หลังจากคณะบุคคลที่ได้รับภารกิจจากพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของพวกเรา ควรจะยกระดับกลุ่มเคลื่อนไหวนอกรัฐสภา ขึ้นเป็นพรรคการเมืองเพื่อต่อสู้ในวิถีทางของระบบรัฐสภาอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อตอบสนองเจตจำนงของพี่น้อง
แกนนำได้มีการปรึกษาหารือกันเพื่อทำให้สิ่งที่พี่น้องต้องการให้เป็นจริงในทางปฏิบัติ ไม่ใช่พูดกันเล่นๆ เพราะสิ่งที่ร่วมสู้กันมาล้วนของจริง ที่ผ่านความทุกข์ยากลำบากและเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อสร้างการเมืองใหม่ที่เราต่างใฝ่ฝันจะไปให้ถึง เพื่ออนาคตที่ดีงามของสังคมของเรา แกนนำจึงกลับมาทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายโดยเชื้อเชิญกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง จำนวน 27 คนมาทำหน้าที่ ตามกรอบกฎกติกาของการจัดตั้งพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติพรรคการเมืองปี 2550 โดยเฉพาะตามมาตรา 8,9,และ10 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา และเมื่อเช้า (4 มิถุนายน 2552) พวกเรา 27 คนก็เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อยื่นจดแจ้งพรรคการเมืองใหม่ ในนาม “พรรคการเมืองใหม่” (New Politics Party) ตามที่พวกเราได้ประชุมปรึกษาหารือหาข้อสรุปกันดังที่รับทราบกันแล้ว
2 วันที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์จำนวนมาก มีอีเมลเข้ามาจำนวนมาก และจากการตรวจสอบความคิดเห็นผู้ที่เห็นด้วยกับการจัดตั้งพรรคของพวกเราในครั้งนี้ มีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
“ผมหาใบสมัครได้จากไหนครับ จะสมัครกันทั้งครอบครัวเลย เกิดมายังไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไหนเลย ขอเริ่มต้นด้วยการเป็นสมาชิกพรรคนี้แหละ”
“ผมมีอาคารว่างอยู่ 2 หลังจะยกให้เป็นที่ตั้งของสาขาพรรคครับ ติดต่อผมมาได้ที่.........” บอกเบอร์ติดต่อ ทั้งที่อยู่และมือถือเข้ามาเสร็จสรรพ
“ผมยินดีบริจาคก้อนแรกจำนวน........ครับ”
“เอากันให้เสร็จในช่วงชีวิตเรานี่แหละครับ อย่าให้ลูกหลานต้องลำบากอีกเลย เอาให้จริงจัง ให้เด็ดขาดไปเลยครับ ปัญหาความยากจน ปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน...”
“จัดการกับปัญหาการกระจายอำนาจที่ทับซ้อนระหว่างการปกครองส่วนภูมิภาคกับส่วนท้องถิ่น ให้เสร็จไปสักทีอย่าประนีประนอมเหมือนกับพรรค............อย่าแก้ไขปัญหาเหมือนใส่ยาบนหนองอีกเลย”
“....................” ฯลฯ
ผมตอบไปบางคนที่เคยพบกันที่หน้าทำเนียบฯ และในพื้นที่ ผมบอกไปว่า วันนี้เป็นเพียงขั้นตอนทางกฎหมาย เรายังไม่รู้เลยว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะอนุมัติให้พวกเราได้รับการจัดตั้งหรือไม่ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ใจเย็นๆ ซึ่งก็ไม่นานเกินรอเพราะกฎหมายระบุว่าเราจะมีคำตอบไม่เกิน 30 วัน นั่นหมายถึงว่าภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2552 พวกเราก็จะได้รู้ว่าการจดแจ้งจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองของพวกเรา ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่อย่างไร หากมีอุปสรรคปัญหาตรงไหนเราจะหาทางแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้ลุล่วง ผมเชื่อมั่นว่าแกนนำจะทำให้พี่น้องมีพรรคการเมืองของพี่น้องให้จงได้ครับ
เหนือสิ่งอื่นใดการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา การแปรอุดมการณ์ความใฝ่ฝันเป็นปฏิบัติการสู่เป้าหมาย ผมคิดว่ามันต้องสอดคล้องกันทั้งเป้าหมายและวิธีการ เมื่อเราเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เราก็ต้องเริ่มต้นจากความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงภายในพรรคของพวกเราเป็นอันดับแรก เมื่อเราเชื่อมั่นในพลังของการมีส่วนร่วมของผู้คนทุกหมู่เหล่าที่ตื่นรู้ เราก็ต้องหาทางสร้างการตื่นรู้และสร้างการมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้น
ประชาธิปไตยหลอกๆ การมีส่วนร่วมอย่างหลอกๆ หรือแค่พิธีกรรมภายในพรรคการเมืองอื่นที่เราไม่ชอบ ไม่ปรารถนา เราก็ต้องช่วยกันแก้ไข เข้มงวดตรวจสอบไม่ให้มันเกิดขึ้นภายในพรรคของพวกเรา นโยบายพรรค ข้อบังคับพรรค การเลือกบุคคลเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค กรรมการบริหารสาขาพรรค กรรมการพรรค ฯลฯ ก็ควรได้รับการถกเถียงพูดคุยกันในหมู่พวกเราว่าควรจะมีคุณสมบัติอย่างน้อยอย่างไรบ้าง ซึ่งตามกฎหมายพระราชบัญญัติพรรคการเมืองปี 2550 มาตรา 27 ระบุไว้ให้พวกเราได้มีส่วนร่วมปรับปรุงแก้ไขให้ตรงกับเจตนาของมวลหมู่สมาชิก ในการประชุมใหญ่หลังจากที่มีเวลาอย่างมาก 1 ปี ในการจัดให้มีการประชุมใหญ่ของสมาชิก
ผมคิดว่าแนวทางที่คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ผู้ที่ได้รับการเสนอจากการประชุมของผู้เข้าร่วมจัดตั้งพรรคให้เป็นหัวหน้าพรรคชุดก่อตั้งได้เสนอแนวทางไว้ว่า หากเราได้รับการจดแจ้งจัดตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งให้เป็นพรรคการเมืองตามกฎหมายแล้ว ก็จะมีการลงพื้นที่รับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เนื้อหาอันเป็นองค์ประกอบของพรรคการเมือง ทั้งตามนิตินัยและพฤตินัย
นั่นก็หมายความว่าพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งจะต้องคิดกันใหม่ทั้งเป้าหมาย รูปแบบ เนื้อหา กลไกและวิธีการ ฯลฯ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ใช่ใช้แค่อารมณ์ความรู้สึก มันจะต้องใช้ข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้า รวมพูดคุยถกเถียงแลกเปลี่ยนกับผู้รู้ในหลายๆ สาขา รวมทั้งข้อเท็จจริงในพื้นที่จากคนที่ใช้ชีวิตจริงๆ ในสาขาอาชีพนั้นๆ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์สังคมโลก เศรษฐกิจโลก ภูมิภาค ทวิภูมิภาค ในทิศทางที่เป็นอยู่และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ ด้าน ตลอดจนการร่วมกันวิเคราะห์สังคมไทยในทุกมิติ ทั้งสังคม เศรษฐกิจและการเมืองอย่างรอบด้าน
วันนี้เราได้ข้อสรุปร่วมกันกว้างๆ ว่าเราต้องการสังคมใหม่ ในทุกอนูของสังคม เราจึงหวังให้มีพรรคการเมืองใหม่เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการผลักดันสิ่งที่เราหวังและใฝ่ฝัน ให้เกิดขึ้นให้จงได้ ให้สมกับที่พวกเราได้ร่วมต่อสู้กันมาอย่างแสนสาหัส ซึ่งการต่อสู้ของพวกเราก็เป็นผลพวงมาจากการต่อสู้แต่ยังไม่ประสบชัยชนะของบรรพชนในอดีตทั้งที่เสียชีวิตไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ ที่รักชาติ รักบ้านเมือง ที่กล้าเอาชีวิตเข้าแลก งานนี้จึงเป็นงานหนัก งานช้าง ที่ต้องอาศัยเวลา ที่ต้องใจเย็นๆ ใช้สติปัญญาอย่างรอบด้าน ใช้ธรรมนำหน้า ใช้เจตนาที่บริสุทธิ์ ใช้ความอดทน เข้มแข็งและกล้าหาญ
ในภาวะสังคมที่ดำรงอยู่ในวันนี้ผมคิดว่า ความรักความเข้าใจ การให้อภัยซึ่งกันและกันทั้งที่คิดเหมือนและคิดต่างกันในทางความคิด ที่มีเป้าหมายจะสร้างสังคมที่ดีงามด้วยกัน เป็นอีกข้อเสนอหนึ่งของผมสำหรับการเมืองใหม่ของพวกเรา.
แกนนำได้มีการปรึกษาหารือกันเพื่อทำให้สิ่งที่พี่น้องต้องการให้เป็นจริงในทางปฏิบัติ ไม่ใช่พูดกันเล่นๆ เพราะสิ่งที่ร่วมสู้กันมาล้วนของจริง ที่ผ่านความทุกข์ยากลำบากและเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อสร้างการเมืองใหม่ที่เราต่างใฝ่ฝันจะไปให้ถึง เพื่ออนาคตที่ดีงามของสังคมของเรา แกนนำจึงกลับมาทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายโดยเชื้อเชิญกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง จำนวน 27 คนมาทำหน้าที่ ตามกรอบกฎกติกาของการจัดตั้งพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติพรรคการเมืองปี 2550 โดยเฉพาะตามมาตรา 8,9,และ10 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา และเมื่อเช้า (4 มิถุนายน 2552) พวกเรา 27 คนก็เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อยื่นจดแจ้งพรรคการเมืองใหม่ ในนาม “พรรคการเมืองใหม่” (New Politics Party) ตามที่พวกเราได้ประชุมปรึกษาหารือหาข้อสรุปกันดังที่รับทราบกันแล้ว
2 วันที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์จำนวนมาก มีอีเมลเข้ามาจำนวนมาก และจากการตรวจสอบความคิดเห็นผู้ที่เห็นด้วยกับการจัดตั้งพรรคของพวกเราในครั้งนี้ มีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
“ผมหาใบสมัครได้จากไหนครับ จะสมัครกันทั้งครอบครัวเลย เกิดมายังไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไหนเลย ขอเริ่มต้นด้วยการเป็นสมาชิกพรรคนี้แหละ”
“ผมมีอาคารว่างอยู่ 2 หลังจะยกให้เป็นที่ตั้งของสาขาพรรคครับ ติดต่อผมมาได้ที่.........” บอกเบอร์ติดต่อ ทั้งที่อยู่และมือถือเข้ามาเสร็จสรรพ
“ผมยินดีบริจาคก้อนแรกจำนวน........ครับ”
“เอากันให้เสร็จในช่วงชีวิตเรานี่แหละครับ อย่าให้ลูกหลานต้องลำบากอีกเลย เอาให้จริงจัง ให้เด็ดขาดไปเลยครับ ปัญหาความยากจน ปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน...”
“จัดการกับปัญหาการกระจายอำนาจที่ทับซ้อนระหว่างการปกครองส่วนภูมิภาคกับส่วนท้องถิ่น ให้เสร็จไปสักทีอย่าประนีประนอมเหมือนกับพรรค............อย่าแก้ไขปัญหาเหมือนใส่ยาบนหนองอีกเลย”
“....................” ฯลฯ
ผมตอบไปบางคนที่เคยพบกันที่หน้าทำเนียบฯ และในพื้นที่ ผมบอกไปว่า วันนี้เป็นเพียงขั้นตอนทางกฎหมาย เรายังไม่รู้เลยว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะอนุมัติให้พวกเราได้รับการจัดตั้งหรือไม่ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ใจเย็นๆ ซึ่งก็ไม่นานเกินรอเพราะกฎหมายระบุว่าเราจะมีคำตอบไม่เกิน 30 วัน นั่นหมายถึงว่าภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2552 พวกเราก็จะได้รู้ว่าการจดแจ้งจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองของพวกเรา ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่อย่างไร หากมีอุปสรรคปัญหาตรงไหนเราจะหาทางแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้ลุล่วง ผมเชื่อมั่นว่าแกนนำจะทำให้พี่น้องมีพรรคการเมืองของพี่น้องให้จงได้ครับ
เหนือสิ่งอื่นใดการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา การแปรอุดมการณ์ความใฝ่ฝันเป็นปฏิบัติการสู่เป้าหมาย ผมคิดว่ามันต้องสอดคล้องกันทั้งเป้าหมายและวิธีการ เมื่อเราเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เราก็ต้องเริ่มต้นจากความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงภายในพรรคของพวกเราเป็นอันดับแรก เมื่อเราเชื่อมั่นในพลังของการมีส่วนร่วมของผู้คนทุกหมู่เหล่าที่ตื่นรู้ เราก็ต้องหาทางสร้างการตื่นรู้และสร้างการมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้น
ประชาธิปไตยหลอกๆ การมีส่วนร่วมอย่างหลอกๆ หรือแค่พิธีกรรมภายในพรรคการเมืองอื่นที่เราไม่ชอบ ไม่ปรารถนา เราก็ต้องช่วยกันแก้ไข เข้มงวดตรวจสอบไม่ให้มันเกิดขึ้นภายในพรรคของพวกเรา นโยบายพรรค ข้อบังคับพรรค การเลือกบุคคลเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค กรรมการบริหารสาขาพรรค กรรมการพรรค ฯลฯ ก็ควรได้รับการถกเถียงพูดคุยกันในหมู่พวกเราว่าควรจะมีคุณสมบัติอย่างน้อยอย่างไรบ้าง ซึ่งตามกฎหมายพระราชบัญญัติพรรคการเมืองปี 2550 มาตรา 27 ระบุไว้ให้พวกเราได้มีส่วนร่วมปรับปรุงแก้ไขให้ตรงกับเจตนาของมวลหมู่สมาชิก ในการประชุมใหญ่หลังจากที่มีเวลาอย่างมาก 1 ปี ในการจัดให้มีการประชุมใหญ่ของสมาชิก
ผมคิดว่าแนวทางที่คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ผู้ที่ได้รับการเสนอจากการประชุมของผู้เข้าร่วมจัดตั้งพรรคให้เป็นหัวหน้าพรรคชุดก่อตั้งได้เสนอแนวทางไว้ว่า หากเราได้รับการจดแจ้งจัดตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งให้เป็นพรรคการเมืองตามกฎหมายแล้ว ก็จะมีการลงพื้นที่รับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เนื้อหาอันเป็นองค์ประกอบของพรรคการเมือง ทั้งตามนิตินัยและพฤตินัย
นั่นก็หมายความว่าพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งจะต้องคิดกันใหม่ทั้งเป้าหมาย รูปแบบ เนื้อหา กลไกและวิธีการ ฯลฯ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ใช่ใช้แค่อารมณ์ความรู้สึก มันจะต้องใช้ข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้า รวมพูดคุยถกเถียงแลกเปลี่ยนกับผู้รู้ในหลายๆ สาขา รวมทั้งข้อเท็จจริงในพื้นที่จากคนที่ใช้ชีวิตจริงๆ ในสาขาอาชีพนั้นๆ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์สังคมโลก เศรษฐกิจโลก ภูมิภาค ทวิภูมิภาค ในทิศทางที่เป็นอยู่และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ ด้าน ตลอดจนการร่วมกันวิเคราะห์สังคมไทยในทุกมิติ ทั้งสังคม เศรษฐกิจและการเมืองอย่างรอบด้าน
วันนี้เราได้ข้อสรุปร่วมกันกว้างๆ ว่าเราต้องการสังคมใหม่ ในทุกอนูของสังคม เราจึงหวังให้มีพรรคการเมืองใหม่เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการผลักดันสิ่งที่เราหวังและใฝ่ฝัน ให้เกิดขึ้นให้จงได้ ให้สมกับที่พวกเราได้ร่วมต่อสู้กันมาอย่างแสนสาหัส ซึ่งการต่อสู้ของพวกเราก็เป็นผลพวงมาจากการต่อสู้แต่ยังไม่ประสบชัยชนะของบรรพชนในอดีตทั้งที่เสียชีวิตไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ ที่รักชาติ รักบ้านเมือง ที่กล้าเอาชีวิตเข้าแลก งานนี้จึงเป็นงานหนัก งานช้าง ที่ต้องอาศัยเวลา ที่ต้องใจเย็นๆ ใช้สติปัญญาอย่างรอบด้าน ใช้ธรรมนำหน้า ใช้เจตนาที่บริสุทธิ์ ใช้ความอดทน เข้มแข็งและกล้าหาญ
ในภาวะสังคมที่ดำรงอยู่ในวันนี้ผมคิดว่า ความรักความเข้าใจ การให้อภัยซึ่งกันและกันทั้งที่คิดเหมือนและคิดต่างกันในทางความคิด ที่มีเป้าหมายจะสร้างสังคมที่ดีงามด้วยกัน เป็นอีกข้อเสนอหนึ่งของผมสำหรับการเมืองใหม่ของพวกเรา.
