ผู้ป่วยเฝ้าระวังหวัดใหญ่ 2009 ที่ จ.อยุธยา อาการดีขึ้น ไข้คงที่ แพทย์ รพ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงกักตัวแยกจากผู้ป่วยทั่วไป ห้ามญาติเข้าเยี่ยมเด็ดขาด คาดรู้ผลส่งตรวจเสมหะ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 4 โมงเย็นวันนี้ ขณะที่ สธ.ใช้ระบบแซนด์วิชค้นหาผู้ป่วยหวัดใหญ่ 2009 สั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ประจำด่านควบคุมโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิจากวันละ 60 คน เป็นเกือบ 100 คน กำชับหน่วยเฝ้าระวังทั้งหมู่บ้าน โรงพยาบาล เข้มงวดประวัติการเดินทางมาจากต่างประเทศของผู้ป่วย สั่งพิจารณาชะลอสต๊อกยาโอเซลทามิเวียร์
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ป่วยเฝ้าระวังติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายล่าสุดที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาได้รับตัวไว้รักษาเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีอาการไข้สูง ตัวร้อน หลังเดินทางกลับจากทัวร์ประเทศยุโรป เมื่อ 3 วันก่อน ซึ่งอาการล่าสุด ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ไข้คงที่ โดยแพทย์ได้แยกตัวผู้ป่วยต้องสงสัยออกจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อดูอาการในห้องผู้ป่วยพิเศษ ตึกมงคลบพิตร พร้อมทั้งห้ามญาติเข้าเยี่ยมเด็ดขาด
สำหรับเสมหะที่ส่งไปตรวจยังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นั้น คาดว่าจะรู้ผลภายในเวลา 16.00 น.วันนี้
ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเวชกรรมป้องกันออกไปติดตาม เพื่อเฝ้าระวังผู้ที่ร่วมเดินทางไปเที่ยวกับผู้ป่วยต้องสงสัยรายนี้ทั้ง 25 คนแล้ว ซึ่งมีบางคนได้เดินทางมาให้แพทย์ตรวจหลังรู้ข่าว แต่ก็ยังไม่พบว่ามีใครมีอาการผิดปกติแต่อย่างใด
สธ.สั่งเพิ่ม จนท.ด่านควบคุมสุวรรณภูมิ
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ว่า ในวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข ได้ประเมินทางวิชาการ คาดไทยมีแนวโน้มอาจพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มาจากต่างประเทศรายใหม่ได้อีก กระทรวงสาธารณสุขได้ใช้มาตรการแซนด์วิช เพื่อค้นหาผู้ป่วยให้พบอย่างรวดเร็ว ให้การดูแลรักษาและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อให้อยู่ในวงจำกัด โดยคงมาตรการเฝ้าระวังโรคในกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนที่ด่านตรวจโรคประจำสนามบิน ด่านพรมแดนต่างๆ และการค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านชุมชน และที่โรงพยาบาล คลินิก โรงพยาบาลเอกชน อย่างเข้มแข็ง
โดยที่ด่านควบคุมโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้เพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำการจากวันละ 60 คน เป็นวันละเกือบ 100 คน ตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีระบบการเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยในรายที่มีไข้และเดินทางกลับจากต่างประเทศให้พื้นที่ต่างๆ ได้ติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เล็ดลอดแม้แต่รายเดียว และให้ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วออกติดตามผู้ป่วยที่บ้านทันที ส่วนสถานพยาบาลต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน คลินิกทั่วประเทศ ให้เพิ่มการซักประวัติผู้ป่วยที่มีไข้ ไอ เจ็บคอหรือท้องเสีย อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทั้งหมด หากพบผู้ป่วยได้เร็วเท่าใด จะเป็นผลดีในการควบคุมโรคไม่ให้เชื้อแพร่กระจายในประเทศได้
ย้ำผู้ป่วยที่อยุธยาอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง อาการดีขึ้นแล้ว
นายวิทยากล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยรายที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่เป็นข่าวนั้น ขณะนี้เป็นผู้ป่วยที่จัดอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง จากระบบการเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ เนื่องจากมีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศ และมีไข้ เจ็บคอ ยังไม่ใช่ผู้ป่วยสงสัย โดยอยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ขณะนี้อาการดีขึ้น ไม่มีไข้ อยู่ระหว่างการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะทราบผลเบื้องต้นประมาณ 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามการสรุปผลทุกรายจะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการด้านการแพทย์ ด้านระบาดวิทยา และด้านห้องปฏิบัติการ หากมีผู้ป่วยยืนยันจะแถลงข่าวให้ประชาชนรับทราบทันที
ทางด้าน นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับมาตรการการรักษา โดยจะพิจารณาให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์อย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาการดื้อยา โดยในรายที่ผลการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ จะได้รับยาต้านไวรัสทุกคน ซึ่งขณะนี้ผลการตรวจยืนยันจะรู้ผลเร็ว เนื่องจากมีการทำงานเป็นเครือข่ายระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง ทุกแห่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการอ้างอิงขององค์การอนามัยโลก ซึ่งรวมทั้งศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาด้วย ทำให้ผลมีความแม่นยำ รู้ผลเร็วภายใน 48 ชั่วโมง
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า องค์การอนามัยโลกรายงาน เมื่อเช้าวันนี้ (14 พฤษภาคม 2552) ตามเวลาในประเทศไทย ว่า มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 33 ประเทศ รวม 5,728 ราย เสียชีวิต 61 ราย ประเทศที่รายงานผู้ป่วยในวันนี้คือ คิวบา ฟินแลนด์ และไทย ซึ่งไทยถูกจัดอันดับประเทศพบยืนยันติดเชื้ออันดับที่ 32 มี 8 ประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยเพิ่ม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร จีน โคลัมเบีย กัวเตมาลา ปานามา และมี 7 ประเทศที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในรอบ 7 วัน ได้แก่ ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก เกาหลีใต้ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส โปแลนด์ ส่วนไทย คงมีผู้ป่วยยืนยัน 2 รายเท่าเดิม และวันนี้มีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวัง 13 ราย เป็นชาวไทยเดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีโรคระบาด
สั่งชะลอสต๊อกยาโอเซลทามิเวียร์
นายวิทยากล่าวด้วยว่า การรายงานผู้อยู่ในข่ายเฝ้าระวังหรือผู้ต้องสงสัยในทุกพื้นที่ต้องคำนึงถึงสิทธิผู้ป่วยและไม่เปิดเผยข้อมูล ส่วนการผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะนี้จากการพิจารณาร่วมกันว่าไม่อยากให้มีสต๊อกยาเพิ่มเกินจริง จึงได้ชะลอการผลิตก่อน แต่เพื่อความไม่ประมาทได้ให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ประสานบริษัทจำหน่ายวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาให้ซื้อได้ในราคาต้นทุนเดิม ให้ชะลอราคาไว้ประมาณ 1 เดือน และในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ตนจะเดินทางไปร่วมประชุมในเวทีสมัชชาขององค์การอนามัยโลกที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อหารือแนวทางป้องกัน เฝ้าระวังโรคและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญ
รวมข่าวเกี่ยวเนื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทย