ASTVผู้จัดการรายวัน – โกลบอลฯ คาดยอดขายปีนี้ลดจากเป้าเดิมที่ประเมินไว้เมื่อสิ้นที่ระดับ 2.9 พันล้านบาท เหลือ 2.4 – 2.5 พันล้านบาท หลังพิษเศรษฐกิจกระทบภาพรวมทุกอุตสาหกรรมชะลอตัว เน้นสัดส่วนขายแพ็กเก็จจิ้งเพิ่มเป็นกว่า 70% เหตุมาร์จินสูงเผยอาจมีผลกระทบให้กำไรสุทธิหดตามเกือบ 30% มั่นใจปีนี้ปันผลไม่ต่ำกว่าปีก่อน
นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ยอดขายของปี 52 ที่ลดลงมาอยู่ที่ 2,400 – 2,500 ล้านบาท จากเดิมที่เคยประมาณการณ์ไว้ที่ 2,900 ล้านบาท หลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลให้ยอดขายปรับตัวลดลง โดยในไตรมาสที่1/52 บริษัทมียอดขาย 510.71 ล้านบาท ขณะเดียวกันคาดการณ์กำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในปีนี้ที่จะลดลง 20-30% เมื่อเทียบกับปีก่อน และจากช่วงไตรมาส1/52 อัตรากำไรสุทธิปรับลงมาอยู่ที่ 11 ล้านบาท
นอกจากนี้คงต้องติดตามประเมินผลงานช่วงครึ่งปีหลังอีกครั้งหนึ่งหรือตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/52เป็นต้นไป จึงจะสามารถเห็นแน้วโน้มทางธุรกิจที่ชัดเจนขึ้นว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร ถึงแม้ว่าจะคาดการณ์ว่าผลงานอาจมีการปรับตัวดีขึ้นแต่หากออร์เดอร์ของลูกค้าที่เข้ามาเป็นเพียงระยะสั้นๆ เพื่อใช้เป็นสินค้าคงคลังก็คงไม่ปรับตัวสูงมากนัก
ทั้งนี้ในปี 52 บริษัทเตรียมรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ที่ 6 -7% ซึ่งใกล้เคียงปีก่อน โดยจะมีการเพิ่มสัดส่วนยอดขายในส่วนของแพ็กเก็จจิ้งให้มากกว่า 70% จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 60-70% เท่านั้น เนื่องจากมาร์จิ้นในส่วนของแพ็กแเก็จจิ้งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และในทางกลับกันสัดส่วนยอดขายสำหรับยานยนต์ ขณะที่อิเล็กทรอนิกส์มีการปรับลดลงเป็น 15-20% จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 20-25 % ซึ่งเป็นการปรับลดลงตามสภาวะ ขณะส่วนที่เหลือประมาณ 5% คิดเป็นสัดส่วนของยอดขายกาวและสารเติมแต่ง
" เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/2552 ซึ่งอาจทำให้ยอดขายในไตรมาส 2/2552 มากกว่าในไตรมาส 1/2552 แต่ทั้งนี้ต้องดูครึ่งปีหลังประกอบด้วย และถึงแม้ว่าที่ผ่านมายอดขายและกำไรจะลดลงไปมาก จากการที่เราต้องขายสินค้าคงคลังทำให้ขาดทุนไปบ้าง และเบื้องต้นที่เราประเมินว่าอาจจะมีการปรับตัวแต่ก็ต้องดูว่าจะปรับขึ้นหรือปรับลง แต่เราก็มองแนวโน้มที่ดีขึ้น ตั้งแต่ปลายไตรมาส2 ถึงสิ้นปี " นายสมชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมั่นใจในการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้อย่างน้อยในอัตราที่เท่ากับปีก่อน คือ 0.32 บาทต่อหุ้น ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะจ่ายได้ไม่เท่ากับที่ผ่านมาคือ 0.20 บาทต่อหุ้น เนื่องจากปีนี้กำไรไม่ดี และสถานการณ์ต่าง ๆ กลับกันเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการจ่ายเงินปันผลของครึ่งแรกปีนี้คาดว่าจะน้อยกว่าปี 51
นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ยอดขายของปี 52 ที่ลดลงมาอยู่ที่ 2,400 – 2,500 ล้านบาท จากเดิมที่เคยประมาณการณ์ไว้ที่ 2,900 ล้านบาท หลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลให้ยอดขายปรับตัวลดลง โดยในไตรมาสที่1/52 บริษัทมียอดขาย 510.71 ล้านบาท ขณะเดียวกันคาดการณ์กำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในปีนี้ที่จะลดลง 20-30% เมื่อเทียบกับปีก่อน และจากช่วงไตรมาส1/52 อัตรากำไรสุทธิปรับลงมาอยู่ที่ 11 ล้านบาท
นอกจากนี้คงต้องติดตามประเมินผลงานช่วงครึ่งปีหลังอีกครั้งหนึ่งหรือตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/52เป็นต้นไป จึงจะสามารถเห็นแน้วโน้มทางธุรกิจที่ชัดเจนขึ้นว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร ถึงแม้ว่าจะคาดการณ์ว่าผลงานอาจมีการปรับตัวดีขึ้นแต่หากออร์เดอร์ของลูกค้าที่เข้ามาเป็นเพียงระยะสั้นๆ เพื่อใช้เป็นสินค้าคงคลังก็คงไม่ปรับตัวสูงมากนัก
ทั้งนี้ในปี 52 บริษัทเตรียมรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ที่ 6 -7% ซึ่งใกล้เคียงปีก่อน โดยจะมีการเพิ่มสัดส่วนยอดขายในส่วนของแพ็กเก็จจิ้งให้มากกว่า 70% จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 60-70% เท่านั้น เนื่องจากมาร์จิ้นในส่วนของแพ็กแเก็จจิ้งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และในทางกลับกันสัดส่วนยอดขายสำหรับยานยนต์ ขณะที่อิเล็กทรอนิกส์มีการปรับลดลงเป็น 15-20% จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 20-25 % ซึ่งเป็นการปรับลดลงตามสภาวะ ขณะส่วนที่เหลือประมาณ 5% คิดเป็นสัดส่วนของยอดขายกาวและสารเติมแต่ง
" เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/2552 ซึ่งอาจทำให้ยอดขายในไตรมาส 2/2552 มากกว่าในไตรมาส 1/2552 แต่ทั้งนี้ต้องดูครึ่งปีหลังประกอบด้วย และถึงแม้ว่าที่ผ่านมายอดขายและกำไรจะลดลงไปมาก จากการที่เราต้องขายสินค้าคงคลังทำให้ขาดทุนไปบ้าง และเบื้องต้นที่เราประเมินว่าอาจจะมีการปรับตัวแต่ก็ต้องดูว่าจะปรับขึ้นหรือปรับลง แต่เราก็มองแนวโน้มที่ดีขึ้น ตั้งแต่ปลายไตรมาส2 ถึงสิ้นปี " นายสมชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมั่นใจในการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้อย่างน้อยในอัตราที่เท่ากับปีก่อน คือ 0.32 บาทต่อหุ้น ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะจ่ายได้ไม่เท่ากับที่ผ่านมาคือ 0.20 บาทต่อหุ้น เนื่องจากปีนี้กำไรไม่ดี และสถานการณ์ต่าง ๆ กลับกันเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการจ่ายเงินปันผลของครึ่งแรกปีนี้คาดว่าจะน้อยกว่าปี 51