เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (27พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในการประชุม หลังการประชุม นายยงยุทธ พร้อมด้วย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวโดยนายยงยุทธ กล่าวว่า พรรคมีมติส่ง นางอนุรักษ์ บุญศล เป็นผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร เขต 3 และส่งนายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ ลงสมัครส.ส.เขต 1 จ.ศรีสะเกษ นอกจากนี้ยังมีมติให้ยุติการประชุมใหญ่วิสามัญในวันที่ 31 พ.ค. เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ด้วย
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ชี้แจงถึงเหตุที่ต้องล้มการประชุมในวันที่ 31 พ.ค.ว่า เดิมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครเป็นส.ส. ดังนั้นเมื่อส.ส.พรรคพลังประชาชน ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธจึงอยากให้มี ส.ส.มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อจะได้ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯได้อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อเราทบทวนกติกาหลายอย่าง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ทุกฝ่ายต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทุกคนก็พูดตรงกันว่า จะทำให้เร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อกติกาจะเปลี่ยนแปลง เราจึงต้องการรอให้มีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายให้เรียบร้อยก่อน นอกจากนี้ในช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ผู้นำฝ่ายค้านจึงไม่จำเป็นมากนัก และเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯ ที่จะมาถึงนั้นก็เป็นสมัยนิติบัญญัติ ซึ่งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ก็ไม่มีบทบาทนัก จึงเห็นว่าควรรอไปก่อน
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า เราเป็นพรรคใหญ่ หากจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ควรจะมีการฟังความคิดเห็นจากสมาชิก และส.ส.ของพรรค โดย 3-4 เดือนหลังจากนี้ เราจะคิดกระบวนการสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยให้ ส.ส. สมาชิกพรรค และประชาชนเข้ามามีส่วมร่วมให้มากที่สุด และผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคในอนาคตนั้น จะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย และจะเป็นได้ดีกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสรุพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คุณสมบัติของหัวหน้าพรรคคนต่อไปนั้น จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถด้านเศรษฐกิจ เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องแข่งขันกับพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง จะเน้นนโยบายเศรษฐกิจนำการเมือง ซึ่งขณะนี้พรรคกำลังมอง นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เพื่อวางให้เป็นตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว แต่ยังไม่มีการทาบทาม เพราะหากดูจากคุณสมบัติของนายโอฬารนั้น สามารถสู้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้อย่างแน่นอน เพราะนายโอฬารเป็นผู้มีประสบการณ์ในการทำงานอย่างมาก โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งสังคม ก็ให้การยอมรับ
พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อเป็นแคนดิเดต หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า มีคนที่มีบารมีกว่าตนจำนวนมาก แต่ตนพร้อมที่จะทำงานช่วยพรรคเพื่อไทยทุกอย่าง จะให้เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น
"ผมมีความตั้งใจ เพราะถูกการเมืองเล่นงานมาตลอด ซึ่งผมจะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ หากเกษียณก็พร้อมที่จะเล่นการเมือง แต่หากมีความจำเป็นต้องลาออกจากราชการก่อน ก็ต้องลาออก ผมพร้อมเข้าไปช่วยงานทุกเมื่อหาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ให้ไปช่วยงานในพรรคก็พร้อมลาออกทันที" พล.อ.อ.สุเมธกล่าว
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ชี้แจงถึงเหตุที่ต้องล้มการประชุมในวันที่ 31 พ.ค.ว่า เดิมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครเป็นส.ส. ดังนั้นเมื่อส.ส.พรรคพลังประชาชน ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธจึงอยากให้มี ส.ส.มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อจะได้ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯได้อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อเราทบทวนกติกาหลายอย่าง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ทุกฝ่ายต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทุกคนก็พูดตรงกันว่า จะทำให้เร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อกติกาจะเปลี่ยนแปลง เราจึงต้องการรอให้มีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายให้เรียบร้อยก่อน นอกจากนี้ในช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ผู้นำฝ่ายค้านจึงไม่จำเป็นมากนัก และเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯ ที่จะมาถึงนั้นก็เป็นสมัยนิติบัญญัติ ซึ่งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ก็ไม่มีบทบาทนัก จึงเห็นว่าควรรอไปก่อน
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า เราเป็นพรรคใหญ่ หากจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ควรจะมีการฟังความคิดเห็นจากสมาชิก และส.ส.ของพรรค โดย 3-4 เดือนหลังจากนี้ เราจะคิดกระบวนการสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยให้ ส.ส. สมาชิกพรรค และประชาชนเข้ามามีส่วมร่วมให้มากที่สุด และผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคในอนาคตนั้น จะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย และจะเป็นได้ดีกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสรุพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คุณสมบัติของหัวหน้าพรรคคนต่อไปนั้น จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถด้านเศรษฐกิจ เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องแข่งขันกับพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง จะเน้นนโยบายเศรษฐกิจนำการเมือง ซึ่งขณะนี้พรรคกำลังมอง นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เพื่อวางให้เป็นตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว แต่ยังไม่มีการทาบทาม เพราะหากดูจากคุณสมบัติของนายโอฬารนั้น สามารถสู้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้อย่างแน่นอน เพราะนายโอฬารเป็นผู้มีประสบการณ์ในการทำงานอย่างมาก โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งสังคม ก็ให้การยอมรับ
พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อเป็นแคนดิเดต หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า มีคนที่มีบารมีกว่าตนจำนวนมาก แต่ตนพร้อมที่จะทำงานช่วยพรรคเพื่อไทยทุกอย่าง จะให้เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น
"ผมมีความตั้งใจ เพราะถูกการเมืองเล่นงานมาตลอด ซึ่งผมจะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ หากเกษียณก็พร้อมที่จะเล่นการเมือง แต่หากมีความจำเป็นต้องลาออกจากราชการก่อน ก็ต้องลาออก ผมพร้อมเข้าไปช่วยงานทุกเมื่อหาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ให้ไปช่วยงานในพรรคก็พร้อมลาออกทันที" พล.อ.อ.สุเมธกล่าว
