xs
xsm
sm
md
lg

พบฝรั่งติดโรคช่องแอร์ สธ.ส่งทีมเคลียร์รร.ที่พัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -สธ.เตรียมทดสอบการดื้อยาของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กับยาต้านไวรัส โอเซลทามิเวียร์ คาด 1 เดือนรู้เรื่อง “หมอไพจิตร์”กำชับแพทย์ให้เคร่งครัดการใช้ยา พร้อมเผยตัวเลขผู้ป่วยเฝ้าระวังล่าสุดอยู่ที่ 22 ราย ในจำนวนนี้เป็นต่างชาติ 3 ราย วุ่นอีก! พบผู้ป่วยต่างชาติเป็น“โรคลีเจียนแนร์”รายแรกของปีที่ติดเชื้อในไทย เผยต้นเหตุเกิดจากระบบทำความเย็นของแอร์ ส่งทีมเคลียร์โรงแรมที่พักด่วน ด้านนักระบาดชี้โรคระบาดเก่าไอกรน หัด ฟื้นคืนชีพ

นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.)ว่า มีผู้ป่วยที่อยู่ในข่ายการเฝ้าระวังเพิ่มขึ้น22 ราย ซึ่งถือเป็นเรื่องดีต่อระบบการเฝ้าระวัง grikt แสดงว่าประชาชนรู้ข้อมูลและให้ความร่วมมือปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของสธ.มากขึ้น โดยหลังจากกลับจากต่างประเทศที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เมื่อมีไข้ก็เดินทางมาพบแพทย์ทันที การที่มีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวังจำนวนมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าไทยมีโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดในพื้นที่แต่อย่างใด
สำหรับผู้ป่วยต่างชาติอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง 3 ราย ประกอบด้วย ชาวสวีเดน 2 ราย และมาจากฮ่องกง 1 ราย โดยชาวสวีเดนอาศัยอยู่ในเมืองไทย เดินทางไปที่อินโดนีเซีย 14 วัน และไปที่มาเลเซียด้วยก่อนเข้าประเทศไทย เมื่อวิเคราะห์ประวัติและเส้นทางเดินทางของชาวสวีเดนรายนี้ไม่น่าห่วง อย่างไรก็ตาม กำลังตรวจสอบตัวอย่างที่ส่งมาจากโรงพยาบาลสมุทรปราการ ว่าติดเชื้อใช่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือไม่ ส่วนรายฮ่องกงนั้นจัดเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระบบตามปกติ ไม่น่ากังวลแต่อย่างใด

**เตรียมทดสอบเชื้อหวัดดื้อยา
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นที่ระบุว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ในไทยมีปัญหาดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ ร้อยละ70 นั้น ขอชี้แจงว่า เชื้อที่ดื้อยาที่พบส่วนใหญ่เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แต่ในส่วนของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กระทรวงสาธารณสุขจะทำการทบทวนและนำเชื้อทดสอบมาทดสอบกับยาโอเซลทามิเวียร์ เนื่องจากขณะนี้ได้ทำการแยกเชื้อจากผู้ป่วยที่ยืนยัน 2 รายได้แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาทดสอบไม่เกิน 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท และความรอบคอบในการใช้ยาตัวนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมชี้แจงแพทย์ผู้ให้การรักษาทั่วประเทศแล้ว 1 ครั้ง และพยายามลดการใช้ยา กำหนดให้ใช้ได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่อยู่ในห้องปฏิบัติการ อยู่ในความดูแลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ 2 แห่ง อยู่ในระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับที่มีความปลอดภัยอย่างมาก ตามมาตรฐานสากล เช่นเดียวกับการดูแลเชื้อไข้หวัดนก
ส่วนความคืบหน้าการตรวจผลชิ้นเนื้อปอดของหญิงชาวเยอรมันที่เสียชีวิตเมื่อ 18 พ.ค.52 ที่ผ่านมา ได้ประสานเป็นการภายในกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และนายแพทย์ใหญ่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างใกล้ชิด และจะหารือกันเร็วๆนี้ หากผลการตรวจทราบผลชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ต้องขอเวลาสักระยะ เนื่องจากในเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้มีประวัติค่อนข้างสลับซับซ้อน ทั้งในเรื่องน่าจะมีภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เชื้อที่เกิดขึ้นอาจเป็นเชื้อที่ไม่ปกติ และยังมีปัญหาเรื่องโรคหัวใจด้วย ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการพิสูจน์ นพ.ไพจิตร์กล่าว
**พบฝรั่งป่วยโรคช่องแอร์รายแรกของปี
ที่จ.เชียงใหม่ นพ.ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สธ.กล่าวในการประชุมโรคไข้หวัดใหญ่และโรคติดต่ออุบัติใหม่ สำหรับแพทย์ บุคลากรสาธารณสุขว่า ได้รับรายงานจากรัฐบาลโปรตุเกสเมื่อคืนวันที่ 21 พ.คที่ผ่านมา ว่า มีชาวโปรตุเกส 1 ราย เพิ่งเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวในประเทศไทยและมีการป่วยเป็นโรคลีเจียนแนร์ หรือโรคสหายสงคราม ซึ่งจากการซักประวัติเส้นทางการเดินทางในไทยพบว่า นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวบินตรงมาไทย ไม่ได้แวะพักที่ประเทศอื่น และในระหว่างอยู่ในไทย มีการเข้าพักโรงแรม 2 แห่ง ในกรุงเทพฯ และภาคใต้ เป็นโรงแรมระดับต่ำกว่า 4 ดาว ดังนั้นจึงถือว่าเป็นผู้ป่วยรายแรกของปีนี้ที่ติดเชื้อในไทย แต่กลับไปป่วยที่ประเทศโปรตุเกส
นพ.ภาสกร กล่าวต่อว่า โรครีเจียนแนร์ เป็นโรคติดต่อจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่สะอาด โดยเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอาศัยอยู่ในหอพึ่งเย็นของเครื่องปรับอากาศที่สกปรก เชื้อจะแพร่ผ่านอากาศที่ออกมาจากเครื่องปรับอากาศ ซึ่งแต่ปีจะประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้ไม่ถึง 10 ราย และเกือบทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และกลุ่มเสี่ยงที่โรคเรื้อรัง หรือโรคประจำตัว หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น เช่น สูบบุหรี่ ซึ่งตรงกับผู้ป่วยชาวโปรตุเกสรายนี้ที่สูบบุหรี่ โดยอาการของโรคคือ ทำให้ปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียแต่ไม่มาก ไอ และมีไข้สูง และอาจมีอาการหอบในบางราย แต่เชื้อไม่สามารถแพร่ระบาดหนักเหมือนไข้หวัดใหญ่ได้
“ขณะนี้หน่วยสอบสวนโรคได้ติดต่อไปยังโรงแรมที่ผู้ป่วยชาวโปรตุเกสได้เข้าพักทั้ง 2 แห่งแล้ว เพื่อให้เร่งทำความสะอาดหอพึ่งเย็นเครื่องปรับอากาศ ปรับระดับคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวรายอื่นติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีนักท่องเที่ยว หรือพนักงานในโรงแรมทั้ง 2 แห่งติดเชื้อแต่อย่างใด แต่เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น โรงแรมต่างๆ จึงควรรักษาความสะอาดให้ได้มาตรฐาน” นพ.ภาสกรกล่าว

**กินค้างคาวเสี่ยงโรคไข้สมองอักเสบ
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า โรคอุบัติใหม่ที่มีการระบาด พบว่าร้อยละ 75 เกิดมาจากสัตว์ต่างๆ ทั้งสัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ต่างถิ่นที่ทำการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายโดยไม่ผ่านการกักกันโรค จะมีความเสี่ยงสูงและกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อ โดยโรคที่มีความรุนแรงที่เกิดจากสัตว์ เช่น ค้างคาวแม่ไก่ ทำให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบนิป้าไวรัส ซึ่งขณะนี้พบว่าที่จ.สมุทรสาคร พบค้างคาวแม่ไก่นับแสนตัว และมีการเก็บเชื้อตรวจแล้วพบว่า มีเชื้อที่ทำให้เกิดโรคระบาดขึ้นได้ ซึ่งน่าเป็นห่วงเพราะชาวบ้านแถบดังกล่าวมีการซื้อขาย และบริโภคเป็นอาหาร อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อและเกิดการระบาดขึ้นได้ หรืออย่างไข้สมองอักเสบ เวสท์ไนล์ ที่เกิดการระบาดในประเทศมาเลเซีย จากฟาร์มหมู ซึ่งต้องเฝ้าระวังว่าอาจเกิดระบาดเข้ามายังประเทศไทยได้

**นักระบาดชี้โรคระบาดเก่าฟื้นคืนชีพใหม่
รศ.(พิเศษ)นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ต่อจากนี้อาจจะได้เห็นโรคระบาดที่เคยหายไปกลับมาใหม่ เพราะภูมิต้านทานโรคตามธรรมชาติหมดไป คนรุ่นใหม่จึงไม่มีภูมิคุ้มกันและทำให้เกิดโรคขึ้นได้ ประกอบกับไม่มีการฉีดวัคซีนต่อเนื่องตามคำแนะนำ ซึ่งบางโรคต้องฉีดทุก 10 ปี เช่น โรคไอกรน ที่เริ่มพบการรายงานตัวเลขผู้ป่วยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และมีผู้ป่วยในกลุ่มอายุ 25-44 ปี เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ไม่เคยพบรายงาน ที่น่าเป็นห่วงคือ คนกลุ่มนี้จะแพร่เชื้อไปยังเด็กเล็กที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะแสดงอาการมากกว่าเมื่อเทียบกับเชื้อที่อยู่ในผู้ใหญ่ หรือ โรคหัด ซึ่งเป็นโรคที่เคยระบาดในอดีต ซึ่งแพทย์จบใหม่อาจจะวินิจฉัยผิด และรักษาไม่ถูกจุด เพราะเป็นโรคที่หายไปนานแล้ว โดยจะต้องเฝ้าระวังในสถานที่ที่อยู่เป็นกลุ่มใหญ่ เช่น หอพัก ค่ายทหาร เป็นต้น

**“เสธ.หนั่น” ยันไทยพร้อมผลิตวัคซีน
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า ระบบการป้องกันการแพร่ระบาดของไทยนั้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเข้มงวดคนที่เดินทางผ่านประเทศที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นพิเศษ สำหรับงบประมาณหากไม่เพียงพอก็ขอเพิ่มโดยเอาข้อเท็จจริงแจ้งให้รัฐบาลทราบและขอเบิกเป็นงวด ๆ ไป
ส่วนกรณีที่องค์การอนามัยโลกจะให้ไทยเป็นศูนย์ผลิตวัคซีนนั้น ขณะนี้ไทยมีบริษัทหนึ่งที่ผลิตได้และอาจจะออกมาใน 4 เดือนนี้ แต่เขาจะให้เราผลิตในภาคพื้นเอเชียหรือไม่ต้องฟังทางอนามัยโลกอีกที
กำลังโหลดความคิดเห็น