xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์” มั่นใจตั้งพรรคการเมืองใหม่ ไม่ใช่จุดจบพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
“หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่-สุริยะใส” ย้ำดันพรรคการเมืองใหม่ หวังดันการเมืองภาคประชาชนเข้าสู่สภา สร้างรูปแบบการเมืองใหม่ มั่นใจตั้งพรรคไม่ใช่จุดจบพันธมิตรฯ เชื่อแนวร่วมภาคประชาชนหลายกลุ่มมีสำนึกพร้อมเคลื่อนไหวต่อไม่จำกัดเฉพาะ 5 แกนนำ

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา  ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ “ประเด็นดัง หลังข่าว”

วันนี้ (5 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ “ประเด็นดัง หลังข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ดำเนินรายการโดยนายสุภาพ คลี่ขจาย ในประเด็นพรรคการเมืองใหม่...ยกแรกบนเวทีการเมือง ถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยนายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าพรรคการเมืองใหม่เกิดจากความตั้งใจของแกนนำทุกคนในการจะขับเคลื่อนการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย และเราได้สอบถามจากเครือข่ายพันธมิตรซึ่งมีการขอฉันทามติจากพันธมิตรจำนวนมาก ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยหรือไม่ เมื่อทุกคนเห็นด้วยเราก็ไม่จำเป็นต้องลังเลหรือเกรงกลัวว่าจะเจ็บตัวจากการลงเล่นการเมือง เพราะเราโดนมาเยอะแล้ว จึงเกิดเป็นพรรคการเมืองใหม่ขึ้น โดยผ่านการเห็นชอบจากเครือข่ายของเราแล้ว เพื่อผลักดันการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นมา

นายสุริยะใสกล่าวว่า เรื่องการตั้งพรรคไม่ได้เกิดจากความลังเลหรือสับสนอะไร พันธมิตรฯ เป็นเครือข่ายที่ใหญ่การจะทำอะไรต้องทำฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เรื่องนี้แกนนำทุกคนได้พูดคุยหารือกันมานานเกี่ยวกับการตั้งพรรคการเมือง แต่ด้วยจังหวะเวลาและโอกาสที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ทุกอย่างยังไม่ลงตัว ซึ่งเรากังวลถึงเรื่องระหว่างพรรคการเมืองในสภา กับเครือข่ายของเราภายนอกเมื่อเราส่วนหนึ่งเข้าไปอยู่ในสภา เราต้องมีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนระหว่างในสภาและนอกสภา ไม่ใช่ว่าแพ้โหวตในสภาแล้วมาชุมนุมเรียกร้องกันนอกสภาแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ จึงต้องมีการหารือกันให้ชัดว่าเราควรทำอย่างไร อีกเรื่องคือการบทบาทของแกนนำที่บางคนก็พูดว่าไม่รับตำแหน่ง เราจะอธิบายอย่างไร ที่เคยพูดไปต้องให้ชัดเจน แต่ในความหมายคือทุกคนไม่ได้ฝักใฝ่ในอำนาจ หรือสู้เพื่อเข้าไปมีอำนาจหรือเรียกร้องตำแหน่งอะไร

ทั้งนี้ เรื่องใหญ่ก็ต้องมาคิดว่าพันธมิตรฯ จะเล็กลงหรือไม่ ในนโยบายของความเป็นพรรคการเมือง ซึ่งก็คิดว่าอาจจะเล็กลงหรืออาจจะได้มากขึ้นจากนโยบาย อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ จะไม่จบลงหากเราตั้งพรรคการเมือง หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่าการเมืองแบบเก่าได้ทำลายการเติบโตการเมืองภาคประชาชนออกไป แบบนี้เราก็ไม่เอา เราต้องสร้างสรรค์ต้องทำให้ประเด็นของชาวบ้านเป็นวาระของประชาชนได้ผลักดันเข้าสู่การเคลื่อนไหวในในสภาด้วย

ส่วนที่ว่าหากพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมืองจะทำให้ถึงจุดจบนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการมองด้านเดียว ไม่ได้เข้าใจกระบวนการของการเมือง ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะในสภา การเมืองในหลายส่วน ที่เรามีกลุ่มการเมืองที่รวมตัวกันภายนอก ทั้งรัฐวิสาหกิจ เอ็นจีโอ เครือข่ายต่างๆ อีกส่วนคือการเมืองในระบบรัฐสภา ซึ่งสองส่วนต่างเคลื่อนไหวแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อมีปัญหาการเมืองเกิดขึ้นเมื่อไหร่จะเกิดการรวมตัวกันขึ้นมาของการเมืองภาคประชาชน มันไม่ใช่ว่าเมื่อพันธมิตรเข้าไปอยู่ในสภาแล้ว การเมืองภายนอกจะไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งไม่ใช่ การเมืองไม่ได้จำกัดแค่พวกเรา 5 แกนนำ แต่ทุกคนสามารถสำนึกในฐานะพลเมืองที่ดีรวมตัวกันขึ้นมาขับเคลื่อนแทนพันธมิตรได้ ดังนั้นหากพันธมิตรตั้งพรรคการเมืองก็ไม่ได้หมายความว่าการขับเคลื่อนของภาคประชาชนจะจบ

เมื่อถามถึงกรอบเส้นการเรียกร้องของพรรคการเมืองใหม่ และข้อเรียกร้องของเครือข่ายพันธมิตรภายนอกที่จะเคลื่อนไหว ซึ่งคนจะแยกไม่ออกว่าอันไหนคือการเคลื่อนไหวของฝ่ายใด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่ในแนวทางปฏิบัติ ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราก็ต่างเคลื่อนไหวเรียกร้องในรูปแบบที่ต่างกัน พรรคประชาธิปัตย์ก็เคลื่อนไหวตามกรอบของกฎหมายในสภาเป็นหลัก ส่วนของประชาชนก็เคลื่อนไหวในรูปแบบของประชาชน เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองแล้วการเคลื่อนไหวอะไรของพรรคการเมืองใหม่จะทำในรูปแบบที่เรียกว่าล้ำเส้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตตหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า คิดว่าไม่ควรมีเลย แต่ขึ้นอยู่กับการตีความ สมมุติหากมีรัฐบาลที่ไปไม่ได้เกิดว่ามีรัฐบาลทรราช ก็จำเป็นที่ต้องมีการขับเคลื่อนร่วมกันของพรรคการเมืองกับประชาชน เหมือนสมัยพฤษภาปี 35 ซึ่งก็อยู่กับสภาด้วยว่าได้เปิดพื้นที่ให้กับการเมืองใหม่ที่มีภาคประชาชนเข้าร่วมหรือไม่ ซึ่งต้องดูประเด็นและเจตนารมย์ เราต้องเข้าใจกระบวนการเรียนรู้และเข้าใจเหตุการณ์ของสื่อและประชาชนดีขึ้น ดังนั้นอย่าตรึงการเมืองในภาคประชาชนและในสภากันให้มาก จนทำให้เกิดการเผชิญหน้ากัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ดำเนินรายการสอบถามถึงประเด็นการทักท้วงของเครือข่ายพันธมิตรฯ บางคน เช่น นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ที่คัดค้านการตั้งพรรค โดยระบุว่าจินตนาการ ความฝัน ไม่เหมือนกับความเป็นจริง นายสมศักดิ์ระบุว่า เมื่อแกนนำพันธมิตรฯ ได้หารือกัน ทุกคนฟังทุกเสียงทักท้วง แต่การเมืองใหม่ในความคิดของเรา เกิดจากการที่เห็นภาพของการเมืองในแบบเก่าๆ การเมืองน้ำเน่าที่ไม่เคยให้ความเป็นธรรมต่อประชาชน นักการเมืองมองแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง แม้แต่ผลโพลล์เองหลายสำนักที่ออกมาก็ยืนยันว่าประชาชนเบื่อการเมือง ตรงนี้เองที่ทำให้เราเห็นว่าควรทำอะไรเพื่อให้เกิดการเมืองในรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมา

เมื่อถามว่าเคยมีพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นมาโดยต้องการผลักดันการเมืองในรูปแบบใหม่ขึ้นมาเช่นพรรรพลังธรรม แต่ไม่นานก็กลับถูกกลืนหายรวมเข้าไปกับพรรคการเมืองใหญ่ที่มีอำนาจ มีจำนวน ส.ส.ที่มากกว่า จนกลายเป็นรวมอยู่ในรูปแบบของการเมืองแบบเก่า นายสุริยะใส กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีจำนวน ส.ส.มากในสภา แต่เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความคิด ความเห็นของแนวร่วมที่มีพื้นที่ในสภา ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯที่เป็นการเคลื่อนไหวในภาคประชาชน ซึ่งแน่นอนว่ารูปแบบการจัดการ การเคลื่อนไหวย่อมแตกต่างกัน อีกทั้งการดำเนินการของ ส.ส.ก็ต้องรับฟังความเห็นของเครือข่ายของเราไม่ใช่ว่าจะทำอะไรตามใจอำเภอใจได้
สุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น