รมต.สำนักฯ ยืนยันเก้าอี้ รมต.ในโควตา ปชป.ต้องผ่านมติกรรมการบริหารพรรค เชื่อปัญหาเก้าอี้ไม่บานปลายกระทบการทำงานรัฐบาล สยบข่าวลือไม่มีที่มาที่ไป เชื่อประเด็นรถเมล์เช่าไม่ถึงขั้นแตกหัก ปัดค่ายเนวินพร้อมถอนยวงจากพรรคร่วมฯ มั่นใจแกนนำเจรจาลงตัวแล้ว
วันนี้ (1 มิ.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงถึงความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ออกมาเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงการอ้างแหล่งงข่าว ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ขอเรียนว่ากระบวนการเลือกคนในพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐมนตรี เป็นกระบวนการที่เป็นระบบเปิดภายในพรรค ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งจะไปกำหนดเอาโดยส่วนตัวได้ พรรคประชาธิปัตย์บริหารภายในด้วยระบบประชาธิปไตยมาโดยตลอด 60 ปีของพรรค การเลือกใครมาเป็นรัฐมนตรีจะผ่านคณะกรรมการบริหารพรรค และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของ ส.ส.กับกรรมการบริหารพรรคร่วมกันทุกครั้งที่มีการเลือกรัฐมนตรี ฉะนั้น ดุลพินิจการจะให้ใครเป็นรัฐมนตรีของพรรคจะขึ้นกับกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุมใหญ่ของ ส.ส. ไม่สามารถไปลิสต์อะไรได้ คิดว่าข่าวที่ออกมาไม่ยืนยันที่มาที่ไป อาจจะเป็นความเห็นของใครไม่ทราบ ให้ความเห็นมาและมีการขยายผลกัน
“ขอเรียนว่ากรณีของนายเฉลิมชัยไม่ถึงขั้นที่จะเป็นปัญหาภายในถึงขั้นที่จะกระทบการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาล เพราะพรรคจะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าภายในพรรคประชาธิปัตย์เราสามารถที่จะดูแลกันเองเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการทำหน้าที่เป็นแกนนำรัฐบาล กรณีนายเฉลิมชัยได้คุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องและได้ทำความเข้าใจกันแล้ว ข่าวที่ออกมาคิดว่าไม่มีที่มาที่ไป คงไม่เป็นจริงอย่างที่ข่าวกล่าว และเชื่อว่าปัญหานี้จะไม่ลุกลามบานปลาย” นายสาทิตย์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีการขึ้นบัญชีดำไม่ให้นายเฉลิมชัยเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ไม่มีทั้งไวท์ลิสต์ แบล็กลิสต์ ทุกอย่างเป็นกระบวนการเปิดเผยโปร่งใส ใครมาเป็นรัฐมนตรีต้องผ่านการโหวตของกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ทำลิสต์ไม่ได้ เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าอีก 3 หรือ 6 เดือนข้างหน้า นายเฉลิมชัยจะไม่มาเป็นรัฐมนตรี นายสาทิตย์กล่าวว่า นายกฯ ยังไม่พูดถึงเรื่องปรับ ครม.เลย ในพรรคเรามี ส.ส. 170 กว่าคนมาเป็นรัฐบาลมีรัฐบาลเรามีเพียง 10 กว่าตำแหน่งเท่านั้นเอง และมีการชี้แจงทำความเข้าใจในพรรคกันแล้ว เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการทำงานของรัฐบาล เมื่อถามว่าทำไมประชาธิปัตย์ไม่คลี่คลายปัญหาให้จบ เพราะส่วนหนึ่งเป็นการบั่นทอนเสถียรภาพพรรคเอง นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า จริงๆ โดยเนื้อหาจบแล้ว คุยกันแล้ว เข้าใจแล้ว ที่เหลือตกลงเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้แก่ประเทศต่อไป จะมามัวมีเรื่องกันเองภายในคงไม่ได้ นายเฉลิมชัยก็ออกมาพูดชัดว่าเขาไม่ได้เรียกร้องอะไร ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย นายกฯ กลับจากเกาหลี มีงานหลายอย่างที่ต้องทำ ในนแง่รัฐบาลของพรรคต้องจบเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ในแง่ปัญหาระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์กล่าวว่า ความไม่เข้าใจกันในเชิงนโยบาย ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน กรณีรถเมล์ที่เป็นกระแสตอนนี้ก็ต้องคุยกัน เข้าใจว่าวานนี้แกนนำได้มีการประสานพูดคุยกันแล้วคิดว่าคงทำความเข้าใจกันได้และมีทางออกในเรื่องนี้ และเรื่องนี้ต้องทำให้คนเกิดความมั่นใจว่า เชิงนโยบายบจะเดินหน้าอย่างไรและมีข้อกังวลที่เกิดขึ้น ทั้งภาคประชาชนและภาคอื่นจะชี้แจงอย่างไร เชื่อว่าที่สุดจะมีทางออกและสามารถชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจได้ เมื่อถามว่า แกนนำพรรคภูมิใจไทยยื่นคำขาดหากรถเมล์ 4 พันคันไม่ผ่านจะถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายสาทิตย์ กล่าวปฏิเสธว่าไม่มีการยื่นคำขาดใดๆ เพราะเวลาทำงานเป็นพรรคร่วมด้วยกันทุกคนรับทรายกันว่า ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม นายสาทิตย์ยังเชื่อว่าปัญหานี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล เราต้องมองเป้าร่วมกันเป็นรัฐบาลต้องรับผิดชอบร่วมกัน และแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นได้ เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่เสียงวิจารณ์ที่ระบุว่าศึกนอกเบาก็เปิดศึกกันเองภายในพรรคร่วมรัฐบาล นายสาทิตย์กล่าวว่า รัฐบาลผสมทุกยุคทุกสมัย อาจจะมีบางเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน รัฐบาลเสียงข้างมากเด็ดขาดอย่างรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังมีปัญหาเกาเหลาข้างใน นับประสาอะไรกับพรรคร่วมมันต้องมีบ้าง แต่ทั้งหมดต้องโปร่งใส มันอยู่ภายใต้การตรวจสอบ ของสื่อมวลชนของประชาชนอยู่แล้ว หากโครงการใดเขาสงสัยว่ามีข้อขัดแย้งกันก็ต้องชี้แจงให้ได้ มีเรื่องผลประโยชน์หรือไม่ ถ้ามีก็ต้องบอกไม่มี ต้องทำความเข้าใจกัน เมื่อตัดสินใจเชิงนโยบายไปแล้วต้องอธิบาย ได้ส่งทำไมต้องตัดสินใจอย่างนั้นอย่างนี้ประชาชนได้ประโยชน์อะไร ตรงนี้เป็นหลักทั่วไป
เมื่อถามว่ารัฐบาลผสมจะถูกมองสมประโยชน์หรือเปล่าในเรื่องของที่ดินกับรถเมล์ นายสาทิตย์กล่าวว่า ทุกเรื่องต้องทำให้โปร่งใสชี้แจงประชาชนได้ จึงสร้างความเชื่อมั่นได้