ASTVผู้จัดการรายวัน - ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตคาดว่าไม่มีผลกระทบในทันทีต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ประเภทกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตอิออน
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้แสดงความเห็นว่าแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต คาดว่าไม่มีผลกระทบในทันทีต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ประเภทกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตทั้ง 3 โครงการ ซึ่งมีบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน หรือ อิออน อันดับเครดิตภายในประเทศอยู่ที่ ‘BBB+(tha)’/’F2(tha)’ เป็นผู้ขายสิทธิเรียกร้อง
เนื่องจากการวิเคราะห์ในการจัดอันดับเครดิตได้ครอบคลุมถึงความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงความเสี่ยงจากการลดอัตราดอกเบี้ยในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้รายได้จากกลุ่มลูกหนี้และรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย (yield and excess spread) ที่ผ่านมาของทั้ง 3 โครงการยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยอาจช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ใช้บัตรเครดิต แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในปีนี้น่าจะส่งผลให้อัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัด (default rate) เพิ่มขึ้นและอัตราการชำระหนี้คืนรายเดือนเมื่อเทียบกับยอดลูกหนี้ (monthly payment rate) ลดลง ฟิทช์ประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศไทยที่ติดลบ 3.8% สำหรับปี 2552
ตั้งแต่ปลายปี 2551 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 1 วัน (ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) รวมทั้งสิ้น 2.50% มาอยู่ที่ 1.25% ซึ่งที่ผ่านมาการลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมของธนาคารในประเทศส่วนใหญ่เป็นการลดอัตราดอกเบี้ยที่ใช้อ้างอิงกับสินเชื่อประเภทกลุ่มลูกค้าองค์กรและลูกค้ารายย่อยที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อบัตรเครดิต
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง 2% โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพอาจเพิ่มแรงกดดันให้ผู้บริการบัตรเครดิตรายอื่นทำการลดอัตราดอกเบี้ยตาม ในส่วนของอิออน ผู้บริหารได้ชี้แจงว่าในขณะนี้ทางบริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเนื่องจากลูกค้าของบริษัทอยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ต่ำและความเสี่ยงสูง
สำหรับผลการดำเนินงานในส่วนของการผิดนัดชำระหนี้ของกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ที่จัดอันดับโดยฟิทช์ ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยอัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัดยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าสมมติฐานพื้นฐานของฟิทช์ ถึงแม้ว่าอัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัดเฉลี่ย 4 เดือนแรกของปี 2552 จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับอัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัดเฉลี่ยในปี 2551 สำหรับกลุ่มลูกหนี้ของบริษัท อีเทอนอล 3 นิติบุคคลเฉพาะกิจ จำกัด หรืออีเทอนอล 3 และของบริษัท อีเทอนอล 4 นิติบุคคลเฉพาะกิจ จำกัด หรืออีเทอนอล 4 แม้ว่าการผิดนัดชำระหนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ฟิทช์เชื่อว่าส่วนช่วยสนับสนุนเครดิตของโครงการ (credit enhancement) จะสามารถสนับสนุนให้หุ้นกู้สามารถคงอันดับเครดิตในสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยได้ โดยหุ้นกู้ทั้งหมดภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ประเภทกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตทั้ง 3 โครงการ มีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ยกเว้นหุ้นกู้ชุด C ของอีเทอนอล 3 ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีลำดับการรับชำระคืนที่ต่ำที่สุดและปัจจุบันมีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้แสดงความเห็นว่าแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต คาดว่าไม่มีผลกระทบในทันทีต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ประเภทกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตทั้ง 3 โครงการ ซึ่งมีบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน หรือ อิออน อันดับเครดิตภายในประเทศอยู่ที่ ‘BBB+(tha)’/’F2(tha)’ เป็นผู้ขายสิทธิเรียกร้อง
เนื่องจากการวิเคราะห์ในการจัดอันดับเครดิตได้ครอบคลุมถึงความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงความเสี่ยงจากการลดอัตราดอกเบี้ยในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้รายได้จากกลุ่มลูกหนี้และรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย (yield and excess spread) ที่ผ่านมาของทั้ง 3 โครงการยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยอาจช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ใช้บัตรเครดิต แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในปีนี้น่าจะส่งผลให้อัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัด (default rate) เพิ่มขึ้นและอัตราการชำระหนี้คืนรายเดือนเมื่อเทียบกับยอดลูกหนี้ (monthly payment rate) ลดลง ฟิทช์ประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศไทยที่ติดลบ 3.8% สำหรับปี 2552
ตั้งแต่ปลายปี 2551 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 1 วัน (ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) รวมทั้งสิ้น 2.50% มาอยู่ที่ 1.25% ซึ่งที่ผ่านมาการลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมของธนาคารในประเทศส่วนใหญ่เป็นการลดอัตราดอกเบี้ยที่ใช้อ้างอิงกับสินเชื่อประเภทกลุ่มลูกค้าองค์กรและลูกค้ารายย่อยที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อบัตรเครดิต
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง 2% โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพอาจเพิ่มแรงกดดันให้ผู้บริการบัตรเครดิตรายอื่นทำการลดอัตราดอกเบี้ยตาม ในส่วนของอิออน ผู้บริหารได้ชี้แจงว่าในขณะนี้ทางบริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเนื่องจากลูกค้าของบริษัทอยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ต่ำและความเสี่ยงสูง
สำหรับผลการดำเนินงานในส่วนของการผิดนัดชำระหนี้ของกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ที่จัดอันดับโดยฟิทช์ ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยอัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัดยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าสมมติฐานพื้นฐานของฟิทช์ ถึงแม้ว่าอัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัดเฉลี่ย 4 เดือนแรกของปี 2552 จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับอัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัดเฉลี่ยในปี 2551 สำหรับกลุ่มลูกหนี้ของบริษัท อีเทอนอล 3 นิติบุคคลเฉพาะกิจ จำกัด หรืออีเทอนอล 3 และของบริษัท อีเทอนอล 4 นิติบุคคลเฉพาะกิจ จำกัด หรืออีเทอนอล 4 แม้ว่าการผิดนัดชำระหนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ฟิทช์เชื่อว่าส่วนช่วยสนับสนุนเครดิตของโครงการ (credit enhancement) จะสามารถสนับสนุนให้หุ้นกู้สามารถคงอันดับเครดิตในสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยได้ โดยหุ้นกู้ทั้งหมดภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ประเภทกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตทั้ง 3 โครงการ มีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ยกเว้นหุ้นกู้ชุด C ของอีเทอนอล 3 ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีลำดับการรับชำระคืนที่ต่ำที่สุดและปัจจุบันมีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ