xs
xsm
sm
md
lg

สปส.ลดเก็บ 2.5% ลูกจ้าง-นายจ้าง ควักพันล้านซื้อข้าวสารแจก 9.3 ล้านคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บอร์ด สปส.มีมติลดเก็บเงินสมทบนายจ้าง-ลูกจ้าง ลงอีกร้อยละ 2.5 คาดเสร็จภายใน 2 เดือน และมีผลถึงเดือน ธ.ค.52 ยันไม่กระทบฐานะเงินกองทุน 5 แสนล้าน แต่อาจกระทบกำไร 2 หมื่นล้าน เตรียมควักเร่งด่วนอีก 1 พันล้าน ซื้อข้าวสารแจกผู้ประกันตนจำนวน 9.3 ล้านคน คนละ 1 ถุง หรือประมาณ 5 กิโลกรัม ขณะที่ “เอ็นจีโอ” หวั่นเปิดช่องทุจริต เพราะถูกพับแผนตั้งแต่ยุค “ป้าอุ”

วานนี้ (20 ม.ค.) นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด สปส.ในวันนี้ มีมติเห็นชอบในหลักการลดการจ่ายเงินสบทบเข้ากองทุนประกันสังคมลงอีกร้อยละ 2.5 จากเดิมที่นายจ้างและลูกจ้างต้องจ่ายร้อยละ 5 ของรายได้ เหลือจ่ายเพียงร้อยละ 2.5

โดยระหว่างนี้ สปส.จะใช้เวลา 60 วันในการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติและร่างกฎกระทรวง ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ก่อนมีผลบังคับใช้ ซึ่งในระหว่างการจัดทำจะมีการประเมินสถานการณ์การเลิกจ้างจริงว่ามีความรุนแรงหรือไม่ ก่อนนำมาบังคับใช้อีกครั้ง โดยมีระยะเวลาในการลดการจ่ายเงินสมทบจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2552 นี้

พร้อมกันนี้ นายสมชาย ยืนยันว่า การลดการจ่ายเงินสมบทเข้ากองทุนครั้งนี้ ไม่กระทบต่อเงินกองทุนประกันสังคม ซึ่งล่าสุดเงินกองทุนประกันสังคมมีกว่า 500,000 ล้านบาท แต่จะกระทบกับผลกำไรของกองทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท

บอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ด ยังได้มีมติเห็นชอบนำเงินกองทุนประกันสังคมจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท ซื้อข้าวสารแจกผู้ประกันตนจำนวน 9.3 ล้านคน คนละ 1 ถุง หรือประมาณ 5 กิโลกรัม ในโครงการบรรเทาความเดือดร้อนในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นลักษณะการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ หาก นายไพฑูรย์ เห็นชอบ สปส.ก็จะดำเนินการส่งขั้นตอน ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างให้กับกรมบัญชีกลางพิจารณาตรวจสอบต่อไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาในดำเนินการประกวดราคา จัดซื้อข้าวสาร ภายในเวลา 2 เดือน ก็จะสามารถดำเนินการได้ เชื่อมั่นว่าข้าวสารจะถึงมือผู้ประกันตนทุกคน และยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างโปร่งใส ซึ่งหากไม่ถึงมือผู้ประกันตนก็สามารถเรียกร้องหรือฟ้องร้องได้เพื่อความยุติธรรม

**เอ็นจีโอ ค้านสุดตัว หวั่นเปิดช่องทุจริต

น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะว่าไม่ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้จริง และอาจเป็นช่องทางการทุจริตของกลุ่มผู้ได้ประโยชน์ เป็นเพียงแนวคิดของคนส่วนน้อย ไม่ใช่ตัวแทนของผู้ประกันตน และผู้ประกันตนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย

ขณะที่ นายชาลี ลอยสูง เลขาธิการสหพันธ์แรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คิดว่า เรื่องนี้บอร์ดบางคนกำลังจะหาผลประโยชน์จากโครงการนี้ หรืออาจจะทำเพื่อหวังผลทางการเมือง หรือไม่ก็พยายามที่จะเอาใจข้าราชการการเมือง ถ้าเป็นอย่างนี้กองทุนจะเสียหายเปล่าประโยชน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการดังกล่าวเคยผ่านการเห็นชอบจาก บอร์ด สปส.ชุดนี้ไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งมีบอร์ด สปส.เข้าประชุมเพียง 8 คน จาก 15 คน ด้วยมติ 5 ต่อ 3 เสียง ซึ่ง 3 เสียงที่คัดค้านโครงการดังกล่าวล้วนเป็นบอร์ดฝ่ายลูกจ้าง แต่อย่างไรก็ตาม บอร์ด สปส.ยังไม่ทันได้เสนอให้ นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เห็นชอบ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงรัฐบาลก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น