พันธมิตรฯ ยื่นขอตั้งพรรคการเมืองใหม่แล้ว ถือฤกษ์ดี 09.09 น. ประกาศพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบในสภา คาดไม่เกิน 2 เดือนเปิดประชุมใหญ่ได้
วานนี้ (4 มิ.ย.) เวลา 08.30 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคการเมือง เดินทางเข้ายื่นขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่สำนักงานกกต. ซึ่งทั้งหมดได้นั่งรอให้ถึงเวลา 09.09 น. เพื่อเป็นการถือเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนที่จะยื่นเอกสาร และหลักฐานการขอแจ้งจดตั้งพรรคการเมืองกับนายกฤช เอื้อวงศ์ ผอ.สำนักกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ
นายสมศักดิ์กล่าวว่า มาขอยื่นจดแจ้งตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ โดยรายชื่อที่มาขอยื่นจดตั้งพรรคมีทั้งหมด 27 คน ซึ่งทุกคนเคยมีส่วนร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มาก่อน สำหรับนโยบายของพรรคที่เน้นเป็นหลักคือ การเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งเรื่องความยุติธรรม ศีลธรรม การกำจัดการทุจริต คอร์รัปชั่น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด และต้องมีการกระจายอำนาจ โดยภาพรวมการดำเนินการของพรรค อาจจะใช้ระบบสหกรณ์
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า การใช้ชื่อพรรคการเมืองใหม่นั้นมีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่า ไม่มีปัญหาอะไร แต่ทั้งหมด ต้องขึ้นกับ กกต. ที่จะตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง ส่วนที่ 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค เพราะขณะนี้เป็นเพียงการขอจดตั้งพรรคเท่านั้น แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จึงยังไม่จำเป็นต้องลงมาพร้อมกัน ซึ่งบุคคลนอกก็สามารถเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการบริหารพรรคได้ ไม่จำเป็นต้องผูกขาดเฉพาะแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเท่านั้น
เมื่อถามว่า 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯจะเข้ามามีบทบาทในการเลือกกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิเป็นกรรมการบริหารพรรคชุดต่อไป ซึ่งการตั้งกรรมการบริหารพรรคของพรรคการเมืองใหม่ จะเป็นวาระที่ไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่น โดยจะเน้นหนักไปที่การตัดสินใจของประชาชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรค
นอกจากนี้ ยืนยันว่า ตนเองเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง แต่หากมีการเลือกตั้งใหม่ จะมีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่นั้น ต้องขึ้นกับที่ประชุมพรรคว่า จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้หรือไม่ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักการระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคฯมีนโยบายประชานิยมในการหาเสียงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายพรรคเน้นการตรวจสอบ ปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่น และผลักดันระบอบประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ซึ่งคำว่า ประชานิยมในความหมายที่ตนทราบ คือ การไปหลอกคนว่าจะให้สิ่งของต่างๆ แต่คำว่า ประชานิยมของพรรคการเมืองใหม่ จะเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ และกำหนดอนาคตของตัวเอง รวมทั้งทำให้ช่องว่างของรายได้แคบลง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าในอนาคตมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคไม่เคยคิดว่าจะได้คะแนนเสียงเท่าไร ขณะนี้คิดแต่เพียงว่า พรรคการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้น มีเจตนารมณ์ที่จะมาดำเนินการทางรัฐสภา และต้องการให้ประชาชนมีทางเลือกใหม่ เพราะพรรคการเมืองที่มีอยู่ในตอนนี้กับพรรคการเมืองใหม่มีข้อแตกต่างกัน ซึ่งเวลานี้รัฐบาลมีปัญหาหลายอย่าง หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใด พรรคก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอน เพราะพรรคการเมืองมีหน้าที่จัดแจงแบ่งปันสิ่งต่างๆให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม แต่เบื้องต้นที่พรรคดำเนินการอยู่คือ ให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มีพรรคการเมืองไหนทำมาก่อน
ด้านนายสุริยะใส กล่าวว่า หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตอบรับการยื่นขอจดจัดตั้งพรรคแล้ว คาดว่าภายใน 2 เดือนจะสามารถจัดประชุมพรรคได้ แต่จะมีการเปลี่ยนตัวหนัวหน้าพรรคหรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับที่ประชุม ส่วนการหาสมาชิกพรรคให้ครบ 5,000 คนนั้น ก็คาดว่าจะได้ครบภายใน 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ยังยอมรับว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีผู้สนับสนุนเป็นกลุ่มเดียวกัน เพราะเมื่อพรรคการเมืองใหม่ ประกาศจัดตั้งขึ้น ก็มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนไปขอถอนชื่อออกจากพรรค เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งในวันข้างหน้าที่จะมีการเลือกตั้งและต้องมีการแข่งขันกัน ก็คงต้องเป็นไปอย่างนั้น แต่เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมือง เพื่อต้องการเปลี่ยนการเมืองไปสู่การเมืองที่ดีกว่า และคิดว่าสามารถทำได้
ดังนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์คิดว่า การเมืองขณะนี้ดีอยู่แล้วก็ต้องมาแข่งขันกับเรา แต่ในทางเทคนิคก็ต้องยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแนวร่วมที่เคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรฯ มาโดยตลอด ตราบใดที่ระบอบทักษิณยังมีอิทธิพลอยู่ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะยังเป็นแนวร่วมกันในระดับหนึ่ง ส่วนทั้ง 2 พรรค จะมีการจับมือกันในการเลือกตั้งหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินไปที่จะคิด อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อจะเป็นรัฐบาล แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่อย่างมีคุณภาพ ซึ่งหากมีเลือกตั้งเมื่อใด พรรคพร้อมสู้อยู่แล้ว
นายปานเทพ กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ในส่วนของกรรมการบริหารพรรค จำนวน 27 คนนี้จะเป็นตำแหน่งชั่วคราว ซึ่งต้องรอกกต.เห็นชอบให้จดแจ้งอีกครั้งภายใน 30 วัน ซึ่งอาจเร็วกว่ากำหนดก็ได้ และหลังจากผ่านการเห็นชอบแล้ว มั่นใจว่าเกณฑ์ที่กำหนดให้หาสมาชิกพรรคให้ได้ 5,000 คน มีสาขาพรรคจะครบทุก 4 ภาค จะปฏิบัติได้เสร็จโดยเร็ว เพราะเบื้องต้นมีการติดต่อเข้ามาของ ส.ส.ในสภา และนักการเมืองท้องถิ่นหลายคน จะขอเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคก.ม.ม. กันบ้างแล้ว
นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนผลการประชาพิจารณ์ที่ขอเสียงฉันทามติจากที่ประชุมสภาพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 24 – 25 พ.ค. ที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยให้ตั้งพรรคนั้น ทางแกนนำมีการแจกแบบสอบถาม 55,000 ชุดด้วย เพื่อสอบถามว่าเห็นควรว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรคมากที่สุด และหากจะไม่ใช่ 5 แกนนำพันธมิตรฯ แล้วจะเป็นใคร ซึ่งจะมีผลที่จะจัดอันดับไว้ 10 อันดับแรก ภายในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะแถลงผลสำรวจจากแบบสอบถามได้ และหากผลส่วนใหญ่ออกมาว่า เห็นควรให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นหัวหน้าพรรค ก็จะต้องประเมินจากตัวสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารพรรคของพรรค ก.ม.ม. รวมทั้งฐานเสียงของพันธมิตรฯ ประกอบกับการตัดสินใจด้วยตัวเองของ นายสนธิ ว่าจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบทางกฎหมายของ 5 แกนนำ ไม่พบว่ามีปัญหาข้อกฎหมาย และสามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องหมายสัญลักษณ์พรรค ก.ม.ม. เป็นมือสีเหลืองประสานกัน 4 มือ เป็นลักษณะคล้ายกังหัน หัวใจสีเหลือง 4 ดวง อยู่ตรงกลาง อยู่บนพื้นสีเขียว และมีตัวอักษรภาษาไทยว่า “ พรรคการเมืองใหม่ ” และภาษาอังกฤษ ว่า “ NEW POLITICS PARTY ” โดยคำอธิบายเครื่องหมายพรรค ก.ม.ม. ระบุว่า สีเขียวหมายถึง ธรรมะ เป็นการเมืองที่ใช้ธรรมนำหน้า มือสีเหลือง 4 มือ หมายถึง มือของประชาชนที่ยึดมั่นในธรรมจากทุกภูมิภาค ทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพ มาร่วมมือเพื่อโอบอุ้มและลงมือทำการเมืองใหม่ด้วยมือประชาชน หัวใจสีเหลือง หมายถึง ศูนย์กลางจิตใจของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ยึดมั่นใน ธรรม และราชบัลลังก์ และหัวใจ 4 ดวง หมายถึง มีหัวใจที่แน่วแน่ที่จะยึดมั่นอุดมการณ์ด้วยความเสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และมีความสามารถ
สำหรับคณะกรรมการบริหารพรรค ก.ม.ม. จำนวน 27 คนนั้น ประกอบด้วย 1.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรค 2.นางภินันท์ โชติรสเศรณี 3.นายสมศักดิ์ อิสมันยี รองหัวหน้าพรรค 4.นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค 5.นายพิชิต ไชยมงคล รองเลขาธิการพรรค 6. นางลักขณา ดิษยะศริน เหรัญญิกพรรค 7.นางภาณุมาศ พรหมสูตร นายทะเบียนสมาชิกพรรค 8.พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมย์ โฆษกพรรค 9.นายสุทธิ อัชฌาศัย 10.นางชญาดา ศริญญามาศ 11.น.ส.ฉัตรกุล คำมีอ่อน 12.น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร 13.นางกาญจนา กาญจนเสวี 14.น.ส.จีรนันท์ อินทร์สุริวงศ์ 15.น.ส.พรชุลี คงขวัญ 16.นางเสาวนีย์ รุ่งช่วง 17.นางชญาบุญ เพชรพรหม 18. น.ส.นิตยา กุระคาน 19.นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ 20.นางเพลินพิศ ทองวล 21.นายวิลิต เตชะไพบูลย์ 22.น.ส.เสน่ห์ หงษ์ทอง 23.นายบรรจง นะแส 24.นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ 25. นายสุทิน ธราทิน 26.นายชาลี ลอยสูง และ 27.น.ส.นริศวรรณ ศรีประยูรธรรม กรรมการบริหารพรรค.
วานนี้ (4 มิ.ย.) เวลา 08.30 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคการเมือง เดินทางเข้ายื่นขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่สำนักงานกกต. ซึ่งทั้งหมดได้นั่งรอให้ถึงเวลา 09.09 น. เพื่อเป็นการถือเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนที่จะยื่นเอกสาร และหลักฐานการขอแจ้งจดตั้งพรรคการเมืองกับนายกฤช เอื้อวงศ์ ผอ.สำนักกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ
นายสมศักดิ์กล่าวว่า มาขอยื่นจดแจ้งตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ โดยรายชื่อที่มาขอยื่นจดตั้งพรรคมีทั้งหมด 27 คน ซึ่งทุกคนเคยมีส่วนร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มาก่อน สำหรับนโยบายของพรรคที่เน้นเป็นหลักคือ การเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งเรื่องความยุติธรรม ศีลธรรม การกำจัดการทุจริต คอร์รัปชั่น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด และต้องมีการกระจายอำนาจ โดยภาพรวมการดำเนินการของพรรค อาจจะใช้ระบบสหกรณ์
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า การใช้ชื่อพรรคการเมืองใหม่นั้นมีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่า ไม่มีปัญหาอะไร แต่ทั้งหมด ต้องขึ้นกับ กกต. ที่จะตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง ส่วนที่ 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค เพราะขณะนี้เป็นเพียงการขอจดตั้งพรรคเท่านั้น แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จึงยังไม่จำเป็นต้องลงมาพร้อมกัน ซึ่งบุคคลนอกก็สามารถเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการบริหารพรรคได้ ไม่จำเป็นต้องผูกขาดเฉพาะแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเท่านั้น
เมื่อถามว่า 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯจะเข้ามามีบทบาทในการเลือกกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิเป็นกรรมการบริหารพรรคชุดต่อไป ซึ่งการตั้งกรรมการบริหารพรรคของพรรคการเมืองใหม่ จะเป็นวาระที่ไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่น โดยจะเน้นหนักไปที่การตัดสินใจของประชาชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรค
นอกจากนี้ ยืนยันว่า ตนเองเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง แต่หากมีการเลือกตั้งใหม่ จะมีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่นั้น ต้องขึ้นกับที่ประชุมพรรคว่า จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้หรือไม่ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักการระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคฯมีนโยบายประชานิยมในการหาเสียงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายพรรคเน้นการตรวจสอบ ปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่น และผลักดันระบอบประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ซึ่งคำว่า ประชานิยมในความหมายที่ตนทราบ คือ การไปหลอกคนว่าจะให้สิ่งของต่างๆ แต่คำว่า ประชานิยมของพรรคการเมืองใหม่ จะเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ และกำหนดอนาคตของตัวเอง รวมทั้งทำให้ช่องว่างของรายได้แคบลง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าในอนาคตมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคไม่เคยคิดว่าจะได้คะแนนเสียงเท่าไร ขณะนี้คิดแต่เพียงว่า พรรคการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้น มีเจตนารมณ์ที่จะมาดำเนินการทางรัฐสภา และต้องการให้ประชาชนมีทางเลือกใหม่ เพราะพรรคการเมืองที่มีอยู่ในตอนนี้กับพรรคการเมืองใหม่มีข้อแตกต่างกัน ซึ่งเวลานี้รัฐบาลมีปัญหาหลายอย่าง หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใด พรรคก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอน เพราะพรรคการเมืองมีหน้าที่จัดแจงแบ่งปันสิ่งต่างๆให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม แต่เบื้องต้นที่พรรคดำเนินการอยู่คือ ให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มีพรรคการเมืองไหนทำมาก่อน
ด้านนายสุริยะใส กล่าวว่า หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตอบรับการยื่นขอจดจัดตั้งพรรคแล้ว คาดว่าภายใน 2 เดือนจะสามารถจัดประชุมพรรคได้ แต่จะมีการเปลี่ยนตัวหนัวหน้าพรรคหรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับที่ประชุม ส่วนการหาสมาชิกพรรคให้ครบ 5,000 คนนั้น ก็คาดว่าจะได้ครบภายใน 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ยังยอมรับว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีผู้สนับสนุนเป็นกลุ่มเดียวกัน เพราะเมื่อพรรคการเมืองใหม่ ประกาศจัดตั้งขึ้น ก็มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนไปขอถอนชื่อออกจากพรรค เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งในวันข้างหน้าที่จะมีการเลือกตั้งและต้องมีการแข่งขันกัน ก็คงต้องเป็นไปอย่างนั้น แต่เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมือง เพื่อต้องการเปลี่ยนการเมืองไปสู่การเมืองที่ดีกว่า และคิดว่าสามารถทำได้
ดังนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์คิดว่า การเมืองขณะนี้ดีอยู่แล้วก็ต้องมาแข่งขันกับเรา แต่ในทางเทคนิคก็ต้องยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแนวร่วมที่เคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรฯ มาโดยตลอด ตราบใดที่ระบอบทักษิณยังมีอิทธิพลอยู่ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะยังเป็นแนวร่วมกันในระดับหนึ่ง ส่วนทั้ง 2 พรรค จะมีการจับมือกันในการเลือกตั้งหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินไปที่จะคิด อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อจะเป็นรัฐบาล แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่อย่างมีคุณภาพ ซึ่งหากมีเลือกตั้งเมื่อใด พรรคพร้อมสู้อยู่แล้ว
นายปานเทพ กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ในส่วนของกรรมการบริหารพรรค จำนวน 27 คนนี้จะเป็นตำแหน่งชั่วคราว ซึ่งต้องรอกกต.เห็นชอบให้จดแจ้งอีกครั้งภายใน 30 วัน ซึ่งอาจเร็วกว่ากำหนดก็ได้ และหลังจากผ่านการเห็นชอบแล้ว มั่นใจว่าเกณฑ์ที่กำหนดให้หาสมาชิกพรรคให้ได้ 5,000 คน มีสาขาพรรคจะครบทุก 4 ภาค จะปฏิบัติได้เสร็จโดยเร็ว เพราะเบื้องต้นมีการติดต่อเข้ามาของ ส.ส.ในสภา และนักการเมืองท้องถิ่นหลายคน จะขอเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคก.ม.ม. กันบ้างแล้ว
นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนผลการประชาพิจารณ์ที่ขอเสียงฉันทามติจากที่ประชุมสภาพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 24 – 25 พ.ค. ที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยให้ตั้งพรรคนั้น ทางแกนนำมีการแจกแบบสอบถาม 55,000 ชุดด้วย เพื่อสอบถามว่าเห็นควรว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรคมากที่สุด และหากจะไม่ใช่ 5 แกนนำพันธมิตรฯ แล้วจะเป็นใคร ซึ่งจะมีผลที่จะจัดอันดับไว้ 10 อันดับแรก ภายในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะแถลงผลสำรวจจากแบบสอบถามได้ และหากผลส่วนใหญ่ออกมาว่า เห็นควรให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เป็นหัวหน้าพรรค ก็จะต้องประเมินจากตัวสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารพรรคของพรรค ก.ม.ม. รวมทั้งฐานเสียงของพันธมิตรฯ ประกอบกับการตัดสินใจด้วยตัวเองของ นายสนธิ ว่าจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบทางกฎหมายของ 5 แกนนำ ไม่พบว่ามีปัญหาข้อกฎหมาย และสามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องหมายสัญลักษณ์พรรค ก.ม.ม. เป็นมือสีเหลืองประสานกัน 4 มือ เป็นลักษณะคล้ายกังหัน หัวใจสีเหลือง 4 ดวง อยู่ตรงกลาง อยู่บนพื้นสีเขียว และมีตัวอักษรภาษาไทยว่า “ พรรคการเมืองใหม่ ” และภาษาอังกฤษ ว่า “ NEW POLITICS PARTY ” โดยคำอธิบายเครื่องหมายพรรค ก.ม.ม. ระบุว่า สีเขียวหมายถึง ธรรมะ เป็นการเมืองที่ใช้ธรรมนำหน้า มือสีเหลือง 4 มือ หมายถึง มือของประชาชนที่ยึดมั่นในธรรมจากทุกภูมิภาค ทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพ มาร่วมมือเพื่อโอบอุ้มและลงมือทำการเมืองใหม่ด้วยมือประชาชน หัวใจสีเหลือง หมายถึง ศูนย์กลางจิตใจของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ยึดมั่นใน ธรรม และราชบัลลังก์ และหัวใจ 4 ดวง หมายถึง มีหัวใจที่แน่วแน่ที่จะยึดมั่นอุดมการณ์ด้วยความเสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และมีความสามารถ
สำหรับคณะกรรมการบริหารพรรค ก.ม.ม. จำนวน 27 คนนั้น ประกอบด้วย 1.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรค 2.นางภินันท์ โชติรสเศรณี 3.นายสมศักดิ์ อิสมันยี รองหัวหน้าพรรค 4.นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค 5.นายพิชิต ไชยมงคล รองเลขาธิการพรรค 6. นางลักขณา ดิษยะศริน เหรัญญิกพรรค 7.นางภาณุมาศ พรหมสูตร นายทะเบียนสมาชิกพรรค 8.พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมย์ โฆษกพรรค 9.นายสุทธิ อัชฌาศัย 10.นางชญาดา ศริญญามาศ 11.น.ส.ฉัตรกุล คำมีอ่อน 12.น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร 13.นางกาญจนา กาญจนเสวี 14.น.ส.จีรนันท์ อินทร์สุริวงศ์ 15.น.ส.พรชุลี คงขวัญ 16.นางเสาวนีย์ รุ่งช่วง 17.นางชญาบุญ เพชรพรหม 18. น.ส.นิตยา กุระคาน 19.นายอมรเทพ อมรรัตนานนท์ 20.นางเพลินพิศ ทองวล 21.นายวิลิต เตชะไพบูลย์ 22.น.ส.เสน่ห์ หงษ์ทอง 23.นายบรรจง นะแส 24.นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ 25. นายสุทิน ธราทิน 26.นายชาลี ลอยสูง และ 27.น.ส.นริศวรรณ ศรีประยูรธรรม กรรมการบริหารพรรค.
