xs
xsm
sm
md
lg

สกัดแก๊งเสื้อแดงปลุกม็อบ ยกเงื่อนไขประกันตัวตัดไฟแต่ต้นลม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องที่ประชาชนเบื่อหน่ายในความขัดแย้งของรัฐบาล และการทุจริตคอร์รัปชั่นว่า จากการเมืองในอดีตที่ผ่านมา ทั้ง 2 เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยงแปลงทางการเมืองมากที่สุด แต่เชื่อว่ารัฐบาลนี้รู้จุดอ่อน และปัญหาดังกล่าว แต่เขาคิดว่าขณะนี้รัฐบาลยังมีเสถียรภาพมั่นคงอยู่ ยังไม่มีรอยร้าวหรือมีปรากฏการณ์ให้เห็นความแตกแยก
ส่วนการประกาศนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 27 มิ.ย. ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นายเทพไท กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่ากลุ่มเสื้อแดงมีเจตนาทำเพื่อใคร และมีหลายคนกล่าวเตือนว่าอย่าประมาทคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาลก็ไม่ได้ประมาท ในศักยภาพของพ.ต.ท.ทักษิณ และที่สำคัญคือเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายอย่าง เหมือนสุภาษิตจีน ที่บอกว่ามีเงินจ้างผีโม่แป้งได้ เงินสามารถซื้อจิตวิญญาณหรืออุดมการณ์ของนักการเมืองได้ การปลุกม็อบวันที่ 27 มิ.ย. ก็เป็นคนหน้าเดิม ทีเป็นผู้ต้องหาในคดีก่อความไม่สงบวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูเงื่อนไขว่า คนเหล่านี้ผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ ถ้าผิดก็ควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้สร้างความวุ่นวายอีกต่อไป
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีกลุ่มจ้องสร้างความวุ่นวาย เหมือนช่วงสงกรานต์ขึ้นในขณะนี้ว่า นายกฯ ยังไม่ได้พูดคุยกับตน ส่วนจะมีกลุ่มหรือไม่ก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ คิดว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ มีหน้าที่ดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อความสงบสุข
การที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 27 มิ.ย.นั้น ต้องดูกันต่อไป เรื่องการเตรียมพร้อมรับมือยังไม่มีการพูดคุย ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมจะทำอะไรต้องอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย หากอยู่ในกรอบกฎหมายและให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ประชาชนอยู่ในความสงบเรียบร้อยประเทศก็เดินไปได้ ปัญหาการเมืองก็ต้องแก้ทางการเมือง เรื่องขอร้องให้หยุดการชุมนุม ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล พิจารณาว่า สมควรหรือไม่ คงไม่ต้องขอร้อง

**ยันไม่มีแบล็กลิสต์ส.ส.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ปัญหาการกระทบกระทั่งกันระหว่างรัฐมนตรีกับส.ส.ภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่าได้ฝากให้รัฐมนตรี ไปพูดคุยกับ ส.ส.ในพรรคบ้าง เพราะบางทีรัฐมนตรีมัวแต่ทำงาน ไม่ได้คุยกับส.ส.พรรค หากมีการนำสิ่งที่หารือในครม.ไปเล่าให้ส.ส.ฟังบ้าง เขาจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องไม่ไปแสดงความคิดความเห็นผิดไปจากข้อเท็จจริง ก็จะทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า 5 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลปล่อยปัญหาทุกเรื่อง เป็นเรื่องการเมืองหมด จึงทำให้ทุกอย่างดูเป็นความวุ่นวายตลอดเวลา นายสุเทพ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาบางครั้งต้องทำภายใต้ข้อจำกัดบางประการ เช่น เราเข้ามาทำงานการเมืองในขณะที่มีที่มีความตั้งใจอย่างรุนแรงที่จะล้มล้างรัฐบาลในทุกรูปแบบ อย่างนี้ทำให้รัฐบาลทำงานยากขึ้น และการที่เป็นรัฐบาลที่มีเสียงไม่มากนัก ต้องทำงานร่วมกันหลายพรรค จึงต้องใช้เวลาในการพูดคุย ทำความเข้าใจ มีการซักซ้อมกันบ้างเป็นปกติ ไม่มีอะไรที่พิสดารไปกว่านั้น ในการทำงานจึงต้องใช้ความพยายาม ทำงานหนักมากขึ้น หากถามว่า มั่นใจหรือไม่มั่นใจ ในฐานเสียงของตนเองนั้น ท่านทั้งหลายก็คงเห็นตัวอย่างแล้วว่าเมื่อเราเริ่มทำหน้าที่เป็นรัฐบาลจนมาถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรที่ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาล สั่นคลอนแต่ประการใด ส่วนปัญหาที่มีในรัฐบาลเป็นเรื่องธรรมดา มีก็แก้กันไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีการขึ้นบัญชีดำ ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกว่า 10 คน นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคไม่เคยทำแบล็คลิสต์ ไม่มีบัญชีดำ การจะมีตำแหน่งอะไร พรรคประชาธิปัตย์ มีระบบของพรรค วิธีการจัดตั้งรัฐบาล การจัดคนมาเป็นรัฐมนตรี ก็ได้มีการอธิบายมาตั้งแต่ตอนที่มีการตั้งรัฐบาลแล้ว พรรคเราก็คำนึงถึงความเหมาะสม พยายามให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยทำงาน เริ่มต้นตั้งแต่กรรมการบริหารพรรค จัดทำบัญชีผู้ที่มีความเหมาะสมขึ้นมาก่อน จากนั้นก็เสนอที่ประชุมร่วมส.ส.และกรรมการบริหารพิจารณา ถ้ามีคนคัดค้าน หรือมีความเห็นเป็นอย่างอื่นก็ต้องนำกลับไปพิจารณากันใหม่ จนกว่าจะลงเอยเป็นที่เรียบร้อย และการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ไม่มีใครคัดค้าหรือมีปัญหาตั้งแต่ต้น ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็มีความรู้สึกที่ไม่ถูกใจบ้าง แต่วันนี้ทุกอย่างจบลงไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าเรื่องในพรรคจบแล้ว แต่ทำไมยังมีความเคลื่อนไหว และปล่อยข่าวกันตลอดเวลานายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆว่าใครปล่อยข่าว สื่อก็อย่าไปเอาข่าวปล่อยมาลง
ผู้สื่อข่าวถามถ้ามีการปรับครม.ครั้งต่อไป นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่มีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนขอไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีการปรับ ครม.ส่วนในอนาคต จะมีการปรับหรือไม่ ค่อยมาถามตนใหม่

**ไม่ห่วงกลุ่ม"เฉลิมชัย"ย้ายพรรค
ถามว่านายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดเหมือนเปิดทางต้อนรับ ส.ส.กลุ่มใหม่ที่จะเข้ามา นายสุเทพ กล่าวว่า ขออย่าไปสร้างความตื่นเต้นกับเรื่องที่ไม่เป็นสาระอะไรกับบ้านเมือง เราควรต้องดูเรื่องที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องใหญ่ๆ กับประชาชนมากกว่า ตนไม่กังวลใจกับเพื่อนร่วมรัฐบาลที่มาจากต่างพรรค วันข้างหน้า นักการเมืองอาจย้ายพรรคได้ ไปอยู่พรรคโน้นมาพรรคนี้เป็นเรื่องธรรมดา และไม่คิดว่าเขาจะมาจีบ หรือไม่ตั้งหน้าตั้งตาอะไร เพราะมันยังอีกนาน
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ก็เป็นปัญหา เพราะในพรรคย่อมมีความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะวัฒนธรรมของพรรคประชาธิปัตย์ มีความคิดเห็นที่หลากหลายอยู่แล้ว เราต้องฟังทุกคน ซึ่งเขาก็ไม่เคยมาบ่น หรือปรับทุกข์อะไรกับตน แต่ตนอยู่ดีๆคงไม่ไปถามเขา เพราะตัวเขายังไม่เคยทำอะไรผิดเลย มีแต่คนอื่นพูดกันทั้งนั้น อยู่ดีๆจะให้ตนไปเรียกให้มาพูดกันตรงๆ อย่างนั้นคงไม่ดี เพราะมันไม่ได้มีเรื่องอะไร ตนก็โตแล้ว หากมีอะไรเขาคงมาคุยกับตนเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดที่เกาะสมุย นายเฉลิมชัย ประกาศว่า มี ส.ส.กว่า 40 คน นายสุเทพ กล่าวว่า ไปถามเขาเองแล้วกัน ตนจะมาชี้แจงอีก ก็คงพูดไม่ออก ที่ว่ามาทวงตำแหน่ง คงไม่มี จองตำแหน่งได้ แต่ทวงไม่ได้

**มั่นใจปัญหาในพรรคไม่บานปลาย
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงถึงความขัดแย้งภายในพรรคกรณี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ออกมาเรียกร้องขอเก้าอี้รัฐมนตรีว่า ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงการอ้างแหล่งงข่าว ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ทั้งนี้ กระบวรการเลือกคนในพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรี เป็นกระบวนการที่เป็นระบบเปิดภายในพรรคไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งจะไปกำหนดได้ การเลือกใครมาเป็นรัฐมนตรี จะผ่านคณะกรรมการบริหารพรรค และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของ ส.ส. กับกรรมการบริหารพรรคร่วมกันทุกครั้งที่มีการเลือก รัฐมนตรี
"กรณีของนายเฉลิมชัย ไม่ถึงขั้นที่จะเป็นปัญหาภายในที่ถึงขั้นที่จะกระทบการทำงานของพรรคในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาล เพราะพรรคจะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่า ภายในพรรคประชาธิปัตย์เราสามารถที่จะดูแลกันเอง เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการทำหน้าที่เป็นแกนนำรัฐบาล กรณีนายเฉลิมชัย ได้คุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และได้ทำความเข้าใจกันแล้ว ข่าวที่ออกมาคิดว่าไม่มีที่มาที่ไป คงไม่เป็นจริงอย่างที่ข่าวกล่าว และเชื่อว่าปัญหานี้จะไม่ลุกลามบานปลาย" นายสาทิตย์ กล่าว และว่า นายเฉลิมชัย ก็ออกมาพูดชัดว่า เขาไม่ได้เรียกร้องอะไร ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย

**เกาเหลารถเมล์-ที่ดิน เคลียร์ได้
ส่วนปัญหาระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ความไม่เข้าใจกันในเชิงนโยบาย ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน กรณีรถเมล์ที่เป็นกระแสตอนนี้ก็ต้องคุยกัน เข้าใจว่า วานนี้แกนนำได้มีการประสานพูดคุยกันแล้ว คิดว่าคงทำความเข้าใจกันได้ และมีทางออกในเรื่องนี้ และเรื่องนี้ต้องทำให้คนเกิดความมั่นใจว่า เชิงนโยบายบจะเดินหน้าอย่างไร และมีข้อกังวลที่เกิดขึ้นทั้งภาคประชาชน และภาคอื่นจะชี้แจงอย่างไร เชื่อว่าที่สุดจะมีทางออก และสามารถชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจได้
เมื่อถามว่า แกนนำพรรคภูมิใจไทยยื่นคำขาดหากรถเมล์ 4 พันคันไม่ผ่าน จะถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายสาทิตย์ กล่าวปฏิเสธว่าไม่มีการยื่นคำขาดใดๆ เพราะเวลาทำงานเป็นพรรคร่วมด้วยกันทุกคนรับทรายกันว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน
เมื่อถามว่ามองอย่างไร ที่มีเสียงวิจารณ์ว่า เมื่อศึกนอกเบา ก็เปิดศึกกันเองภายในพรรคร่วมรัฐบาล นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลผสมทุกยุคทุกสมัย อาจจะมีบางเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน รัฐบาลเสียงข้างมากเด็ดขาดอย่างรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังมีปัญหาเกาเหลาข้างใน นับประสาอะไรกับพรรคร่วม มันต้องมีบ้าง แต่ทั้งหมดต้องโปร่งใส มันอยู่ภายใต้การตรวจสอบของสื่อมวลชน ของประชาชนอยู่แล้ว หากโครงการใดเขาสงสัยว่ามีข้อขัดแย้งกัน ก็ต้องชี้แจงให้ได้ มีเรื่องผลประโยชน์หรือไม่ ถ้ามีก็ต้องบอกไม่มี ต้องทำความเข้าใจกัน เมื่อตัดสินใจเชิงนโยบายไปแล้วต้องอธิบายได้ว่า ทำไมต้องตัดสินใจอย่างนั้น อย่างนี้ ประชาชนได้ประโยชน์อะไร ตรงนี้เป็นหลักทั่วไป
เมื่อถามว่ารัฐบาลผสมจะถูกมองสมประโยชน์หรือเปล่าในเรื่องของที่ดินกับรถเมล์ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ทุกเรื่องต้องทำให้โปร่งใส ชี้แจงประชาชนได้ จึงสร้างความเชื่อมั่นได้

**"เฉลิมชัย"ไม่สนถูกแบล็กลิสต์
ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภาคกลาง กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวระบุว่า ถูกขึ้นแบล็คลิสต์ ไม่ให้เป็นรัฐมนตรีในการปรับครม. คราวหน้าของพรรคว่า ไม่มีอะไรคนในพรรคที่ปล่อยข่าวนี้ออกมาก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย สำหรับตนไม่ให้ความสำคัญอะไร เพราะไม่เคยต่อรองขอตำแหน่งใดๆไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ไม่ตาย ดังนั้นการจะขึ้นแบล็คลิสต์หรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับตน และไม่สนใจด้วยเพราะถือว่าทุกอย่างเราไม่ได้ทำตามที่เขาคิด ตนก็อยากจะดูต่อไปเหมือนกันว่าจะมีอะไรออกมาอีก
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องชี้แจงผู้ใหญ่ของพรรค เพราะเราไม่ได้ทำอะไร ขออยู่นิ่งๆ ดีกว่า ส่วนใครจะเข้าใจอย่างไรก็เรื่องของเขา แต่จำเป็นต้องชี้แจงคนประจวบฯและทีมงานในจังหวัดทั้งหมด ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร เพราะชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ ต้นสายปลายเหตุ รู้แต่เพียงจากข่าวเท่านั้น
เมื่อถามว่า มีข่าวว่านายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายวิรัช ปิยะพรไพบูลย์ พี่ชายของนายเฉลิมชัย ได้ต่อสายโทรศัพท์ชี้แจงกับผู้ใหญ่ภายในพรรคแล้ว นายเฉลิมชัยตอบว่า เรื่องของตนไม่เกี่ยวข้องกับพี่ชายตน อย่าไปดึงพี่ชายตนมาเกี่ยวข้องด้วย สำหรับตนการจะย้ายพรรคหรือไม่ย้าย ก็ไม่เกี่ยวกับพี่ชาย แต่ยืนยันว่า ยังไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้

**"ชวรัตน์"ยันไม่ดึงกรมที่ดินมาดูเอง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐษนะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งเรื่องการเช่าที่ดินเพื่อทำการเกษตร ซึ่งก่อนหน้านี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน มท.1 ออกมาคัดค้านเรื่องการเร่งดำเนินโครงการโดยไม่รีเชคแผนที่ของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรฯ ให้เป็นฉบับเดียวกันก่อน มิฉะนั้นอาจกลายเป็นปัญหาการรุกที่ป่าสงวนว่า เรื่องนี้นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลย์วุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ได้มาชี้แจงรายละเอียดกับตนแล้ว ซึ่งเป็นโครงการเดิม ที่ริเริ่มโดยเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ตั้งแต่ปี 47 และจะอนุมัติให้เช่าในปี 52 ไม่ใช่โครงการที่เพิ่งเริ่มในสมัยรัฐบาลนี้ ซึ่งที่ดินส่วนใหญ่ อยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เงื่อนไขการเช่าในสัญญา เป็นเวลา 5 ปี อัตราการเช่าตารางวาละ10 บาท และยืนยันว่าไม่พบการเอื้อประโยชน์ให้นายทุน ซึ่งเหตุผลที่นายศักดิ์สยาม ออกมาแสดงความเห็น มองว่าไม่ใช่การขัดขา นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ( มท.3 ) ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดิน
ส่วนที่มีข่าวว่ามท.1 อาจนำกรมที่ดินกลับมาดูเองนั้น ไม่มี คงเป็นการถามนำ และเรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์แน่นอน

----------------
กำลังโหลดความคิดเห็น