ทริสเรทติ้งเตือนรายย่อย ศึกษาข้อมูลหุ้นกู้ ก่อนตัดสินใจลงทุน หลังพบดีมานด์สูงต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่ไม่มีไม่เข้าใจ โดยเฉพาะอันดับเครดิต หวั่นเกิดกรณี "ลุงช่วย" เรียกร้องชดเชยค่าเสียหายในภายหลัง
นายวรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้จำนวนมากที่เน้นเสนอขายให้กับนักลงทุนรายย่อยโดยตรง และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่ทริสเรทติ้งพบว่านักลงทุนรายย่อยหลายรายยังขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้เรื่องความเสี่ยงของหุ้นกู้ ดังนั้น จึงอยากเน้นย้ำให้ผู้ลงทุน ศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีบริษัทเอกชนออกหุ้นกู้ไปแล้วเป็นจำนวน 74,800 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นปริมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยผู้ออกหุ้นกู้ในช่วงนี้เน้นการขายให้นักลงทุนรายย่อยมากขึ้น ซึ่งในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่การซื้อหุ้นกู้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ทำให้หุ้นกู้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายย่อย
“การเติบโตของตลาดตราสารหนี้เป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งได้รับโทรศัพท์จากนักลงทุนรายย่อยหลายราย ที่สอบถามเรื่องเรทติ้งของหุ้นกู้ ซึ่งจากลักษณะของการตั้งคำถาม ทำให้ทราบว่านักลงทุนรายย่อยจำนวนไม่น้อยที่ยังขาดความเข้าใจเรื่องเรทติ้งและความเสี่ยงอื่นๆ จึงเกรงว่าอาจตัดสินใจลงทุนโดยพิจารณาจากผลตอบแทนเป็นหลัก และไม่เข้าใจความหมายของเรทติ้งและความเสี่ยงต่างๆ อย่างพอเพียง”นายวรภัทรกล่าว
นายวรภัทร กล่าวว่า อันดับเครดิตหรือเรทติ้งเป็นความเห็นของสถาบันจัดอันดับเครดิตซึ่งสะท้อนความสามารถในการชำระหนี้และการปฏิบัติตามข้อผูกพันทางการเงินทั้งหมดของบริษัทที่ขายหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทที่ได้เรทติ้ง “AAA” ก็หมายความว่า บริษัทนั้นมีความเสี่ยงต่ำสุดที่จะผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม เรทติ้งไม่ได้เป็นการยืนยันว่าบริษัทนั้นๆ จะไม่ผิดนัดชำระหนี้ แม้บริษัทที่ได้เรทติ้ง “AAA” ซึ่งเป็นอันดับเครดิตที่สูงสุด ก็ยังมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ เพียงแต่โอกาสในการผิดนัดชำระหนี้จะต่ำกว่าบริษัทที่ได้เรทติ้งต่ำ กว่านั้น ซึ่งหากบริษัทผิดนัดชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้บริษัทนั้นๆ ก็อาจไม่ได้รับคืนทั้งเงินต้น รวมถึงดอกเบี้ยด้วย หรือได้รับคืนช้าหรือไม่ครบถ้วน
นอกจากนี้ แต่ละบริษัทอาจมีการออกหุ้นกู้ที่มีเงื่อนไขการชำระหนี้คืนที่แตกต่างกัน ซึ่งนักลงทุนต้องศึกษารายละเอียดของการชำระหนี้คืนอย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจลงทุน และตระหนักว่าการใช้อันดับเครดิตให้เป็นประโยชน์นั้นนอกจากจะต้องเข้าใจความหมายของอันดับเครดิตแล้ว ควรจะต้องอ่านรายงานประกอบการให้อันดับเครดิตดังกล่าว เพื่อให้เข้าใจความหมายและข้อจำกัดอย่างชัดเจนด้วย
"เท่าที่ทราบ สถาบันการเงินผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ก็พยายามให้ความรู้กับนักลงทุนรายย่อยเช่นกัน แต่ยังมีความกังวลว่าอาจยังมีนักลงทุนรายย่อยบางส่วนที่ลงทุนโดยขาดความเข้าใจอย่างแท้จริง และอาจเกิดปรากฎการณ์คล้ายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว กรณี “คุณลุงช่วย” ซึ่งลงทุนในกองทุนรวมโดยขาดความเข้าใจและนำไปสู่การเรียกร้องขอให้ชดเชยค่าเสียหายในภายหลัง" นายวรภัทร
ทั้งนี้ การเติบโตของตลาดตราสารหนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดี และการให้โอกาสนักลงทุนรายย่อยได้มีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญก็คือ ขอให้นักลงทุนศึกษาความหมายและข้อจำกัดของเรทติ้งรวมทั้งความเสี่ยงอื่นๆ ให้ถ่องแท้ก่อนการลงทุนด้วย
นายวรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้จำนวนมากที่เน้นเสนอขายให้กับนักลงทุนรายย่อยโดยตรง และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่ทริสเรทติ้งพบว่านักลงทุนรายย่อยหลายรายยังขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้เรื่องความเสี่ยงของหุ้นกู้ ดังนั้น จึงอยากเน้นย้ำให้ผู้ลงทุน ศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีบริษัทเอกชนออกหุ้นกู้ไปแล้วเป็นจำนวน 74,800 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นปริมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยผู้ออกหุ้นกู้ในช่วงนี้เน้นการขายให้นักลงทุนรายย่อยมากขึ้น ซึ่งในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่การซื้อหุ้นกู้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ทำให้หุ้นกู้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายย่อย
“การเติบโตของตลาดตราสารหนี้เป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งได้รับโทรศัพท์จากนักลงทุนรายย่อยหลายราย ที่สอบถามเรื่องเรทติ้งของหุ้นกู้ ซึ่งจากลักษณะของการตั้งคำถาม ทำให้ทราบว่านักลงทุนรายย่อยจำนวนไม่น้อยที่ยังขาดความเข้าใจเรื่องเรทติ้งและความเสี่ยงอื่นๆ จึงเกรงว่าอาจตัดสินใจลงทุนโดยพิจารณาจากผลตอบแทนเป็นหลัก และไม่เข้าใจความหมายของเรทติ้งและความเสี่ยงต่างๆ อย่างพอเพียง”นายวรภัทรกล่าว
นายวรภัทร กล่าวว่า อันดับเครดิตหรือเรทติ้งเป็นความเห็นของสถาบันจัดอันดับเครดิตซึ่งสะท้อนความสามารถในการชำระหนี้และการปฏิบัติตามข้อผูกพันทางการเงินทั้งหมดของบริษัทที่ขายหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทที่ได้เรทติ้ง “AAA” ก็หมายความว่า บริษัทนั้นมีความเสี่ยงต่ำสุดที่จะผิดนัดชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม เรทติ้งไม่ได้เป็นการยืนยันว่าบริษัทนั้นๆ จะไม่ผิดนัดชำระหนี้ แม้บริษัทที่ได้เรทติ้ง “AAA” ซึ่งเป็นอันดับเครดิตที่สูงสุด ก็ยังมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ เพียงแต่โอกาสในการผิดนัดชำระหนี้จะต่ำกว่าบริษัทที่ได้เรทติ้งต่ำ กว่านั้น ซึ่งหากบริษัทผิดนัดชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้บริษัทนั้นๆ ก็อาจไม่ได้รับคืนทั้งเงินต้น รวมถึงดอกเบี้ยด้วย หรือได้รับคืนช้าหรือไม่ครบถ้วน
นอกจากนี้ แต่ละบริษัทอาจมีการออกหุ้นกู้ที่มีเงื่อนไขการชำระหนี้คืนที่แตกต่างกัน ซึ่งนักลงทุนต้องศึกษารายละเอียดของการชำระหนี้คืนอย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจลงทุน และตระหนักว่าการใช้อันดับเครดิตให้เป็นประโยชน์นั้นนอกจากจะต้องเข้าใจความหมายของอันดับเครดิตแล้ว ควรจะต้องอ่านรายงานประกอบการให้อันดับเครดิตดังกล่าว เพื่อให้เข้าใจความหมายและข้อจำกัดอย่างชัดเจนด้วย
"เท่าที่ทราบ สถาบันการเงินผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ก็พยายามให้ความรู้กับนักลงทุนรายย่อยเช่นกัน แต่ยังมีความกังวลว่าอาจยังมีนักลงทุนรายย่อยบางส่วนที่ลงทุนโดยขาดความเข้าใจอย่างแท้จริง และอาจเกิดปรากฎการณ์คล้ายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว กรณี “คุณลุงช่วย” ซึ่งลงทุนในกองทุนรวมโดยขาดความเข้าใจและนำไปสู่การเรียกร้องขอให้ชดเชยค่าเสียหายในภายหลัง" นายวรภัทร
ทั้งนี้ การเติบโตของตลาดตราสารหนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดี และการให้โอกาสนักลงทุนรายย่อยได้มีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญก็คือ ขอให้นักลงทุนศึกษาความหมายและข้อจำกัดของเรทติ้งรวมทั้งความเสี่ยงอื่นๆ ให้ถ่องแท้ก่อนการลงทุนด้วย
