ครม.ยื้ออีก 1 เดือนโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี ให้ขสมก. 4 พันคัน ของ รมต.พรรคภูมิใจไทย โยนบอร์ดสภาพัฒน์ศึกษาอีกรอบว่าควรใช้วิธีเช่า หรือซื้อ ก่อนเสนอ ครม. เหตุสังคมกังขาเช่าแพงกว่าซื้อ มาร์ค ไม่ติดใจโครงการ แต่กังวลแจงสังคมยาก และยังสงสัยจะช่วยลดภาระ ขสมก.ได้จริงตามที่ รมว.คมนาคมอ้างหรือไม่ โสภณ ท้ากลาง ครม.ให้ตั้ง กก.สอบว่ามีการทุจริตหรือไม่ รับเสียความรู้สึกที่ถูกมองว่าโกง ขู่ถ้าให้ซื้อรัฐบาลต้องหาเงินมาให้ ด้านชวรัตน์ บอกรับได้ที่ถอยคนละก้าว ส่วนกลุ่ม 40 ส.ว. จี้รัฐบาลขยายเวลาให้สภาพัฒน์ศึกษาเพิ่มเป็น 3 เดือน พร้อมให้ทำประชาพิจารณ์ และควรให้องค์กรการศึกษาร่วมศึกษาแบบคู่ขนาด ขณะเดียวกันเตรียมตั้งอนุฯ กมธ.เกาะติดโครงการฉาว 5 ชุด ด้าน 2 ปชป.ออกโรงต้านทุกรูปแบบ สมเกียรติ เตือนความจำ ถาวร เสนเนียม เป็นคนเอาข้อมูลมาให้พันธมิตรฯปราศรัยโจมตีเองหวังว่าคงไม่ลืม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (3 มิ.ย.) ว่าการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี 4 พันคัน ตามที่นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมเสนอและเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครม.ได้ขอให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ไปดูเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในโครงการโดยเฉพาะเรื่องค่าซ่อม ดอดเบี้ย ซึ่งเมื่อพิจารณา แล้วสามารถปรับลดดอกเบี้ยลงไปได้ ประมาณ 5 พันล้าน จาก 69,000ล้านบาท เหลือ 64,000 ล้านบาท ซึ่งนาย โสภณ ซารัมย์ ระบุว่า คงจะลดลงไปมากกว่านี้ยาก และได้พยายามดูทุกอย่างอย่างละเอียดแล้ว ทั้งการตั้งสมมติฐาน ปรึกษาหารือเทียบเคียงค่าใช้จ่ายปัจจุบันกับผลการศึกษาของหน่วยงานต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวเลขมาหยุดที่ 64,000ล้านบาท ต้องยอมรับว่ามีคนตั้งข้อสงสัยตัวเลขระดับนี้ว่า หากซื้อแล้วจะถูกกว่านี้หรือไม่ ประเด็นขณะนี้คงตอบยาก เพราะสมมติฐานที่คนเอามาเทียบเคียงที่ตนเห็นผ่านสื่อ จะมีข้อโต้แย้งทั้ง2 ฝ่าย เช่น หากซื้อเฉพาะค่ารถจะอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าล้านต้นๆ แต่มีข้อถกเถียงว่า หากซื้อแล้ว ต้องมีค่าซ่อมบำรุง ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ รวมไปถึงการกู้ยืมเงิน เพื่อหาแหล่งเงินมาซื้อ และมีต้นทุนด้านการเงินต่างๆ
โยนสภาพัฒน์ศึกษาอีก1เดือน
เพื่อให้สังคมมีความมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำมีความตั้งใจ จึงขอให้คณะกรรมการ ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติใช้เวลา 1 เดือนในการหาข้อสรุปให้ชัดเจนว่าระหว่างการซื้อกับการเช่าอะไรจะคุ้มค่ากว่ากัน แต่นโยบายของรัฐบาล ขสมก. จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องการบริการครั้งใหญ่ที่ต้องมีรถใหม่เข้ามาวิ่ง มีเชื้อเพลิงสะอาด มีระบบตั๋วที่ทันสมัย ลดการรั่วไหลได้ และเป็นเส้นทางที่สอดคล้องกับระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพ ส่วนการจะได้รถมาวิ่งจะเป็นการเช่าหรือการซื้อนั้นอีก 1 เดือนจะได้ข้อสรุปออกมา
ส่วนที่โครงการนี้ผ่าน ครม.จะเกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.หลังจากได้ข้อสรุปดังกล่าวแล้วไม่มีท่านใด โต้แย้ง รวมทั้งตัว รมว.คมนาคมก็ไม่ได้ติดใจอะไร บอกแต่ว่าได้พยายามดูแล มั่นใจว่า การเช่าถูกกว่าการซื้อ และเพื่อให้สังคมมั่นใจท่านก็ไม่ติดใจ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อสรุปของคณะกรรมการจากสภาพัฒน์ฯจะถือเป็นข้อสิ้นสุด และเมื่อสรุปออกมาแล้วก็ต้องรายงาน ครม. และการดำเนินการต่อจากนั้นก็จะเป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนหลักการและคุณลักษณะของรัฐบาลที่ตั้งไว้ในการพิจารณาเรื่องรถเมล์จะอยู่บนหลักการอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการขาดทุนของขสมก. เกิดจาก 1. สภาพรถ 2. ค่าใช้จ่ายต่างๆ และ 3.การรั่วไหลที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บตั๋ว ค่าซ่อม เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาตลอด
มั่นใจไม่แตกแถวโหวตพ.ร.ก.งบประมาณ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า จะไม่กระทบต่อการโหวต ร่างพ.ร.บ.งบประมาณในสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นเหตุผลว่าจะมีปัญหา ในเมื่ออภิปรายกันอย่างกว้างขวางและมีข้อยุติกันมาแล้วไม่มีใครโต้แย้ง เมื่อถามว่าโครงการขณะนี้ดูเรื่องที่จอดรถและน้ำมันเพียงพอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายเรื่องทั้งเรื่องที่ดิน อู่ ทั้งหมดจะต้องเปรียบเทียบออกมาให้เห็น เพราะทั้งการซื้อและการเช่าจะมีวิธีบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ต้องเอาตัวเลขทุกตัวมาดูอยู่แล้ว และต้องเป็นโครงการที่เป็นไปได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการให้เวลาคณะกรรมการสภาพัฒน์ พิจารณาใน 1 เดือนไม่ถือว่านานไป ตนได้ถามเลขาธิการสภาพัฒน์ว่า 1 เดือนพอหรือไม่ ท่านก็บอกว่าพอ ถามกระทรวงคมนาคมว่า 1 เดือน นานไปหรือไม่ เขาก็บอกว่าไม่นานเกินไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้รถเมล์เอ็นจีวี ขณะที่มีการใช้เอ็นจีวีกับรถแท๊กซี่ สถานีบริการเติมเชื้อเพลิงเพียงพอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงที่ได้ประชุมคณะกรรมการพลังงาน ทุกครั้งก็พยายามเร่งรัดกันอยู่ สภาพก็ดีขึ้นโดยลำดับในแง่ของ การลงทุน เพิ่มในเรื่องของสถานี ส่วนในเรื่องของรถเมล์ต้องไปดูแง่ของสถานีบริการทั้งหลายที่จะเชื่อมโยงอยู่แล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคณะกรรมการสภาพัฒน์ที่ให้ไปพิจารณานั้นจะพิจารณาเปรียบเทียบตัวเลขการเช่ากับการซื้อรถเมล์ว่าสิ่งไหนจะคุ้มกว่ากัน ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็ยอมรับแนวทางนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่รัฐบาลยังไม่ตัดสินโครงการนี้เพราะแคร์กระแสสังคมที่ต่อต้านใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนไม่ใช้คำว่ากระแสสังคมที่ต่อต้าน หรืออะไร เพียงแต่ฟังความคิดเห็นและข้อทักท้วง เป็นแนวทางที่บอกตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ว่าการทำงานของรัฐบาลต้องฟังทุกๆ ฝ่ายในสังคม ส่วนการให้สภาพัฒน์พิจารณาจะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุยกับเขา
ปัดยื้อเช่ารถเมล์เพื่อรอพ.ร.ก.เงินกู้
ส่วนที่กลุ่ม 40 ส.ว.ระบุว่า หากรัฐบาลผ่านโครงการเช่ารถเมล์จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2553นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ที่จริงอยากให้เรื่อง ต่างๆ ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ก็ให้พิจารณาเป็นไปในเรื่องนั้นๆ เรื่องพ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาทศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยแล้ว ต้องขอบคุณที่การพิจารณา เป็นไปอย่างรวดเร็ว และตั้งใจว่า จะนำเข้าในสมัยวิสามัญของการประชุมสภาได้พร้อมกับกฎหมายงบประมาณ
สาเหตุที่ยืดการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน เพื่อรอการพิจารณาออก พ.ร.ก.กู้เงินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะว่ากฎหมายงบประมาณ ต้องยาวกว่า 1 เดือนอยู่แล้วรวมไปถึงการพิจารณากฎหมาย พ.ร.ก.การกู้เงิน ก็ยาวกว่า 1 เดือนอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกัน ไม่เคยคิดเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเดินหน้าเพื่อนำเงินกู้มาใช้จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงกระทรวงการคลังก็เร่งดำเนินการอยู่แล้ว สำหรับตัวเลขที่ซักซ้อมไว้จะเข้าในเดือนส.ค.นี้ ที่เงินจะเข้ามาและเดินโครงการต่างๆได้ เมื่อถามว่า ช่วงเวลา ที่หายไปรอการตีความของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ
สภาพัฒน์ไม่มั่นใจเสร็จใน1เดือนหรือไม่
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า ที่ ครม.มีมติให้บอร์ดสภาพัฒน์ไปศึกษารายละเอียดโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันใน 1 เดือนนั้น ขึ้นอยู่กับบอร์ดสภาพัฒน์จะพิจารณาเสณ้จหรือไม่เพื่อนำเสนอ ครม. อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา เรื่องนี้ได้มีการนำเสนอบอร์ดสภาพัฒน์หลายครั้งและบอร์ดก็มีการทบทวนไปหลายครั้งเช่นกัน แต่กรณีที่สภาพัฒน์เคยทำข้อเสนอไปนั้นก็เป็นเพียงการให้ความเห็น แต่ในการประชุม ครม.วันนี้สำนักงานฯเพียงรับฟังไม่มีการเสนอแต่อย่างใด ดังนั้นจะต้องดูมติ ครม.ที่ชัดเจนว่า มอบหมายให้บอร์ดสภาพัฒน์หรือสำนักงานไปดำเนินการ ในประเด็นใด
รายงานข่าวแจ้งว่า บอร์ดสภาพัฒน์ชุดปัจจุบัน ประกอบด้วย นายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการประกอบด้วย นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ นางจุรี วิจิตรวาทการ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา นายสนิท อักษรแก้ว นายศักรินทร์ ภูมิรัตน นายอาชว์ เตาลานนท์ นายวิบูลย์ เข็มเฉลิม นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสศช. เป็นกรรมการและเลขานุการ
โสภณเสียความรู้สึกถูกมองทุจริต
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ครม.อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. แต่มอบหมายให้บอร์ดสภาพัฒน์ไปพิจารณาว่าจะใช้วิธีการเช่าหรือซื้อ เพื่อให้ได้ประโยชน์กับรัฐบาลมากที่สุด เพราะขณะนี้ประชาชนใน กทม.จะเสียประโยชน์ และขสมก. ก็ยังขาดทุนเข้าเนื้อกว่าวันละ 16 ล้านบาท
ผมยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมต้องใช้วิธีการเช่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะเหมาะสมกับสภาพของ ขสมก.ในปัจจุบันแต่ก็เสียความรู้สึกอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคถูกมองว่า เร่งผลักดันโครงการนี้ เพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ดังนั้น ผมจึงต้องเร่งอธิบายรายละเอียดโครงการนี้ว่ามีความโปร่งใสและเหมาะสมเพียงใด ให้เร็วที่สุด เชื่อว่ามติครม.วันนี้ ไม่ได้เป็นการซื้อเวลาแต่เป็นการหาทางออก และบ้านเมืองต้องการความสามัคคี
ลั่นหากให้ซื้อรถเมล์ก็ต้องหาเงินมาให้
นายโสภณ กล่าวว่า หากบอร์ดสภาพัฒน์เห็นว่าควรจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี แทนการเช่าเราก็ซื้อ แต่หากซื้อเราจะต้องไปกู้เงินเพิ่มหรือหาเงินมาให้กระทรวงคมนาคมใช้
ด้าน นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ไม่รู้สึกท้อ และจะเสนอโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อไป แม้ว่าพรรคจะถูก ครม.ตีกลับมาแล้ว 3 โครงการก็ตาม ส่วนความเคลื่อนไหวของ ส.ว.และฝ่ายค้านที่ออกมาก่อนหน้านี้จะเป็นการกดดันจนมีมติ ครม.เช่นนี้หรือไม่เห็นว่า ตรงนี้เป็นเรื่องของที่ค้านและไม่มีการเสนอความคิดเห็นอะไรเลย
ท้าครม.ตั้งกก.สอบมีทุจริตหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันนั้น นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ได้เสนอ ครม.เป็นวาระจรเรื่องสุดท้าย ใช้เวลาชี้แจงและหารือราว 1 ชม.เศษ โดยนายโสภณ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการชี้แจงรายละเอียด ทั้งหมดรวมทั้งการปรับลดตัวเลขการเช่าลงจาก 6.7 หมื่นล้านบาทเศษ เหลือ 6.4 หมื่นล้านบาทเศษ ซึ่งตัวเลขที่ลดลงคือเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้
อย่างไรก็ตาม นายโสภณ กล่าวตอนหนึ่งในการชี้แจงว่า เป็นห่วงเรื่องกระแสสังคมที่คัดค้านเรื่องนี้เพราะยังไม่เข้าใจเท่าที่ควร เห็นใจนายกฯที่ต้องตัดสินใจเรื่องนี้ เพราะบางฝ่ายมองว่าเรื่องนี้ไม่โปร่งใส ทำให้เกิดข้อกังวลว่าจะชี้แจงกับสังคมให้รับทราบและเข้าใจอย่างไร
ผมยินดีให้ครม.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความไม่โปร่งใส ใครมีบทพิสูจน์ ว่า โครงการนี้ไม่โปร่งใส ผมท้าพิสูจน์ ผมรับได้หากโครงการนี้ไม่ผ่านตามวิธีของ โครงการ แต่รับไม่ได้หากบอกว่าโครงการนี้ไม่ผ่านเพราะไม่โปร่งใส นายโสภณ กล่าวต่อที่ประชุม ครม.
มาร์คไม่ติดใจแต่กังวลแจงสังคมยาก
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นโครงการรัฐสวัสดิการที่จะต้องบริการประชาชน แม้จะขาดทุนแต่รัฐบาลต้องทำ โดยตัวเลขที่ลดลงไปแล้วนั้นมีที่มาที่ไปทั้งหมด และควรชี้แจงให้สังคมเข้าใจ
จากนั้นนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังกล่าวว่า ตัวเลขที่ลดลงนั้นเป็นดอกเบี้ย ที่ลดลงจริง ถัดมานายกรัฐมนตรี กล่าวกับ ครม.ว่า ไม่ได้ติดใจ แต่จะมั่นใจอย่างไร และจะตอบสังคมอย่างไรว่าโครงการนี้จะลดการขาดทุนให้ขสมก. มันเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์
รายงานข่าวกล่าวว่า บรรยากาศในการประชุมเรื่องนี้นั้น ครม.จากทุกพรรค แสดงความเห็นกันถ้วนหน้า โดยมีสาระสำคัญที่สรุปได้ดังนี้ ครม.เข้าใจว่า เรื่องนี้มีประโยชน์กับชาว กทม แต่หากมีมติ ครม.ออกมา แม้ครม.มั่นใจว่าโปร่งใส แต่หากมันเป็นการฝืนกระแสสังคม ที่อาจทำให้รัฐบาลเกิดความเสียหายได้ ครม.ยังรับรู้ว่า ขสมก.มีปัญหาที่ต้องแก้ไขก่อนที่จะล้มละลายในไม่กี่ปีข้างหน้า แม้เรื่องนี้จะเป็น โครงการสาธารณะที่จำเป็น และยังเป็นห่วงกระแสสังคมที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ โดยหนึ่ง ในนั้นคือ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ในฐานะผู้ที่เคยยื่นอภิปรายโครงการนี้ ในช่วงที่เป็นพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่า ผมเคยคัดค้านโครงการนี้ วันนี้ผมก็เข้าใจและขอให้กำลังใจ รวมทั้งขอฝากว่าควรทำโครงการนี้ให้โปร่งใสด้วย ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมกล่าวว่า เรื่องนี้ควรทำให้สังคมเข้าใจด้วย
รายงานข่าวกล่าวว่า ครม.หลายคนยังเสนอแนวคิดต่างๆ แทนการเช่า รถเมล์เช่น การเช่า การเช่าซื้อ การซื้อ การนำรถเมล์เก่ามาบูรณะหรือโอนขสมก. ไปให้กทม.รับผิดชอบด้วย
ขู่ครม.ถ้าซื้อรัฐบาลต้องแบกภาระงบฯ
อย่างไรก็ตามนายโสภณ ได้รายงานว่า ในกรณีที่ใช้วิธีซื้อที่กระทรวงคมนาคมจัดทำขึ้นมาเสนอ โดยสรุปว่า วิธีการซื้อ ขสมก.ไม่สามารถดำเนินการ ได้เอง เนื่องจากขาดสภาพคล่องทางการเงิน รัฐจะต้องรับภาระด้านงบประมาณ โดยการจัดสรรงบประมาณสำปรับจัดซื้อรถโดยสาร หรือจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ ขสมก. ดำเนินการ ซึ่งประมาณการค่าใช้จ่ายคันละ 5,274,925 บาท
นายโสภณ ย้ำว่า หากซื้อจะแยกเป็นราคาค่าตัวรถโดยสารใช้ก๊าซเอ็นจีวี คันละ 5 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคากลาง และราคาระบบอิเล็กทรอนิกส์เฉลี่ยคันละ 264,925 บาท รวมเป็นกรอบวงเงินโครงการทั้งสิ้น 4 พันคัน ประมาณ 21,099.700 ล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ย ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าซ่อมแซมบำรุงรักษา ที่ขสมก.ต้องรับผิดชอบไปตลอด ในระยะเวลา 10 ปี จะต้องจ่ายค่าซ่อมแซมบำรุงรักษา ประมาณ 32,850 ล้านบาท มากกว่าเช่าที่ใช้เงินเพียง 4,400 บาทต่อคันต่อวัน
สงสัยจะลดภาระขสมก.จริงหรือไม่
จากนั้นนายอภิสิทธิ์กล่าวเป็นคนสุดท้ายว่า ไม่ได้มองกรณีที่กระทรวงคมนาคมรายงานว่าหากเช่ารถเมล์ 4 พันคันจะมีผู้โดยสารเพิ่มจากวันละ1.5ล้านคนเป็น2.5ล้านคน ยอมรับว่าโครงการนี้เป็นโครงการสาธารณะที่รัฐบาลต้องยอมรับการขาดทุนและเข้าใจสิ่งที่รมว.คมนาคมพูดและปรับลดค่าใช้จ่าย ทุกอย่างจนสุดทาง เพราะ รมว.คมนาคมได้ปรึกษาตนตลอดในเรื่องนี้ หากถามว่า ตนมั่นใจกับโครงการนี้หรือไม่ ขอบอกตรงๆว่าไม่มั่นใจ ที่บอกแบบนั้นไม่ใช่ หมายความว่าไม่มั่นใจเพราะโครงการไม่โปร่งใส แต่ไม่มั่นใจแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ให้ ขสมก. เพราะหากมีการเช่ารถเมล์จริง จะลดภาระ ขสมก.ได้หรือไม่ เพราะว่ารถเมล์เช่านั้นตอนแรกจะใหม่ แต่เมื่อใช้ไป 5 ปีแล้วจะมั่นใจว่าจะมีผู้โดยสารตามที่ตั้งเป้าไว้ในข้างต้นหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ สรุปว่า ควรมอบให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มีนายพนัส สิมะเสถียร ในฐานะประธานคณะกรรมการฯและอดีตปลัดกระทรวงการคลังไปศึกษาว่าจะซื้อหรือเช่ารถเมล์400พันคัน โดยให้เวลาศึกษา1เดือน
ฉะนั้นหากให้คณะกรรมการฯชุดดังกล่าวไปทำงานและใช้เวลา1เดือน เมื่อมีผลอย่างไร รมว.คมนาคมจะรับได้หรือไม่ ขณะที่ รมว.คมนาคม ตอบว่า รับได้
สุเทพยันจัดหารถเมล์ยังไม่คว่ำ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมครม.ทางกระทรวงคมนาคมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ถ้าจะต้องใช้วิธีการเช่าจะใช้เงินประมาณ 6.4 หมื่นล้านเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งเรื่องนี้ ครม.ได้แสดงความคิดกันหลากหลาย และในที่สุดเห็นว่ายังมีโจทย์อยู่ข้อหนึ่งที่คนในสังคมตั้งข้อสงสัยว่าระหว่างเช่ากับซื้ออันไหนจะคุ้มกว่ากัน หรือจะถูก แพงกว่ากัน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงได้ให้บอร์ดสภาพัฒน์ ไปศึกษาตัวเลขเรื่องของการจัดซื้อว่าถ้าจะซื้อคุ้มหรือไม่ และมาเปรียบเทียบ โดยได้ซักถามทาง สภาพัฒน์ฯว่าใช้เวลาเท่าไหร่ ทางสภาพัฒน์ฯ แจ้งว่าต้องใช้เวลา 30 วัน หรือ 1 เดือนก็จะเอาตัวเลขมาเสนอ เพราะฉะนั้นเรื่องของกระทรวงคมนาคมยังถือว่า อยู่ในการพิจารณาอยู่ แต่รอตัวเลขของสภาพัฒน์ ในส่วนของการซื้อมาเปรียบเทียบให้ ครม.ตัดสินใจ ไม่ใช่เรื่องของการซื้อเวลาอะไรทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่ฟังเสียงในครม.ส่วนใหญ่มองว่าควรจะเช่าหรือซื้อที่น่าจะคุ้มค่ากว่ากัน นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ข้อสรุปว่าคนกรุงเทพฯ อยากได้รถเมล์ใหม่ ที่ประหยัดและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นรถเมล์ที่จะใช้แก๊สเป็นความต้องการ และจะปล่อยให้ ขสมก.เป็นอย่างนี้ไม่ได้ต้องช่วยแก้ปัญหา แต่อยู่ที่ว่ามีวิธีอื่นหรือไม่ นอกจากสองวิธีนี้ ดังนั้นครม.จึงช่วยกันคิดและมีความเห็นทางเดียวกันว่าต้องดูตัวเลขให้ถูกต้องและนำตัวเลขมาเปรียบเทียบให้ได้ก่อนที่จะตัดสินใจต้องรอบคอบ ชัดเจน และอธิบายได้
ชวรัตน์รับได้ถอยคนละก้าว
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การประชุม ครม.บรรยากาศเป็นไปด้วยดีโดยมีรัฐมนตรีบางคนเสนอว่ า ทำไมไม่เปลี่ยนจากการเช่ามาเป็นการซื้อไปเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรครับได้เป็นการ ถอยคนละก้าว โดยมีการกำหนดเวลาจะต้องเสร็จภายในเดือนนี้ ซึ่งไม่ใช่การเสียหน้า และไม่ใช่เรื่องเสียเวลาเพราะเป็นโครงการที่ใช้เงินจำนวนมากต้องมีการพิจารณา อย่างละเอียด คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวนายกรัฐมนตรีจะตอบประชาชนไม่ได้ ปัญหาอยู่ตรงนี้ ซึ่งเชื่อว่าการพิจารณาในครั้งต่อไปจะไม่มีปัญหาและน่าจะจบแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าการถูกตีกลับครั้งนี้ไม่เสียหน้าใช่หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า แหม มีหน้าอยู่แค่นี้ จะเสียไปเสียหน้าอะไร มีแต่ได้หน้า
ส่วนจะเป็นเกมการซื้อเวลาของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า คงไม่ใช่การซื้อเวลา แต่คงเป็นเพราะเขาต้องการให้ประชาชนทราบข้อมูล เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นคนรับผิดชอบของรัฐบาล อาจจะมีความล่าช้าบ้าง แต่ก็เพราะเป็นเราแคร์กระแส สังคม จึงต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียด เพราะการทำงาน ให้สาธารณะชนไม่มีทางหลีกกระแสสังคมได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา และคงทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม
40ส.ว.แนะศึกษา3 เดือน
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วยนางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ร่วมกันแถลงข่าวหลังการประชุมกลุ่ม 40 ส.ว.กรณี ครม. มีมติให้บอร์ดสภาพัฒน์ ไปศึกษาโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีว่า ควรจะเช่าหรือซื้อเป็นเวลา 1 เดือนว่าที่ประชุม 40 ส.ว.ได้ข้อสรุปใน 3 ประเด็นคือ 1.ควรเพิ่มระยะเวลาในการศึกษาออกไปเป็น 3 เดือน เพื่อความรอบด้าน รอบคอบ รวมถึงการทำประชาพิจารณ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนเข้าร่วมมากที่สุด
2.นอกจากสภาพัฒน์ แล้วควรให้องค์กรอื่นศึกษาคู่ขนานไปด้วยอาจให้สถาบันการศึกษา เช่น นิด้า และทีดีอาร์ไอ เพื่อที่จะได้นำมาเปรียบเทียบกันให้ชัดเจนมากขึ้น เหมือนที่ต่างประเทศทำกัน เพราะการศึกษาสภาพัฒน์ฯมีแนวโน้มที่จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับรัฐบาล เพราะเมื่อรัฐบาลจะทำโครงการใดขึ้นมามักจะมีการสำรวจถึงผลดี แต่ในด้านลบรัฐบาลไม่ได้ตั้งหน่วยใดขึ้น และ3. กรรมาธิการวุฒิสภา 5 คณะประกอบด้วย คณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน คณะกรรมาธิการการคมนาคม คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาลตรวจสอบ ตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาและตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
ขอตั้งข้อสังเกตว่าโครงการใดที่รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนมักจะมีปัญหาเรื่องการ ขาดทุน ขณะที่โครงการใดที่เอกชนเป็นผู้ดำเนินการจะไม่มีปัญหานี้ เช่น ที่ผ่านมามีเอกชนดำเนินโครงการรถเมล์ที่เรียกว่ารถเมล์ขาวของนายเลิศ ได้กำไร จนสามารถสร้างโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งได้ นางสาวรสนา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้เวลา 1 เดือนเป็นการถ่วงเวลาเพื่อให้พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท และร่างพ.ร.บงบประมาณปี 2553 ผ่านสภาไปก่อนหรือม่ น.ส.รสนา กล่าวว่า แม้จะผ่านสภาไปแล้วทางกลุ่ม 40 ส.ว.ก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่าน เพราะยังมีอนุกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่ และไม่ได้เป็นการเรียกร้อง หรือมีเงื่อนไขว่าหากโครงการนี้ได้รับการอนุมัติแล้วส.ว.จะไม่โหวตให้ความเห็นชอบ ร่างพ.ร.ก.และพ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างที่ถูกกล่าวหา เพราะการกู้เงิน 4 แสนล้านบาทเงิน จำนวนนี้จะต้องถูกนำไปใช้ด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้
2ส.ส.ปชป.ประกาศค้านเต็มที่
ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านโครงการ เช่ารถเอ็นจีวี 4 พันคัน โดยนายสมเกียรติ กล่าวว่า เราจะไม่ยอมให้ประเทศชาติถูกปล้น โดยผ่านโครงการที่เรียกว่า เช่ารถมาซ่อม เป็นการผลาญเงินภาษีขอประชาชน 6 หมื่นกว่าล้านบาท จะทำทุกวิธีทาง โดยจะร่วมมือกับ ส.ว.และภาคประชาชน เพื่อไม่ให้ปล้นชาติอย่างเอิกเกริกผ่านการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เชื่อมั่นว่านายกฯ จะตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดระหว่างจะยุติหรือเยื้อเวลาออกไป ซึ่งในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมแล้ว ซึ่งก็มีความเห็นสอดคล้องกับ 40 ส.ว. เพราะฉะนั้นครม. ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะประชาชนและสื่อต่างก็ออกมาคัดค้านอย่างมาก ดูว่ารัฐบาลจะฝ่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปได้อย่างไร ว่าจะเป็นรัฐบาลของประชาชน หรือเป็นรัฐบาลของใครหากอนุมัติก็ผิดแล้ว
ผมขอเตือนไปยังรัฐบาลว่าให้นำข้อเสนอแนะไปศึกษาและทำอย่างถูกต้อง รัฐบาลก็จะอยู่ได้ยืนนาน เพราะเรื่องนี้คนที่นำข้อมูลไปให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปปราศรัยที่สะพานมัฆวานคนแรกคือนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไท ยขณะนี้ ผมหวังว่าพวกท่านจะไม่ลืมข้อมูลนั้น
ด้าน นายชาญชัยกล่าวว่า สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านได้หยิบยก เรื่องนี้ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งข้อมูลก็เป็นที่รู้ในสาธารณะว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย และคัดค้านมาโดยตลอด เพราะโครงนี้จะทำให้ขาดทุน 5-6 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มหนี้ให้ ขสมก.ทันที 1 แสนล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลจะต้องทบทวนและปรับปรุงแก้ไขเพราะการเช่ารถมาซ่อมตั้งแต่วันแรกก็ผิดหลักการแล้ว ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตค่าซ่อมที่วงเงิน 1 หมื่นกว่าล้านบาทจะต้องได้กำไร 3 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากครม.อนุมัติโครงการดังกล่าวจะเคลื่อนไหวอย่างไร นายชาญชัย กล่าวว่า คงไม่เคลื่อนไหว แต่ความเสื่อมเกิดขึ้นด้วยตัวเองถ้าชี้แจงกับประชาชนไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใช้ปัญญา ดังนั้นตนกล้าพูดได้ว่ามีข้าราชการ นักการเมืองและภาคเอกชนร่วมกันทุจริตมหาศาลเงินภาษีของประชาชน เพราะฉะนั้นความเสื่อมไม่ได้อยู่ที่ส.ส. ไม่มีใครทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลได้ ยกเว้นตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (3 มิ.ย.) ว่าการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี 4 พันคัน ตามที่นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมเสนอและเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครม.ได้ขอให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ไปดูเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในโครงการโดยเฉพาะเรื่องค่าซ่อม ดอดเบี้ย ซึ่งเมื่อพิจารณา แล้วสามารถปรับลดดอกเบี้ยลงไปได้ ประมาณ 5 พันล้าน จาก 69,000ล้านบาท เหลือ 64,000 ล้านบาท ซึ่งนาย โสภณ ซารัมย์ ระบุว่า คงจะลดลงไปมากกว่านี้ยาก และได้พยายามดูทุกอย่างอย่างละเอียดแล้ว ทั้งการตั้งสมมติฐาน ปรึกษาหารือเทียบเคียงค่าใช้จ่ายปัจจุบันกับผลการศึกษาของหน่วยงานต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวเลขมาหยุดที่ 64,000ล้านบาท ต้องยอมรับว่ามีคนตั้งข้อสงสัยตัวเลขระดับนี้ว่า หากซื้อแล้วจะถูกกว่านี้หรือไม่ ประเด็นขณะนี้คงตอบยาก เพราะสมมติฐานที่คนเอามาเทียบเคียงที่ตนเห็นผ่านสื่อ จะมีข้อโต้แย้งทั้ง2 ฝ่าย เช่น หากซื้อเฉพาะค่ารถจะอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าล้านต้นๆ แต่มีข้อถกเถียงว่า หากซื้อแล้ว ต้องมีค่าซ่อมบำรุง ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ รวมไปถึงการกู้ยืมเงิน เพื่อหาแหล่งเงินมาซื้อ และมีต้นทุนด้านการเงินต่างๆ
โยนสภาพัฒน์ศึกษาอีก1เดือน
เพื่อให้สังคมมีความมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำมีความตั้งใจ จึงขอให้คณะกรรมการ ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติใช้เวลา 1 เดือนในการหาข้อสรุปให้ชัดเจนว่าระหว่างการซื้อกับการเช่าอะไรจะคุ้มค่ากว่ากัน แต่นโยบายของรัฐบาล ขสมก. จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องการบริการครั้งใหญ่ที่ต้องมีรถใหม่เข้ามาวิ่ง มีเชื้อเพลิงสะอาด มีระบบตั๋วที่ทันสมัย ลดการรั่วไหลได้ และเป็นเส้นทางที่สอดคล้องกับระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพ ส่วนการจะได้รถมาวิ่งจะเป็นการเช่าหรือการซื้อนั้นอีก 1 เดือนจะได้ข้อสรุปออกมา
ส่วนที่โครงการนี้ผ่าน ครม.จะเกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.หลังจากได้ข้อสรุปดังกล่าวแล้วไม่มีท่านใด โต้แย้ง รวมทั้งตัว รมว.คมนาคมก็ไม่ได้ติดใจอะไร บอกแต่ว่าได้พยายามดูแล มั่นใจว่า การเช่าถูกกว่าการซื้อ และเพื่อให้สังคมมั่นใจท่านก็ไม่ติดใจ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อสรุปของคณะกรรมการจากสภาพัฒน์ฯจะถือเป็นข้อสิ้นสุด และเมื่อสรุปออกมาแล้วก็ต้องรายงาน ครม. และการดำเนินการต่อจากนั้นก็จะเป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนหลักการและคุณลักษณะของรัฐบาลที่ตั้งไว้ในการพิจารณาเรื่องรถเมล์จะอยู่บนหลักการอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการขาดทุนของขสมก. เกิดจาก 1. สภาพรถ 2. ค่าใช้จ่ายต่างๆ และ 3.การรั่วไหลที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บตั๋ว ค่าซ่อม เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาตลอด
มั่นใจไม่แตกแถวโหวตพ.ร.ก.งบประมาณ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า จะไม่กระทบต่อการโหวต ร่างพ.ร.บ.งบประมาณในสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นเหตุผลว่าจะมีปัญหา ในเมื่ออภิปรายกันอย่างกว้างขวางและมีข้อยุติกันมาแล้วไม่มีใครโต้แย้ง เมื่อถามว่าโครงการขณะนี้ดูเรื่องที่จอดรถและน้ำมันเพียงพอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายเรื่องทั้งเรื่องที่ดิน อู่ ทั้งหมดจะต้องเปรียบเทียบออกมาให้เห็น เพราะทั้งการซื้อและการเช่าจะมีวิธีบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ต้องเอาตัวเลขทุกตัวมาดูอยู่แล้ว และต้องเป็นโครงการที่เป็นไปได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการให้เวลาคณะกรรมการสภาพัฒน์ พิจารณาใน 1 เดือนไม่ถือว่านานไป ตนได้ถามเลขาธิการสภาพัฒน์ว่า 1 เดือนพอหรือไม่ ท่านก็บอกว่าพอ ถามกระทรวงคมนาคมว่า 1 เดือน นานไปหรือไม่ เขาก็บอกว่าไม่นานเกินไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้รถเมล์เอ็นจีวี ขณะที่มีการใช้เอ็นจีวีกับรถแท๊กซี่ สถานีบริการเติมเชื้อเพลิงเพียงพอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงที่ได้ประชุมคณะกรรมการพลังงาน ทุกครั้งก็พยายามเร่งรัดกันอยู่ สภาพก็ดีขึ้นโดยลำดับในแง่ของ การลงทุน เพิ่มในเรื่องของสถานี ส่วนในเรื่องของรถเมล์ต้องไปดูแง่ของสถานีบริการทั้งหลายที่จะเชื่อมโยงอยู่แล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคณะกรรมการสภาพัฒน์ที่ให้ไปพิจารณานั้นจะพิจารณาเปรียบเทียบตัวเลขการเช่ากับการซื้อรถเมล์ว่าสิ่งไหนจะคุ้มกว่ากัน ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็ยอมรับแนวทางนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่รัฐบาลยังไม่ตัดสินโครงการนี้เพราะแคร์กระแสสังคมที่ต่อต้านใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนไม่ใช้คำว่ากระแสสังคมที่ต่อต้าน หรืออะไร เพียงแต่ฟังความคิดเห็นและข้อทักท้วง เป็นแนวทางที่บอกตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ว่าการทำงานของรัฐบาลต้องฟังทุกๆ ฝ่ายในสังคม ส่วนการให้สภาพัฒน์พิจารณาจะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุยกับเขา
ปัดยื้อเช่ารถเมล์เพื่อรอพ.ร.ก.เงินกู้
ส่วนที่กลุ่ม 40 ส.ว.ระบุว่า หากรัฐบาลผ่านโครงการเช่ารถเมล์จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2553นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ที่จริงอยากให้เรื่อง ต่างๆ ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ก็ให้พิจารณาเป็นไปในเรื่องนั้นๆ เรื่องพ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาทศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยแล้ว ต้องขอบคุณที่การพิจารณา เป็นไปอย่างรวดเร็ว และตั้งใจว่า จะนำเข้าในสมัยวิสามัญของการประชุมสภาได้พร้อมกับกฎหมายงบประมาณ
สาเหตุที่ยืดการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน เพื่อรอการพิจารณาออก พ.ร.ก.กู้เงินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะว่ากฎหมายงบประมาณ ต้องยาวกว่า 1 เดือนอยู่แล้วรวมไปถึงการพิจารณากฎหมาย พ.ร.ก.การกู้เงิน ก็ยาวกว่า 1 เดือนอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกัน ไม่เคยคิดเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเดินหน้าเพื่อนำเงินกู้มาใช้จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงกระทรวงการคลังก็เร่งดำเนินการอยู่แล้ว สำหรับตัวเลขที่ซักซ้อมไว้จะเข้าในเดือนส.ค.นี้ ที่เงินจะเข้ามาและเดินโครงการต่างๆได้ เมื่อถามว่า ช่วงเวลา ที่หายไปรอการตีความของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ
สภาพัฒน์ไม่มั่นใจเสร็จใน1เดือนหรือไม่
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า ที่ ครม.มีมติให้บอร์ดสภาพัฒน์ไปศึกษารายละเอียดโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันใน 1 เดือนนั้น ขึ้นอยู่กับบอร์ดสภาพัฒน์จะพิจารณาเสณ้จหรือไม่เพื่อนำเสนอ ครม. อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา เรื่องนี้ได้มีการนำเสนอบอร์ดสภาพัฒน์หลายครั้งและบอร์ดก็มีการทบทวนไปหลายครั้งเช่นกัน แต่กรณีที่สภาพัฒน์เคยทำข้อเสนอไปนั้นก็เป็นเพียงการให้ความเห็น แต่ในการประชุม ครม.วันนี้สำนักงานฯเพียงรับฟังไม่มีการเสนอแต่อย่างใด ดังนั้นจะต้องดูมติ ครม.ที่ชัดเจนว่า มอบหมายให้บอร์ดสภาพัฒน์หรือสำนักงานไปดำเนินการ ในประเด็นใด
รายงานข่าวแจ้งว่า บอร์ดสภาพัฒน์ชุดปัจจุบัน ประกอบด้วย นายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการประกอบด้วย นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ นางจุรี วิจิตรวาทการ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา นายสนิท อักษรแก้ว นายศักรินทร์ ภูมิรัตน นายอาชว์ เตาลานนท์ นายวิบูลย์ เข็มเฉลิม นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสศช. เป็นกรรมการและเลขานุการ
โสภณเสียความรู้สึกถูกมองทุจริต
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ครม.อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. แต่มอบหมายให้บอร์ดสภาพัฒน์ไปพิจารณาว่าจะใช้วิธีการเช่าหรือซื้อ เพื่อให้ได้ประโยชน์กับรัฐบาลมากที่สุด เพราะขณะนี้ประชาชนใน กทม.จะเสียประโยชน์ และขสมก. ก็ยังขาดทุนเข้าเนื้อกว่าวันละ 16 ล้านบาท
ผมยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมต้องใช้วิธีการเช่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะเหมาะสมกับสภาพของ ขสมก.ในปัจจุบันแต่ก็เสียความรู้สึกอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคถูกมองว่า เร่งผลักดันโครงการนี้ เพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ดังนั้น ผมจึงต้องเร่งอธิบายรายละเอียดโครงการนี้ว่ามีความโปร่งใสและเหมาะสมเพียงใด ให้เร็วที่สุด เชื่อว่ามติครม.วันนี้ ไม่ได้เป็นการซื้อเวลาแต่เป็นการหาทางออก และบ้านเมืองต้องการความสามัคคี
ลั่นหากให้ซื้อรถเมล์ก็ต้องหาเงินมาให้
นายโสภณ กล่าวว่า หากบอร์ดสภาพัฒน์เห็นว่าควรจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี แทนการเช่าเราก็ซื้อ แต่หากซื้อเราจะต้องไปกู้เงินเพิ่มหรือหาเงินมาให้กระทรวงคมนาคมใช้
ด้าน นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ไม่รู้สึกท้อ และจะเสนอโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อไป แม้ว่าพรรคจะถูก ครม.ตีกลับมาแล้ว 3 โครงการก็ตาม ส่วนความเคลื่อนไหวของ ส.ว.และฝ่ายค้านที่ออกมาก่อนหน้านี้จะเป็นการกดดันจนมีมติ ครม.เช่นนี้หรือไม่เห็นว่า ตรงนี้เป็นเรื่องของที่ค้านและไม่มีการเสนอความคิดเห็นอะไรเลย
ท้าครม.ตั้งกก.สอบมีทุจริตหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันนั้น นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ได้เสนอ ครม.เป็นวาระจรเรื่องสุดท้าย ใช้เวลาชี้แจงและหารือราว 1 ชม.เศษ โดยนายโสภณ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการชี้แจงรายละเอียด ทั้งหมดรวมทั้งการปรับลดตัวเลขการเช่าลงจาก 6.7 หมื่นล้านบาทเศษ เหลือ 6.4 หมื่นล้านบาทเศษ ซึ่งตัวเลขที่ลดลงคือเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้
อย่างไรก็ตาม นายโสภณ กล่าวตอนหนึ่งในการชี้แจงว่า เป็นห่วงเรื่องกระแสสังคมที่คัดค้านเรื่องนี้เพราะยังไม่เข้าใจเท่าที่ควร เห็นใจนายกฯที่ต้องตัดสินใจเรื่องนี้ เพราะบางฝ่ายมองว่าเรื่องนี้ไม่โปร่งใส ทำให้เกิดข้อกังวลว่าจะชี้แจงกับสังคมให้รับทราบและเข้าใจอย่างไร
ผมยินดีให้ครม.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความไม่โปร่งใส ใครมีบทพิสูจน์ ว่า โครงการนี้ไม่โปร่งใส ผมท้าพิสูจน์ ผมรับได้หากโครงการนี้ไม่ผ่านตามวิธีของ โครงการ แต่รับไม่ได้หากบอกว่าโครงการนี้ไม่ผ่านเพราะไม่โปร่งใส นายโสภณ กล่าวต่อที่ประชุม ครม.
มาร์คไม่ติดใจแต่กังวลแจงสังคมยาก
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นโครงการรัฐสวัสดิการที่จะต้องบริการประชาชน แม้จะขาดทุนแต่รัฐบาลต้องทำ โดยตัวเลขที่ลดลงไปแล้วนั้นมีที่มาที่ไปทั้งหมด และควรชี้แจงให้สังคมเข้าใจ
จากนั้นนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังกล่าวว่า ตัวเลขที่ลดลงนั้นเป็นดอกเบี้ย ที่ลดลงจริง ถัดมานายกรัฐมนตรี กล่าวกับ ครม.ว่า ไม่ได้ติดใจ แต่จะมั่นใจอย่างไร และจะตอบสังคมอย่างไรว่าโครงการนี้จะลดการขาดทุนให้ขสมก. มันเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์
รายงานข่าวกล่าวว่า บรรยากาศในการประชุมเรื่องนี้นั้น ครม.จากทุกพรรค แสดงความเห็นกันถ้วนหน้า โดยมีสาระสำคัญที่สรุปได้ดังนี้ ครม.เข้าใจว่า เรื่องนี้มีประโยชน์กับชาว กทม แต่หากมีมติ ครม.ออกมา แม้ครม.มั่นใจว่าโปร่งใส แต่หากมันเป็นการฝืนกระแสสังคม ที่อาจทำให้รัฐบาลเกิดความเสียหายได้ ครม.ยังรับรู้ว่า ขสมก.มีปัญหาที่ต้องแก้ไขก่อนที่จะล้มละลายในไม่กี่ปีข้างหน้า แม้เรื่องนี้จะเป็น โครงการสาธารณะที่จำเป็น และยังเป็นห่วงกระแสสังคมที่ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ โดยหนึ่ง ในนั้นคือ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ในฐานะผู้ที่เคยยื่นอภิปรายโครงการนี้ ในช่วงที่เป็นพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่า ผมเคยคัดค้านโครงการนี้ วันนี้ผมก็เข้าใจและขอให้กำลังใจ รวมทั้งขอฝากว่าควรทำโครงการนี้ให้โปร่งใสด้วย ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมกล่าวว่า เรื่องนี้ควรทำให้สังคมเข้าใจด้วย
รายงานข่าวกล่าวว่า ครม.หลายคนยังเสนอแนวคิดต่างๆ แทนการเช่า รถเมล์เช่น การเช่า การเช่าซื้อ การซื้อ การนำรถเมล์เก่ามาบูรณะหรือโอนขสมก. ไปให้กทม.รับผิดชอบด้วย
ขู่ครม.ถ้าซื้อรัฐบาลต้องแบกภาระงบฯ
อย่างไรก็ตามนายโสภณ ได้รายงานว่า ในกรณีที่ใช้วิธีซื้อที่กระทรวงคมนาคมจัดทำขึ้นมาเสนอ โดยสรุปว่า วิธีการซื้อ ขสมก.ไม่สามารถดำเนินการ ได้เอง เนื่องจากขาดสภาพคล่องทางการเงิน รัฐจะต้องรับภาระด้านงบประมาณ โดยการจัดสรรงบประมาณสำปรับจัดซื้อรถโดยสาร หรือจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ ขสมก. ดำเนินการ ซึ่งประมาณการค่าใช้จ่ายคันละ 5,274,925 บาท
นายโสภณ ย้ำว่า หากซื้อจะแยกเป็นราคาค่าตัวรถโดยสารใช้ก๊าซเอ็นจีวี คันละ 5 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคากลาง และราคาระบบอิเล็กทรอนิกส์เฉลี่ยคันละ 264,925 บาท รวมเป็นกรอบวงเงินโครงการทั้งสิ้น 4 พันคัน ประมาณ 21,099.700 ล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ย ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าซ่อมแซมบำรุงรักษา ที่ขสมก.ต้องรับผิดชอบไปตลอด ในระยะเวลา 10 ปี จะต้องจ่ายค่าซ่อมแซมบำรุงรักษา ประมาณ 32,850 ล้านบาท มากกว่าเช่าที่ใช้เงินเพียง 4,400 บาทต่อคันต่อวัน
สงสัยจะลดภาระขสมก.จริงหรือไม่
จากนั้นนายอภิสิทธิ์กล่าวเป็นคนสุดท้ายว่า ไม่ได้มองกรณีที่กระทรวงคมนาคมรายงานว่าหากเช่ารถเมล์ 4 พันคันจะมีผู้โดยสารเพิ่มจากวันละ1.5ล้านคนเป็น2.5ล้านคน ยอมรับว่าโครงการนี้เป็นโครงการสาธารณะที่รัฐบาลต้องยอมรับการขาดทุนและเข้าใจสิ่งที่รมว.คมนาคมพูดและปรับลดค่าใช้จ่าย ทุกอย่างจนสุดทาง เพราะ รมว.คมนาคมได้ปรึกษาตนตลอดในเรื่องนี้ หากถามว่า ตนมั่นใจกับโครงการนี้หรือไม่ ขอบอกตรงๆว่าไม่มั่นใจ ที่บอกแบบนั้นไม่ใช่ หมายความว่าไม่มั่นใจเพราะโครงการไม่โปร่งใส แต่ไม่มั่นใจแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ให้ ขสมก. เพราะหากมีการเช่ารถเมล์จริง จะลดภาระ ขสมก.ได้หรือไม่ เพราะว่ารถเมล์เช่านั้นตอนแรกจะใหม่ แต่เมื่อใช้ไป 5 ปีแล้วจะมั่นใจว่าจะมีผู้โดยสารตามที่ตั้งเป้าไว้ในข้างต้นหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ สรุปว่า ควรมอบให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มีนายพนัส สิมะเสถียร ในฐานะประธานคณะกรรมการฯและอดีตปลัดกระทรวงการคลังไปศึกษาว่าจะซื้อหรือเช่ารถเมล์400พันคัน โดยให้เวลาศึกษา1เดือน
ฉะนั้นหากให้คณะกรรมการฯชุดดังกล่าวไปทำงานและใช้เวลา1เดือน เมื่อมีผลอย่างไร รมว.คมนาคมจะรับได้หรือไม่ ขณะที่ รมว.คมนาคม ตอบว่า รับได้
สุเทพยันจัดหารถเมล์ยังไม่คว่ำ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมครม.ทางกระทรวงคมนาคมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ถ้าจะต้องใช้วิธีการเช่าจะใช้เงินประมาณ 6.4 หมื่นล้านเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งเรื่องนี้ ครม.ได้แสดงความคิดกันหลากหลาย และในที่สุดเห็นว่ายังมีโจทย์อยู่ข้อหนึ่งที่คนในสังคมตั้งข้อสงสัยว่าระหว่างเช่ากับซื้ออันไหนจะคุ้มกว่ากัน หรือจะถูก แพงกว่ากัน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงได้ให้บอร์ดสภาพัฒน์ ไปศึกษาตัวเลขเรื่องของการจัดซื้อว่าถ้าจะซื้อคุ้มหรือไม่ และมาเปรียบเทียบ โดยได้ซักถามทาง สภาพัฒน์ฯว่าใช้เวลาเท่าไหร่ ทางสภาพัฒน์ฯ แจ้งว่าต้องใช้เวลา 30 วัน หรือ 1 เดือนก็จะเอาตัวเลขมาเสนอ เพราะฉะนั้นเรื่องของกระทรวงคมนาคมยังถือว่า อยู่ในการพิจารณาอยู่ แต่รอตัวเลขของสภาพัฒน์ ในส่วนของการซื้อมาเปรียบเทียบให้ ครม.ตัดสินใจ ไม่ใช่เรื่องของการซื้อเวลาอะไรทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่ฟังเสียงในครม.ส่วนใหญ่มองว่าควรจะเช่าหรือซื้อที่น่าจะคุ้มค่ากว่ากัน นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ข้อสรุปว่าคนกรุงเทพฯ อยากได้รถเมล์ใหม่ ที่ประหยัดและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นรถเมล์ที่จะใช้แก๊สเป็นความต้องการ และจะปล่อยให้ ขสมก.เป็นอย่างนี้ไม่ได้ต้องช่วยแก้ปัญหา แต่อยู่ที่ว่ามีวิธีอื่นหรือไม่ นอกจากสองวิธีนี้ ดังนั้นครม.จึงช่วยกันคิดและมีความเห็นทางเดียวกันว่าต้องดูตัวเลขให้ถูกต้องและนำตัวเลขมาเปรียบเทียบให้ได้ก่อนที่จะตัดสินใจต้องรอบคอบ ชัดเจน และอธิบายได้
ชวรัตน์รับได้ถอยคนละก้าว
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การประชุม ครม.บรรยากาศเป็นไปด้วยดีโดยมีรัฐมนตรีบางคนเสนอว่ า ทำไมไม่เปลี่ยนจากการเช่ามาเป็นการซื้อไปเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรครับได้เป็นการ ถอยคนละก้าว โดยมีการกำหนดเวลาจะต้องเสร็จภายในเดือนนี้ ซึ่งไม่ใช่การเสียหน้า และไม่ใช่เรื่องเสียเวลาเพราะเป็นโครงการที่ใช้เงินจำนวนมากต้องมีการพิจารณา อย่างละเอียด คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวนายกรัฐมนตรีจะตอบประชาชนไม่ได้ ปัญหาอยู่ตรงนี้ ซึ่งเชื่อว่าการพิจารณาในครั้งต่อไปจะไม่มีปัญหาและน่าจะจบแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าการถูกตีกลับครั้งนี้ไม่เสียหน้าใช่หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า แหม มีหน้าอยู่แค่นี้ จะเสียไปเสียหน้าอะไร มีแต่ได้หน้า
ส่วนจะเป็นเกมการซื้อเวลาของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า คงไม่ใช่การซื้อเวลา แต่คงเป็นเพราะเขาต้องการให้ประชาชนทราบข้อมูล เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นคนรับผิดชอบของรัฐบาล อาจจะมีความล่าช้าบ้าง แต่ก็เพราะเป็นเราแคร์กระแส สังคม จึงต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียด เพราะการทำงาน ให้สาธารณะชนไม่มีทางหลีกกระแสสังคมได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา และคงทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม
40ส.ว.แนะศึกษา3 เดือน
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วยนางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ร่วมกันแถลงข่าวหลังการประชุมกลุ่ม 40 ส.ว.กรณี ครม. มีมติให้บอร์ดสภาพัฒน์ ไปศึกษาโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีว่า ควรจะเช่าหรือซื้อเป็นเวลา 1 เดือนว่าที่ประชุม 40 ส.ว.ได้ข้อสรุปใน 3 ประเด็นคือ 1.ควรเพิ่มระยะเวลาในการศึกษาออกไปเป็น 3 เดือน เพื่อความรอบด้าน รอบคอบ รวมถึงการทำประชาพิจารณ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนเข้าร่วมมากที่สุด
2.นอกจากสภาพัฒน์ แล้วควรให้องค์กรอื่นศึกษาคู่ขนานไปด้วยอาจให้สถาบันการศึกษา เช่น นิด้า และทีดีอาร์ไอ เพื่อที่จะได้นำมาเปรียบเทียบกันให้ชัดเจนมากขึ้น เหมือนที่ต่างประเทศทำกัน เพราะการศึกษาสภาพัฒน์ฯมีแนวโน้มที่จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับรัฐบาล เพราะเมื่อรัฐบาลจะทำโครงการใดขึ้นมามักจะมีการสำรวจถึงผลดี แต่ในด้านลบรัฐบาลไม่ได้ตั้งหน่วยใดขึ้น และ3. กรรมาธิการวุฒิสภา 5 คณะประกอบด้วย คณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน คณะกรรมาธิการการคมนาคม คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาลตรวจสอบ ตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาและตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
ขอตั้งข้อสังเกตว่าโครงการใดที่รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนมักจะมีปัญหาเรื่องการ ขาดทุน ขณะที่โครงการใดที่เอกชนเป็นผู้ดำเนินการจะไม่มีปัญหานี้ เช่น ที่ผ่านมามีเอกชนดำเนินโครงการรถเมล์ที่เรียกว่ารถเมล์ขาวของนายเลิศ ได้กำไร จนสามารถสร้างโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งได้ นางสาวรสนา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้เวลา 1 เดือนเป็นการถ่วงเวลาเพื่อให้พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท และร่างพ.ร.บงบประมาณปี 2553 ผ่านสภาไปก่อนหรือม่ น.ส.รสนา กล่าวว่า แม้จะผ่านสภาไปแล้วทางกลุ่ม 40 ส.ว.ก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่าน เพราะยังมีอนุกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่ และไม่ได้เป็นการเรียกร้อง หรือมีเงื่อนไขว่าหากโครงการนี้ได้รับการอนุมัติแล้วส.ว.จะไม่โหวตให้ความเห็นชอบ ร่างพ.ร.ก.และพ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างที่ถูกกล่าวหา เพราะการกู้เงิน 4 แสนล้านบาทเงิน จำนวนนี้จะต้องถูกนำไปใช้ด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้
2ส.ส.ปชป.ประกาศค้านเต็มที่
ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านโครงการ เช่ารถเอ็นจีวี 4 พันคัน โดยนายสมเกียรติ กล่าวว่า เราจะไม่ยอมให้ประเทศชาติถูกปล้น โดยผ่านโครงการที่เรียกว่า เช่ารถมาซ่อม เป็นการผลาญเงินภาษีขอประชาชน 6 หมื่นกว่าล้านบาท จะทำทุกวิธีทาง โดยจะร่วมมือกับ ส.ว.และภาคประชาชน เพื่อไม่ให้ปล้นชาติอย่างเอิกเกริกผ่านการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เชื่อมั่นว่านายกฯ จะตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดระหว่างจะยุติหรือเยื้อเวลาออกไป ซึ่งในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมแล้ว ซึ่งก็มีความเห็นสอดคล้องกับ 40 ส.ว. เพราะฉะนั้นครม. ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะประชาชนและสื่อต่างก็ออกมาคัดค้านอย่างมาก ดูว่ารัฐบาลจะฝ่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปได้อย่างไร ว่าจะเป็นรัฐบาลของประชาชน หรือเป็นรัฐบาลของใครหากอนุมัติก็ผิดแล้ว
ผมขอเตือนไปยังรัฐบาลว่าให้นำข้อเสนอแนะไปศึกษาและทำอย่างถูกต้อง รัฐบาลก็จะอยู่ได้ยืนนาน เพราะเรื่องนี้คนที่นำข้อมูลไปให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปปราศรัยที่สะพานมัฆวานคนแรกคือนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไท ยขณะนี้ ผมหวังว่าพวกท่านจะไม่ลืมข้อมูลนั้น
ด้าน นายชาญชัยกล่าวว่า สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านได้หยิบยก เรื่องนี้ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งข้อมูลก็เป็นที่รู้ในสาธารณะว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย และคัดค้านมาโดยตลอด เพราะโครงนี้จะทำให้ขาดทุน 5-6 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มหนี้ให้ ขสมก.ทันที 1 แสนล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลจะต้องทบทวนและปรับปรุงแก้ไขเพราะการเช่ารถมาซ่อมตั้งแต่วันแรกก็ผิดหลักการแล้ว ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตค่าซ่อมที่วงเงิน 1 หมื่นกว่าล้านบาทจะต้องได้กำไร 3 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากครม.อนุมัติโครงการดังกล่าวจะเคลื่อนไหวอย่างไร นายชาญชัย กล่าวว่า คงไม่เคลื่อนไหว แต่ความเสื่อมเกิดขึ้นด้วยตัวเองถ้าชี้แจงกับประชาชนไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใช้ปัญญา ดังนั้นตนกล้าพูดได้ว่ามีข้าราชการ นักการเมืองและภาคเอกชนร่วมกันทุจริตมหาศาลเงินภาษีของประชาชน เพราะฉะนั้นความเสื่อมไม่ได้อยู่ที่ส.ส. ไม่มีใครทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลได้ ยกเว้นตัวเอง