xs
xsm
sm
md
lg

คำนูณลั่นขวางแน่พ.ร.ก.กู้เงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว วานนี้ (4 มิ.ย.) ถึงการพิจารณา ร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษบกิจ (พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท) และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่จะเสนอเข้าสู่สภา ในการเปิดสภาสมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 15.23 มิ.ย.นี้ว่าซึ่งเกรงกันว่าจะมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมเหมือนที่ผ่านมา ว่าเป็นเรื่องที่ทางวิปรัฐบาลกำลังดูแล แต่ละพรรคต้องไปประชุมสมาชิก เพื่อกำลับให้เข้าร่วมประชุมสภาฯ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเราได้ขอรายชื่อมาหมดแล้ว ว่าใครขาดประชุมบ้างในสมัยประชุมที่ผ่านมา คงต้องให้แต่ละพรรคช่วยกันดูแลและในส่วนของกรรมาธิการตนได้ขอความร่วมมือ จากประธานสภาไปแล้ว
นายอภิสิทธิ์ มั่นใจว่า การพิจารณาร่างพ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท เพื่อนำมาฟืนฟูเศรษฐกิจนั้นจะผ่านสภาตามกรอบที่วางไว้ รวมทั้งร่างพ.ร.บ.งบประมาณ จะผ่านวาระแรก ส่วนที่ กลุ่ม 40 ส.ว.ประกาศจะคว่ำพ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไปอธิบายข้อเท็จจริงให้ฟัง
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธาน วิปรัฐบาล กล่าวว่าการประชุมสภาสมัยวิสามัญนี้ ทั้งร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท และร่างพ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาทมีความสำคัญมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องเตรียมองค์ประชุมให้พร้อม และต้องขอความเห็นชอบจากทั้ง 2 สภาให้ผ่านกฎหมายดังกล่าว เพื่อนำไปพัฒนาประเทศและเป็นงบประมาณที่รัฐบาลต้องนำเม็ดเงินไปใช้
นายชินวรณ์ กล่าวว่าจากการประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็เห็นตรงกันว่าการให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายการเงินทั้ง 3 ฉบับ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เช่นโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ถือเป็นเรื่องปกติที่มีความเห็นต่างกันได้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรี ต้องเคลียร์ให้เกิดความเข้าใจในคณะรัฐมนตรีและสาธารณชน จึงคิดว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบอะไร
ส่วนที่กลุ่ม 40 ส.ว.ที่คัดค้านโครงการเช่ารถเมล์ โดยขู่ว่าจะไม่ผ่านพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่าเบื้องต้นได้พูดคุยและทำความเข้าใจกันแล้วว่า การที่ ส.ว.ตรวจสอบโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องนี้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมเปิดใจกว้าง ให้ตรวจสอบทุกโครงการ ตนหวังว่าหลังจากอธิบายด้วยเหตุผลแล้วคงจะไม่มีผลต่อการลงมติโหวน พ.ร.ก.ดังกล่าว และกฎหมายอื่นๆ และหวังว่าจะแยกแยะได้ว่าเป็นคนละส่วนกันระหว่างการตรวจสอบโครงการเช่ารถเมล์ กับพ.ร.ก.ซึ่งเป็นสิ่งที่รรัฐสภาต้องให้ความร่วมมือ
สำหรับฝ่านค้านก็ทำหน้าที่ไป ตนอยากจะขอความร่วมมือว่ากฎหมายนี้ เป็นกฎหมายสำคัญที่จะนำไปใช้แก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ และอยากขอวิงวอน ให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ ซึ่งจะถือเป็นเรื่องที่ดีมาก
ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวในรายการ สภาท่าพระอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ยืนยันว่าจะไม่ยอมยกมือให้ผ่านร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทแน่นอน เนื่องจากถือว่า จงใจหลีกเลี่ยงการตรวจสอบโดยระบอบรัฐสภา
นายคำนูณ กล่าวว่า วัตถุประสงค์การออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 วงเงินกลมๆ ประมาณ 2 แสนล้าน เพื่อชดเชยเงินคงคลัง ส่วนที่ 2 อีกกลมๆ จำนวนประมาณ 2 แสนล้าน เพื่อทำโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งมียอดเงินทั้งหมด 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งจะต้องกู้เงินทั้งหมดรวม 6 แสนล้านบาท โดยที่เหลืออีก 4 แสนล้านบาท อยู่ใน พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท
นายคำนูณ กล่าวว่า การใช้เงินในส่วนที่ 1 เพื่อชดเชยเงินคงคลัง 2 แสนล้านบาท แม้จะมีข้อสงสัยให้วิพากษ์วิจารณ์ได้บางประการ แต่โดยภาพรวมแล้ว เห็นว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องดำเนินการ เพื่อชดเชยเงินคงคลังตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 ตนยอมรับได้ แต่เงินในส่วนที่ 2 ที่จะนำไปใช้ในโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 นั้น เห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากล และจะกระทบต่อวินัยการคลังของประเทศในระยะยาว โดยมีเหตุผลหลักๆ ในเบื้องต้น 2 ประการ
ประการแรกซึ่งสำคัญที่สุดก็คือ โครงการต่างๆ ที่นำมารวมอยู่ในโครงการ ไทยเข้มแข็งเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสามารถบรรจุไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่รัฐบาลกำหนดจะเสนอต่อรัฐสภาในสมัยวิสามัญ 15-23 มิ.ย.นี้ พร้อมกับ พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ฉบับรวม 8 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐสภามีโอกาสศึกษาโครงการ และตรวจสอบความคุ้มค่า ของการลงทุน ตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนดใน พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 และวิธีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีซึ่งบัญญัติไว้เฉพาะในรัฐธรรมนูญ เพื่อความถูกต้องและโปร่งใสในการใช้เงินงบประมาณ แต่รัฐบาลกลับไปตัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ลง 2 แสนล้านบาท แล้วโยก มาบรรจุใน พ.ร.ก.ดูเหมือนเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของรัฐสภา
ประการต่อมา การดำเนินการดังกล่าวข้างต้นจะทำให้วงเงินงบประมาณปี 2553 น้อยกว่า งบประมาณปี 2552 บวกด้วยงบกลางปี ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในการจัดทำงบประมาณแผ่นดินของประเทศ ไม่เคยมีมาก่อน และจะเปิดโอกาส ให้รัฐบาลต่อไปใช้เป็นเหตุผลในการเสนอขอเพิ่มวงเงินงบประมาณ โดยออกเป็นพระราชกำหนดเช่นเดียวกับรัฐบาลนี้
เหตุใดรัฐบาลจึงไม่ประเมินฐานะการเงินให้ชัดเจนก่อนเริ่มใช้เงินในโครงการ บางโครงการ โดยอ้างเหตุผลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เมื่อดำเนินการไปแล้ว ผลที่ได้ในเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจกลับออกมาไม่ชัดเจน เช่น โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ครั้นเมื่อใช้ไปแล้วจนติดเพดานการขาดดุลงบประมาณ แทนที่จะแก้ไข พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ และ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ให้สามารถขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว กลับใช้วิธีออกพระราชกำหนดขอกู้เพิ่ม อันจะเป็นการสร้างตัวอย่างที่ไม่ชอบ ให้แก่รัฐบาลต่อๆ ไป ถือเป็นการปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการเสนอของบประมาณค่าใช้จ่ายตามขั้นตอน
นายคำนูณ เห็นว่า การกระทำเช่นนี้น่าจะส่งผลถึงวินัยการเงิน และการคลังของชาติ ตลอดถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ดังที่สถาบันจัดลำดังนานาชาติบางแห่งได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลว่าจะให้ความช่วยเหลือ สถาบันการเงินในกรณีที่เกิดปัญหา ที่เขาไม่ได้พูดให้ชัดเจน คือ เพราะรัฐบาลมีหนี้สินมหาศาล และกำลังบริหารการคลังของชาติอย่างสุ่มเสี่ยง ขาดวินัย ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับรัฐบาลชุดต่อๆ ไป อีกทั้งโครงการไทยเข้มแข็งยังไม่ได้พูดถึงว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนหรือประเทศให้ดีขึ้นได้อย่างไร
วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลากว่า 2 ชม. โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า เป็นการมาหารือเรื่องกำหนดตำแหน่งใหม่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามโครงสร้างใหม่ ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยต้องรอกฤษฎีกาพิจารณาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเพิ่มตำแหน่งใหม่ ส่วนจะเพิ่มตำแหน่งใดบ้างต้องดูจากการประชุม ก.ตร.ก่อน
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังกำชับให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยในวันประชุมพิจารณาร่างพ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาที่รัฐสภาด้วย ส่วนจำเป็นต้องนำกำลังทหารมาเสริมหรือไม่นั้นยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ทั้งนี้ในการดูแลความปลอดภัยคงจะใช้รูปแบบเดิมที่เคยใช้มา และไม่มีความกังวลในการประชุมในช่วงที่มีการประชุมสภา เพราะการชุมนุมสามารถแสดงออกได้ตามกฎหมาย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ความเป็นธรรมในการวินิจฉัยร่าง พ.ร.ก.กุ้เงิน 4 แสนล้านบาทว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเคยมีตัวอย่างว่าศาลรัฐธรรมนูญ ได้เคยวินิจฉัยในกรณีแบบนี้มาแล้ว แต่ยังมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญส่งเรื่องให้วินิจฉัย ซึ่งควรดูในเรื่องของความเหมาะสมด้วย
การยื่นให้ตรวจสอบ พร้อมกับเรียกร้องกับรัฐบาล แต่วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยออกมาแล้วว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงอยากถามหา ความรับผิดชอบกับฝ่ายค้านเช่นกัน แต่คิดว่าสมาชิกฝ่ายค้านนอกจากจะไม่มีความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้แล้ว ยังออกมาประกาศจะคว่ำ พ.ร.ก.ดังกล่าวอีก จึงเห็นว่าวันนี้บ้านเมืองป่วยเข้าขั้นโคม่า แต่ก็มีคนอยากจะกระทืบซ้ำ ดังนั้นสังคมควรพิจารณาว่า คนเหล่านี้หวังดีต่อบ้านเมืองหรือไม่ หรือพยายามจะฉุดรั้งไม่ให้รัฐบาลแก้ปัญหาของประเทศชาติได้
นายเทพไทย กล่าวว่าการที่พรรคเพื่อไทยประกาศแต่งตั้งรองโฆษกพรรค เพิ่มอีก 4 ตำแหน่ง เพื่อตอบโต้กับรัฐบาลนั้น อยากให้เป็นการตอบโต้แบบสร้างสรรค์ ตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาก็มีโฆษกที่เป็น ส.ส.สอบตก ซึ่งการพูดจา อาจมีความรับผิดชอบในคำพูดไม่เท่ากับในคำพูดของ ส.ส. น่าเสียดายว่า ส.ส.ทั้ง 4 คนที่มาเป็นรองโฆษก ปล่อยให้ผู้ที่เป็น ส.ส.สอบตกมาเป็นหัวหน้า
สำหรับทีมโฆษกของพรรคประชาธิปัตย์ และทีมโฆษกของรัฐบาลก็พร้อมที่จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองตามแนวทางสมานฉันท์ที่รัฐบาลตั้งขึ้น
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยอมรับมติของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และเตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อด้วยการวิเคราะห์รายละเอียดของการใช้เงินและตรวจสอบการหาเงินเพื่อนำมาใช้หนี้การกู้เงินในครั้งนี้
ยืนยันว่าการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นไม่ได้ทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจล่าช้า แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบของฝ่ายค้านที่ร่วมตรวจสอบ สิ่งที่ประชาชนสงสัย อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นจะเป็นบรรทัดฐานในการทำงานที่พรรคเพื่อไทยจะนำไปใช้เมื่อได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น