xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” หวังสังคมมั่นใจ ตีกลับเมล์ฉาวศึกษาก่อน-เล็งปรับใหญ่ ขสมก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“อภิสิทธิ์” หาข้อยุติโยนคณะกรรมการสภาพัฒน์ พิจารณาศึกษาเหตุควร “เช่า-ซื้อ” รถเมล์ฉาว 4 พันคัน ขีดเส้นตาย 1 เดือน ลั่นนโยบาย ขสมก.ต้องถูกยกเครื่องครั้งใหญ่ทั้งบริการ-พลังงานบริสุทธิ์ แจงรัฐบาล-พรรคร่วม ไม่มีใครแย้งหรือติดใจ ไม่สน 40 ส.ว.ขู่คว่ำ พ.ร.บ.งบประมาณ แนะกฎหมายเข้าเรื่องไหนควรพิจารณาเรื่องนั้น ปัดยืดเวลา 1 เดือน ไม่เกี่ยวออก พ.ร.ก.กู้เงิน เชื่อพิจารณานานเกิน 1 เดือน

วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุม ครม.ในการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ว่า สัปดาห์ที่แล้ว ครม.ได้ขอให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณไปดูเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในโครงการโดยเฉพาะเรื่องค่าซ่อม ดอกเบี้ย ซึ่งเมื่อพิจารณาและสามารถปรับลดดอกเบี้ยลงไปได้ ประมาณ 5 พันล้าน จาก69,000 ล้านบาท เหลือ 64,000 ล้านบาท ซึ่ง นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ระบุว่า คงจะลดลงไปมากกว่านี้ยาก และได้พยายามดูทุกอย่างอย่างละเอียด ทั้งการตั้งสมมติฐาน ปรึกษาหารือเทียบเคียงค่าใช้จ่ายปัจจุบันกับผลการศึกษาของหน่วยงานต่างๆ และเมื่อตัวเลขมาหยุดที่ 64,000 ล้านบาท ต้องยอมรับว่า มีคนตั้งข้อสงสัยตัวเลขระดับนี้ ว่า หากซื้อแล้วจะถูกกว่านี้หรือไม่ ประเด็นขณะนี้คงตอบยาก เพราะสมมติฐานที่คนเอามาเทียบเคียงที่ตนเห็นผ่านสื่อ จะมีข้อโต้แย้งทั้ง 2 ฝ่าย เช่น หากซื้อเฉพาะค่ารถจะอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าล้านต้นๆ แต่มีข้อถกเถียงว่า หากซื้อแล้วต้องมีค่าซ่อมบำรุง ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ รวมไปถึงการกู้ยืมเงินเพื่อหาแหล่งเงินมาซื้อ และมีต้นทุนด้านการเงินต่างๆ


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เพื่อให้สังคมมีความมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำมีความตั้งใจ จึงขอให้คณะกรรมการของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติใช้เวลา 1 เดือนในการสรุปชัดเจนว่าระหว่างการซื้อกับการเช่าอะไรจะคุ้มค่ากว่ากัน แต่นโยบายของรัฐบาล ขสมก. จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องการบริการครั้งใหญ่ที่ต้องมีรถใหม่เข้ามาวิ่ง มีเชื้อเพลิงสะอาด เป็นระบบตั๋วที่ทันสมัย ลดการรั่วไหลได้ และเป็นเส้นทางที่สอดคล้องกับระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพ ส่วนการจะได้รถมาวิ่งจะเป็นการเช่าหรือการซื้อนั้นอีก 1 เดือนจะได้ข้อสรุปออกมา

เมื่อถามว่า ถ้าโครงการนี้ไม่สามารถผ่านได้จะทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.หลังจากได้ข้อสรุปเรื่องนี้ไม่มีท่านใดโต้แย้ง เมื่อถามว่า ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมติดใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ติดใจหรอก บอกแต่ว่า ได้พยายามดูแล มั่นใจว่าการเช่าถูกกว่า และการที่ให้สังคมมั่นใจท่านก็ไม่ติดใจ

เมื่อถามว่า ข้อสรุปของคณะกรรมการจากสภาพัฒนฯ จะถือเป็นข้อสิ้นสุดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เมื่อสรุปออกมาแล้วต้องรายงานผ่านครม. และการดำเนินการต่อจากนั้นก็จะเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่า หลักการและคุณลักษณะของรัฐบาลที่ตั้งไว้ในการพิจารณาเรื่องรถเมล์ อยู่บนหลักการอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการขาดทุนของขสมก.เกิดจาก 1.สภาพรถ 2.ค่าใช้จ่ายต่างๆ และ 3.การรั่วไหลที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บตั๋ว ค่าซ่อม เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาตลอด

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อการโหวตในสภาเพื่อพิจารณากฎหมายงบประมาณต่างๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นเหตุผล ในเมื่ออภิปรายกันอย่างกว้างขวางและมีข้อยุติกันมาแล้วไม่มีใครโต้แย้ง เมื่อถามว่า ในโครงการขณะนี้ดูเรื่องที่จอดรถและน้ำมันเพียงพอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายเรื่องทั้งเรื่องที่ดิน อู่ ทั้งหมดจะต้องเปรียบเทียบออกมาให้เห็น เพราะทั้งการซื้อและการเช่าจะมีวิธีบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ต้องเอาตัวเลขทุกตัวมาดูอยู่แล้ว และต้องเป็นโครงการที่เป็นไปได้

เมื่อถามว่า ระยะเวลา 1 เดือนในการให้คณะกรรมการสภาพัฒน์ พิจารณาถือว่านานเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่นาน ตนสอบถามทางเลขาสภาพัฒน์ คิดว่า คณะกรรมการใช้เวลา 1 เดือนพอหรือไม่ เขาบอกว่าพอ ถามกระทรวงคมนาคมว่าระยะเวลา 1 เดือนนานหรือไม่ เขาบอกว่าไม่นานเกินไป เมื่อถามว่า การเช่ารถเมล์เอ็นจีวี และการใช้รถแท็กซี่เอ็นจีวี จะมีสถานีเติมเชื้อเพลิงเพียงพอกับปริมาณรถที่มากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงที่ได้ประชุมคณะกรรมการพลังงาน ทุกครั้งก็พยายามเร่งรัดกันอยู่ สภาพก็ดีขึ้นโดยลำดับในแง่ของการลงทุน เพิ่มในเรื่องของสถานี เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะเพียงพอต่อปริมาณรถเมล์ 4 พันคันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในเรื่องของรถเมล์ต้องไปดูแง่ของสถานีบริการทั้งหลายที่จะเชื่อมโยงอยู่แล้ว


เมื่อถามว่า ที่ให้ทางคณะกรรมการสภาพัฒน์ พิจารณาจะเป็นการเปรียบเทียบเรื่องตัวเลขการเช่า-การซื้อ รถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่าใช่ เป็นเรื่องเฉพาะการเปรียบเทียบวิธีการ 2 วิธีที่ว่านี้ เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาทางสภาพัฒน์ ได้เสนอแนะแนวทาง แต่เมื่อเป็นอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับข้อเสนอของทางสภาพัฒน์ ไม่มีความหมาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวชี้แจงว่า สภาพัฒน์ ได้ให้ความเห็นมาแต่ละครั้งไม่ได้เป็นประเด็นที่ชี้ในเรื่องเช่า หรือซื้อ เพียงแต่เป็นการให้ความเห็นเรื่องตัวเลข

เมื่อถามว่า กระทรวงคมนาคม ยอมรับการผลการพิจารณาของสภาพัฒน์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยอมรับ เมื่อถามอีกว่า ที่รัฐบาลยอมเรื่องนี้ เป็นเพราะแคร์กระแสสังคมที่ต่อต้านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ใช้คำว่ากระแสสังคมที่ต่อต้านหรืออะไร เพียงแต่ฟังความคิดเห็นและข้อทักท้วง เป็นแนวทางที่บอกตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ว่าการทำงานของรัฐบาลต้องฟังทุกๆฝ่ายในสังคม เมื่อถามว่า คิดว่ากลุ่มประชาชนที่ประท้วงอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ที่ประท้วงต่อต้านโครงการจะรับฟัง และเข้าใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกับพวกเขา

เมื่อถามว่า ทางกลุ่ม 40 ส.ว.ระบุว่า หากรัฐบาลผ่านโครงการรถเมล์จะคว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2553 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ที่จริงอยากให้เรื่องต่างๆ ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาก็พิจารณาเป็นไปในเรื่องนั้นๆ เรื่อง พ.ร.ก.ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยแล้ว ต้องขอบคุณที่การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และตั้งใจว่า จะนำเข้าในสมัยวิสามัญของการประชุมสภาได้พร้อมกับกฎหมายงบประมาณ

เมื่อถามว่า สาเหตุที่ยืดการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน เพื่อรอการพิจารณาออกพ.ร.ก.กู้เงินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะว่ากฎหมายงบประมาณ ต้องยาวกว่า 1 เดือนอยู่แล้วรวมไปถึงการพิจารณากฎหมาย พ.ร.ก.การกู้เงินก็ยาวกว่า 1 เดือนอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกัน ไม่เคยคิดเลย

เมื่อถามว่า การเดินหน้าเพื่อนำเงินกู้มาใช้จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงกระทรวงการคลังก็เร่งดำเนินการอยู่แล้ว สำหรับตัวเลขที่ซักซ้อมไว้จะเข้าในเดือนสิงหาคม ที่เงินจะเข้ามาและเดินโครงการต่างๆ ได้ เมื่อถามว่า ช่วงเวลาที่หายไปรอการตีความของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ
กำลังโหลดความคิดเห็น