xs
xsm
sm
md
lg

อภ.ประสาน “ฮู” ขอเชื้อไวรัสหวัด 2009 พัฒนาวัคซีนหวัดใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภ.เผยประสานฮู ขอแบ่งเชื้อไวรัสมาศึกษาวิจัยแล้ว คาดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี พัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ หากทดลองสำเร็จผลิตได้ 2.8 ล้านโดส ภายใน 1 เดือน รองรับหากเกิดระบาดใหญ่รอบ 2 พร้อมหาข้อมูลเตรียมพร้อมสำรองยาซานามิเวียร์

นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ อภ.อยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช1เอ็น1 ที่ห้องปฏิบัติการคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม โดยได้ประสานผ่านทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ส่งเสริมในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยในการประชุมสมัญชาองค์การอนามัยโลกในสัปดาหน้าจะขอความอนุเคราะห์ขอให้แบ่งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช1เอ็น1 เพื่อนำมาผลิตวัคซีน โดยตามขั้นตอนจะต้องมีการศึกษาวิจัยในระดับสัตว์ทดลอง จากนั้นจึงทดลองในมนุษย์ หากประสบผลสำเร็จจึงจะขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยคาดว่า จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อรองรับหากมีการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่รอบที่ 2 หรือรอบที่ 3 ในช่วงต้นปี 2553

นพ.วิทิต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อภ.ได้ปรับปรุงสถานที่ห้องปฏิบัติการ (Pilot Plant) ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพี โดยตัวแทนจากองค์การอนามัยโลกได้เดินทางมาตรวจสอบแล้ว เมื่อการทดลองวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นผลสำเร็จจะสามารถผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่บริการประชาชนไทยได้ทันที โดยมีกำลังผลิตได้ 2.8 ล้านโดสต่อเดือน โดยเป็นชนิดเชื้อเป็น ซึ่งจะสามารถผลิตได้ครั้งละเป็นจำนวนมากและเร็วเพื่อรองรับในการระบาดใหญ่

“อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ อภ.ยังไม่สามารถผลิตวัคซีนได้และไม่แน่นอน อภ.ได้เตรียมที่จะเจรจากับบริษัท ซาโนฟี่ ปาสเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ อภ.ในการผลิตวัคซีนให้เป็นผู้บรรจุวัคซีนเพื่อจัดจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งยังไม่ทราบกำลังการผลิตว่าเป็นจำนวนเท่าใดแต่เชื่อว่าน่าจะมีศักยภาพเพียงพอในการดูแลประชาชนในประเทศ” นพ.วิทิต กล่าว

นพ.วิทิต กล่าวด้วยว่า ในอนาคตหากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ มีการดื้อยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ อภ.พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายของกรมควบคุมโรคที่จะเป็นผู้ตัดสินใจสั่งการและวางแผนให้มีการสำรองยาซานามิเวียร์ ซึ่งยาดังกล่าวเป็นยาที่ไม่สามารถผลิตได้เอง เนื่องจากติดสิทธิบัตร โดย อภ.จะศึกษาข้อมูลยาดังกล่าวอีกครั้ง ว่ามีรายละเอียดในเรื่องราคาอย่างไรบ้าง

**ระดมสมองปรับแผนให้ยาต้านไวรัสหวัด 2009 ป้องกันดื้อยา
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญทีมงานวิชาการของสธ.อยู่ระหว่างการหารือว่าจะปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ในการให้ยาโอเซลทามิเวียร์กับผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพราะเกรงว่าจะเป็นการให้ยามากเกินไปหรือไม่ ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ส่งสัญญาณมาว่า หากใช้ยาเกินความจำเป็นจะทำให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เกิดการดื้อยา โดยต้องมีแผนสำรองในการรักษาว่าจะใช้ยาชนิดใดต่อไป

“เดิมแพทย์ให้ยาโอเซลทามิเวียร์กับผู้เข้าข่ายเฝ้าระวัง หากเริ่มมีอาการไข้ และมีประวัติสัมผัสกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด อาจเปลี่ยนเป็นการให้ยาสำหรับผู้ที่มีผลจากห้องปฏิบัติการยืนยันว่าป่วย จึงจะให้ยา เพื่อป้องกันการใช้ยามากเกินไปจนทำให้ผลเสียตามมาคือการดื้อยาเร็วขึ้น”นพ.ไพจิตร์ กล่าว

**หารือเตรียมสำรองยาซานามิเวียร์
นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์
อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมทีมวิชาการด้านการแพทย์ว่า ได้หารือเกี่ยวกับการสำรองยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ และยาต้านไวรัสซานามิเวียร์ ชนิดพ่น ใช้ในกรณีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และผู้ป่วยไข้หวัดนกดื้อยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ โดยนักวิชาการได้ให้คำแนะนำว่า การสำรองยาต้านไวรัส โอเซลทามิเวียร์ในขณะนี้จำนวน 4.2 ล้านเม็ด รองรับผู้ป่วย 4.2 แสนคน ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่หากได้เพิ่มอีก 2 ล้านเม็ดตามที่ตั้งเป้าไว ก็จะสร้างความมั่งคงในการดูแลผู้ป่วยในประเทศอย่างมาก ซึ่ง สธ.ได้เสนอ ครม.ของบประมาณ 80 ล้านบาท ในการสั่งซื้อวัตถุดิบในการผลิตยาในส่วนนี้แล้ว คาดว่า ครม.จะพิจารณาในสัปดาห์หน้า

นพ.มล.สมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับยาต้านไวรัส ซานามิเวียร์ นักวิชาการได้เสนอว่า ไทยควรมีการสำรองยาดังกล่าว แต่ไม่จำเป็นต้องสำรองจำนวนมาก เนื่องจากเป็นยาที่ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยดื้อยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์เท่านั้น ซึ่งสัดส่วนการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ยังไม่มีมากเพราะเป็นเชื้อชนิดใหม่ ประกอบกับไทยมีผู้ที่ทานยาโอเซลทามิเวียร์จำนวนน้อยมาก และยังไม่มีการดื้อยาแต่อย่างใด

“บางประเทศได้มีการสำรองยาโอเซลทามิเวียร์ และซานามิเวียร์ ในสัดส่วน 80/20 หรือ 90/10 แต่ประเทศไทยคงไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น เนื่องจากยาดังกล่าวมีราคาแพง ราคาชุดละ 900 บาท และยังไม่มีความต้องการในการใช้มาก โดยไทยอาจจะสั่งซื้อยาสำรองรองรับผู้ป่วยหลักพันหรือหลักหมื่นคนเท่านั้น ผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาซานามิเวียร์ จะต้องพ่นยา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ติดต่อกัน 4 วัน จึงจะถือว่ารักษาครบชุด” นพ.มล.สมชาย กล่าว

**ตั้งงบ 4-5 ล้าน ต่อรองราคาเหลือไม่เกิน 500 บาท ต่อชุด
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีบริษัทยาเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่สามารถผลิตยาซานามิเวียร์ได้ โดยเบื้องต้น กรมควบคุมโรคจะเชิญบริษัทยาดังกล่าวมาเจรจาต่อรองราคายา คาดว่าจะลดลงมาได้ไม่ถึง 500 บาทต่อชุด งบประมาณในการจัดซื้อยาทั้งหมดไม่เกิน 4-5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะได้ข้อสรุปเรื่องราคาและปริมาณการสั่งซื้อได้ภายในสัปดาห์หน้า สำหรับงบประมาณในการสั่งซื้ออาจจะใช้จากงบที่ ครม.อนุมัติให้ใช้ในแผนป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 100 ล้านบาท แต่หากไม่ได้อาจจะใช้งบของกรมควบคุมโรคเอง

**ผลิตวัคซีนหวัดใหญ่ 2009 อีกนานแกะรอยไวรัสได้ 60%
นพ.มล.สมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะนี้คณะกรรมการด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลกยังไม่ได้ประกาศให้ทำการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่อย่างใด เนื่องจากการศึกษาแกะรอยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทำได้เพียง 60% เท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอ เพราะการผลิตวัคซีนได้จะต้องทราบองค์ประกอบของเชื้อไวรัสได้ครบ 100% ซึ่งจากข้อมูลขณะนี้ยังไม่มีบริษัทยาใดทำหารผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งสิ้น ดังนั้นไทยจึงยังไม่มีการสั่งซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในขณะนี้

“ส่วนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลปกติ ก็ยังไม่มีการสั่งซื้อ เพราะต้องรอให้คณะกรรมการด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลกประกาศสายพันธุ์ของไวรัสที่จะระบาดในปีหน้าก่อน โดยคาดว่า ไทยจะสั่งซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฤดูกาลปกติทั้งหมด 2.2 ล้านโด๊ส สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและปศุสัตว์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้เพียง 8 แสนโด๊สเท่านั้น”นพ.มล.สมชาย กล่าว

**หวั่นเทอร์โมสแกนไม่พอรับมือนักกีฬายกน้ำหนัก
นพ.มล.สมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนการดูแลนักกีฬาและผู้ติดตามที่จะเดินทางมาทำการแข่งขันยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก ขณะนี้ที่ จ.เชียงใหม่ มีปัญหาในส่วนของเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ หรือเครื่องเทอร์โมสแกน ที่มีเพียง 1 เครื่อง ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอ จึงจะเสนอให้มีการซื้อมาเพิ่มที่สนามบินนานาชาจิเชียงใหม่อีก 1 เครื่อง แต่หากไม่สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ ก็จะใช้วิธีการตรวจวัดไข้ที่สนามบินแทน

“ผมเชื่อว่า นักกีฬาไม่น่าจะมีไข้ เพราะร่างกายย่อมแข็งแรงกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม จะมีการจับตาเป็นพิเศษสำหรับนักกีฬาที่มาจาก 5 ประเทศ ที่มีการระบาดของโรค ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เม็กซิโก แคนาดา และ สเปน หากพบว่ามีไข้จะให้หยุดทำการแข่งขันและเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที” นพ.มล.สมชาย กล่าว

**นักวิชาการชี้ใช้โอเซลทามิเวียร์-ซานามิเวียร์ สู้หวัดใหญ่ 2009 ได้ทั้งคู่
นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา
ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกไวรัสสู่คน กล่าวว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เอช 1 เอ็น 1 ไวต่อยาโอเซลทามิเวียรและยาซานามิเวียร์ เพราะยาทั้ง 2 รายการเป็นยากลุ่มเดียวกัน แต่ยาซานามิเวียร์เป็นยาชนิดพ่นแต่โอเซลทามิเวียร์เป็นยาชนิดกิน ทั้งนี้ยาซานามิเวียร์มีราคาสูงกว่า และประเทศไทยไม่สามารถผลิตได้เอง เพราะเป็นยาที่ติดสิทธิบัตรอยู่

“ขณะนี้มีหลายประเทศเริ่มพบว่ามีรายงานว่า ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเริ่มที่จะดื้อต่อยาโอเซลทามิเวียร์ จึงคาดว่า สธ.คงมีการเตรียมแผนสำรองยาซานามิเวียร์เพื่อที่จะเป็นแผนสอง แม้ว่าในประเทศไทยจะยังไม่มีการใช้โอเซลทามิเวยร์กับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เพราะยาชนิดดังกล่าวไม่พบรายงานว่าดื้อต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่เอช1เอ็น1” นพ.ธีรวัฒน์ กล่าว

นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสและอาจารย์ประจำภาควิชา จุลชีววิทยาคณะ แพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า การใช้ซานามิเวียร์รักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อาจมีข้อดีกว่าโอเซลทามิเวียร์ คือ ยังไม่พบว่ามีรายงานการดื้อยา แต่ข้อเสียก็มี คือ การใช้ยากกว่า เพราะต้องพ่น แต่โอเซลทามิเวียร์เป็นยาเม็ดรับประทาน

รวมข่าวเกี่ยวเนื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทย





  • สธ.แถลงแล้ว ระบุมี 2 คนไทยติด “หวัด 2009”จากเม็กซิโก


  • สธ.แถลงแล้ว ระบุมี 2 คนไทยติด “หวัด 2009”จากเม็กซิโก


  • สธ.ออกประกาศเรื่องหวัด 2009 ฉ.5 แนะออกกำลังกายเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค


  • WHO ประกาศไทยเป็นประเทศที่ 31 ที่ติดหวัด “วิทยา” ปฏิเสธลั่นไม่ได้ปิดข้อมูล


  • จับตาหวัดใหญ่ 2009 ผู้เชี่ยวชาญหวั่นจับตัวหวัดคนทำกลายพันธุ์


  • “วิทยา” ย้ำ! ไทยพบติดหวัด 2009 แต่ไม่มีการแพร่ระบาดแน่นอน


  • สธ.เร่งแจงสถานการณ์หวัด 2009 ในไทย สร้างความมั่นใจทูตต่างชาติ

  • กำลังโหลดความคิดเห็น