วานนี้ (18พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค เป็นประธานในการประชุม ทั้งนี้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค ในวันอาทิตย์ที่ 31 พ.ค.นี้ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยจะมีวาระการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งเบื้องต้นที่ประชุมกำหนดให้มีกรรมการบริหารพรรคไม่เกิน 29 คน ประกอบด้วย ส.ส. และสมาชิกพรรคที่ไม่ใช่ส.ส.
สำหรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคนั้น ควรจะต้องเป็นส.ส. เพื่อให้เชื่อมโยงกับการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร
**"อภิวันท์"ยังแบ่งรับแบ่งสู้นั่งหน.พท.
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย หนึ่งในแคนดิเดท ที่จะได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เปิดเผยว่า หากพรรคมีมติ ตนก็ยินดี แต่การทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น สามารถทำประโยชน์ต่อส่วนรวม และประเทศชาติได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม งานในสภาฯของพรรคที่ผ่านมาไม่ค่อยราบรื่นเท่าที่ควร เนื่องจากหัวหน้าพรรคไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่ก็น่าเห็นใจ นายยงยุทธ เหมือนกัน ทั้งนี้ ตนเคยพูดกับสมาชิกพรรคว่า สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการปรับโครงสร้างพรรคคือ ต้องทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมือง ส่วนเรื่องการหาหัวหน้าพรรคนั้น เป็นเรื่องรองลงมา การเป็นสถาบัน และการดำเนินงานต่างๆนั้นเป็นไปตามมติคณะผู้บริหารพรรคที่จะมีไม่เกิน 15 คน ซึ่งประกอบด้วย หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ประธานวิปฝ่ายค้าน และประธานภาคทั้ง 5 ภาค เป็นต้น
**คนที่อยู่เมืองนอกต้องไม่มาชี้นำ
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า การทำโครงสร้างแบบนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดผู้หนึ่งมาชี้นำ โครงสร้างใหม่นั้นพยายามทำให้ไม่ยึดโยงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ถ้าถามว่าความผูกพันกับอดีตนายกฯ มีหรือไม่นั้น ก็ต้องมี ซึ่งแต่เดิมการเลือกตำแหน่งสำคัญ เช่น ตำแหน่งประธานกรรมาธิการ จะมีคนภายนอกมากำกับซึ่งไม่ถูกต้อง ต่อไปต้องเป็นไปตามโควตาภาค เช่น ภาคอีสานมีกรรมาธิการ 3 คน ภายในภาคก็ต้องมาคุยกันว่าจะเอาใคร เมื่อได้มาแล้วก็เสนอต่อคณะผู้บริหารพรรค
**หนุน"มิ่งขวัญ-พีระพันธ์"นั่งหน.พรรค
"ในพรรคมีบุคคลดีๆ เหมาะเป็นหัวหน้าพรรคหลายคน เช่น นายมิ่งขวัญ (แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน) ที่เก่งด้านเศรษฐกิจ แต่ถูกวิจารณ์ว่าขาดความเด็ดขาด นายพีระพันธ์ (พาลุสุข ส.ส.ยโสธร) ก็มีความรู้ด้านกฎหมาย และมีความประนีประนอม ส่วนผมได้บอกเพื่อนส.ส.ว่า อย่าเสนอชื่อผม เพราะคิดว่าทำหน้าที่รองประธานสภาฯได้ดีแล้ว แต่ถ้าถึงเวลา และมีความจำเป็นจริงๆ ผมก็คงจะหนีความรับผิดชอบไม่ได้" พ.อ.อภิวันท์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ โควต้านี้อาจเสียให้กับพรรคประชาธิปัตย์ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบางคนในพรรคก็คิดเช่นนั้น แต่คิดว่าไม่สำคัญ ถ้าสร้างระบบที่แข็งแรง คนที่มาเป็นก็ต้องเป็นไปตามระบบนั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากปรับโครงสร้างพรรคแล้วพรรคอาจจะเดินสายไปพบกับพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัด จะต้องทำงานหนักขึ้นทั้งประเด็นเศรษฐกิจ สังคม และด้านความมั่นคง เพื่อนำมาเป็นข้อเสนอต่อรัฐบาล
สำหรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคนั้น ควรจะต้องเป็นส.ส. เพื่อให้เชื่อมโยงกับการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร
**"อภิวันท์"ยังแบ่งรับแบ่งสู้นั่งหน.พท.
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย หนึ่งในแคนดิเดท ที่จะได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เปิดเผยว่า หากพรรคมีมติ ตนก็ยินดี แต่การทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น สามารถทำประโยชน์ต่อส่วนรวม และประเทศชาติได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม งานในสภาฯของพรรคที่ผ่านมาไม่ค่อยราบรื่นเท่าที่ควร เนื่องจากหัวหน้าพรรคไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่ก็น่าเห็นใจ นายยงยุทธ เหมือนกัน ทั้งนี้ ตนเคยพูดกับสมาชิกพรรคว่า สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการปรับโครงสร้างพรรคคือ ต้องทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมือง ส่วนเรื่องการหาหัวหน้าพรรคนั้น เป็นเรื่องรองลงมา การเป็นสถาบัน และการดำเนินงานต่างๆนั้นเป็นไปตามมติคณะผู้บริหารพรรคที่จะมีไม่เกิน 15 คน ซึ่งประกอบด้วย หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ประธานวิปฝ่ายค้าน และประธานภาคทั้ง 5 ภาค เป็นต้น
**คนที่อยู่เมืองนอกต้องไม่มาชี้นำ
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า การทำโครงสร้างแบบนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดผู้หนึ่งมาชี้นำ โครงสร้างใหม่นั้นพยายามทำให้ไม่ยึดโยงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ถ้าถามว่าความผูกพันกับอดีตนายกฯ มีหรือไม่นั้น ก็ต้องมี ซึ่งแต่เดิมการเลือกตำแหน่งสำคัญ เช่น ตำแหน่งประธานกรรมาธิการ จะมีคนภายนอกมากำกับซึ่งไม่ถูกต้อง ต่อไปต้องเป็นไปตามโควตาภาค เช่น ภาคอีสานมีกรรมาธิการ 3 คน ภายในภาคก็ต้องมาคุยกันว่าจะเอาใคร เมื่อได้มาแล้วก็เสนอต่อคณะผู้บริหารพรรค
**หนุน"มิ่งขวัญ-พีระพันธ์"นั่งหน.พรรค
"ในพรรคมีบุคคลดีๆ เหมาะเป็นหัวหน้าพรรคหลายคน เช่น นายมิ่งขวัญ (แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน) ที่เก่งด้านเศรษฐกิจ แต่ถูกวิจารณ์ว่าขาดความเด็ดขาด นายพีระพันธ์ (พาลุสุข ส.ส.ยโสธร) ก็มีความรู้ด้านกฎหมาย และมีความประนีประนอม ส่วนผมได้บอกเพื่อนส.ส.ว่า อย่าเสนอชื่อผม เพราะคิดว่าทำหน้าที่รองประธานสภาฯได้ดีแล้ว แต่ถ้าถึงเวลา และมีความจำเป็นจริงๆ ผมก็คงจะหนีความรับผิดชอบไม่ได้" พ.อ.อภิวันท์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ โควต้านี้อาจเสียให้กับพรรคประชาธิปัตย์ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบางคนในพรรคก็คิดเช่นนั้น แต่คิดว่าไม่สำคัญ ถ้าสร้างระบบที่แข็งแรง คนที่มาเป็นก็ต้องเป็นไปตามระบบนั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากปรับโครงสร้างพรรคแล้วพรรคอาจจะเดินสายไปพบกับพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัด จะต้องทำงานหนักขึ้นทั้งประเด็นเศรษฐกิจ สังคม และด้านความมั่นคง เพื่อนำมาเป็นข้อเสนอต่อรัฐบาล