40 ส.ว.จี้รัฐขยายเวลาศึกษาโครงการรถเมล์ NGV ออกไปเป็น 3 เดือน พร้อมให้ทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย แนะควรตั้งอนุกรรมการฯ ขึ้นมาช่วยตรวจสอบ ติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด ชี้เหตุที่ขวางไม่ได้ต้องการเรียกร้องหรือมีเงื่อนไขใดๆ แต่อยากให้เงินกู้ 4 แสนล้านถูกนำไปใช้ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้
วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วย น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. และนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังจากที่ ครม.มีมติให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ศึกษาโครงการรถเมล์เอ็นจีวีเป็นเวลา 1 เดือน โดย น.ส.รสนา กล่าวว่า ที่ประชุม 40 ส.ว.ได้ข้อสรุปใน 3 ประเด็น คือ 1.ควรเพิ่มระยะเวลาในการศึกษาเป็น 3 เดือน เพื่อความรอบด้านและรอบคอบ รวมถึงสมควรต้องทำประชาพิจารณ์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้มากที่สุด 2.นอกจากสภาพัฒน์แล้วควรให้องค์กรอื่นๆ ทำการศึกษาคู่ขนานไปด้วย ซึ่งอาจจะให้สถาบันการศึกษา อาทิ นิด้า และทีดีอาร์ไอ เพื่อที่จะได้ข้อมูลนำมาเปรียบเทียบกันให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เหมือนอย่างที่ในต่างประเทศทำกัน เพราะการศึกษาของสภาพัฒน์มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับรัฐบาล เพราะเมื่อรัฐบาลจะทำโครงการใดขึ้นมามักจะมีการสำรวจถึงผลดี แต่ในด้านลบรัฐบาลไม่ได้ตั้งหน่วยใดขึ้น
และ 3.กรรมาธิการวุฒิสภา 5 คณะ อันประกอบด้วย คณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน คณะกรรมาธิการการคมนาคม คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาลตรวจสอบ ตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาและตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
“ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการใดที่รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนมักจะมีปัญหาเรื่องการขาดทุน ขณะที่โครงการใดที่เอกชนเป็นผู้ดำเนินการจะไม่มีปัญหานี้ อาทิ ที่ผ่านมามีเอกชนดำเนินโครงการรถเมล์ที่เรียกกันว่ารถเมล์ขาวของนายเลิศ ได้กำไรจนสามารถสร้างโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งได้” น.ส.รสนา กล่าว
สำหรับกรณีการใช้เวลา 1 เดือน เพื่อถ่วงเวลาให้ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ผ่านสภานั้น น.ส.รสนา กล่าวว่า แม้จะผ่านสภาไปแล้วแต่ทางกลุ่ม 40 ส.ว.จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ เพราะยังมีอนุกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่คอยตรวจสอบอยู่ และไม่ได้ต้องการเรียกร้องหรือมีเงื่อนไขใดๆ ว่าหากโครงการนี้ได้รับการอนุมัติแล้ว ส.ว.จะไม่โหวตให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างที่ถูกกล่าวหา เพราะการกู้เงิน 4 แสนล้านบาท เงินจำนวนนี้จะต้องถูกนำไปใช้ด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้
