเอาใจใส่ดูแล สพท.ที่อยู่ห่างไกลเป็นพิเศษเหมือนที่ผ่านมา”อดีต รมช.ศธ.กล่าว
ดร.รุ่ง ยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าการเพิ่ม สพท.ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่การจะกลับไปใช้ สพท.เท่าเดิม หรือแบ่งเขตใหม่นั้น ก็เสมือนการปรับโครงสร้างที่ไม่สิ้นสุด จึงขอให้มีการเกลี่ยอัตรากำลังไปยังเขตพื้นที่ห่างไกลให้เหมาะสม และติดตามให้ความช่วยเหลือ สพท.ในการทำงานอย่างใกล้ชิด ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้
ดร.รุ่ง แก้วแดง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ค่อนข้างประสบปัญหาด้านการบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดย ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการในขณะนั้น ได้มีมติเพิ่มเขตพื้นที่การศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อีกจังหวัดละ 1 เขต ทำให้ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มี สพท.จังหวัดละ 3 เขต ซึ่งการเพิ่มเขตพื้นที่การศึกษาดังกล่าว ถือเป็นความผิดพลาดอย่างมาก เพราะการแบ่งเขตพื้นที่ใหม่นั้น แบ่งตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ทำให้พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร และเป็นพื้นที่สีแดงที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบถูกจับไปรวมกันอยู่ในเขต 3 ของแต่ละจังหวัด ขณะเดียวกันกรอบอัตรากำลังใน สพท.ที่เพิ่มขึ้นใหม่ก็มีไม่เพียงพอ ทำให้การทำงาน และการนิเทศติดตามผลการจัดการศึกษาของ สพท.ไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเมื่อพื้นที่ดังกล่าวมี สพท.ไปตั้งอยู่ ก็ทำให้ข้าราชการที่จะไปช่วยพัฒนาการศึกษาใน ศธ.จากส่วนกลาง ไม่ค่อยได้ลงไปดูแลในพื้นที่ เนื่องจากเห็นว่ามีผู้อำนวยการ สพท.ดูแลอยู่แล้ว
“เมื่อแบ่งเขตเพิ่มขึ้นมาแล้ว แทนที่การบริหารงานจะดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครเข้าไปเหลียวแลเลย เพราะทุกคนเข้าใจว่ามี สพท.ไปตั้งอยู่แล้ว ขณะที่ข้าราชการใน สพท.ก็ทำงานกันอย่างยากลำบากเพราะอัตรากำลังไม่เพียงพอ เพราะอัตราส่วนใหญ่ไปกระจุกตัวกันอยู่ในเขตพื้นที่ในเมือง ทั้งที่งานของ สพท.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ลดน้อยลงไปกว่า 80% เนื่องจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นสถานศึกษาส่วนใหญ่ในพื้นที่ ไปขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ สช.ดังนั้น จึงควรเกลี่ยอัตรากำลังจาก สพท.ในเมืองมายัง สพท.ที่อยู่ห่างไกล และ ศธ.ยังคงต้องเอาใจใส่ดูแล สพท.ที่อยู่ห่างไกลเป็นพิเศษเหมือนที่ผ่านมา”อดีต รมช.ศธ.กล่าว
ดร.รุ่ง ยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าการเพิ่ม สพท.ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่การจะกลับไปใช้ สพท.เท่าเดิม หรือแบ่งเขตใหม่นั้น ก็เสมือนการปรับโครงสร้างที่ไม่สิ้นสุด จึงขอให้มีการเกลี่ยอัตรากำลังไปยังเขตพื้นที่ห่างไกลให้เหมาะสม และติดตามให้ความช่วยเหลือ สพท.ในการทำงานอย่างใกล้ชิด ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้