xs
xsm
sm
md
lg

"ฮู" ชี้หวัดพันธุ์ใหม่อาจดื้อยา ยอดติดเชื้อใกล้ถึง6,000ราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป้ายเตือนไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก ที่ศูนย์การติดเชื้อในฮ่องกง ฮ่องกงรายงานวันนี้(13) ว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดเอเอช 1 เอ็น 1 เป็นรายที่ 2แล้ว เช่นเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่
เอเจนซี – องค์การอนามัยโลกออกโรงเตือนประเทศต่างๆ ไม่ควรจ่ายยาต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ พร่ำเพรื่อ ระบุ เชื้อมรณะอาจดื้อยาหากเกิดการระบาดรอบใหม่ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดมีทั้งสิ้น 5,728 ราย ใน 33 ประเทศ

** ผู้เชี่ยวชาญอนามัยโลกชี้ไม่ควรใช้ยาต้านไวรัสพร่ำเพรื่อ

ดร. นิกกิ ชินโด ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกออกมาระบุว่า ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้ง 2 ชนิด คือ ยา “ทามิฟลู” และ “เรเลนซา” ควรจะถูกนำมาใช้อย่างจำกัด และควรสงวนไว้ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง ผู้ป่วยที่เป็นสตรีที่ตั้งครรภ์ และผู้ป่วยที่มีร่างกายอ่อนแอเท่านั้น

ชินโด ออกมาเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (12) โดยระบุว่า หน่วยงานสาธารณสุขของประเทศต่างๆ ควรจ่ายยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้ง 2 ชนิดให้กับผู้ป่วย เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น เพื่อให้ยาสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งอาจมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหากเกิดการระบาดรอบใหม่ จะสามารถทนทานต่อฤทธิ์ของยาทั้ง 2 ชนิดได้ หากตัวยาถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อเกินความจำเป็น

การออกมาเปิดเผยของผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่บริษัท โรช เอจี ยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตยาจากสวิตเซอร์แลนด์ออกมาเปิดเผยว่า เตรียมผลิตยา “ทามิฟลู” ล็อตใหม่จำนวน 5.65 ล้านชุดให้กับองค์การอนามัยโลก เพื่อเตรียมไว้ใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งทางผู้บริหารระดับสูงขององค์การอนามัยโลกเคยออกมาทำนายว่า อาจมีผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มากถึง 2,000 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรโลกหากเกิดการแพร่ระบาดขั้นร้ายแรง

ชินโด ระบุว่า การผลิตยาเพิ่มขึ้นไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง สำหรับรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เพราะการใช้ยาอย่างแพร่หลายในปริมาณมากจะทำให้เชื้อไวรัสดื้อยา ซึ่งจะทำให้โลกต้องอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิด “ ความหายนะครั้งใหญ่ ” หากเชื้อไวรัสชนิดนี้กลับมาระบาดอีกในอนาคตโดยที่เชื้อมีความรุนแรงมากกว่าเดิม

ชินโด ย้ำว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยตัวยาทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว และจากการสำรวจก็พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้เองหากได้รับการดูแลที่เหมาะสม เช่น ให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการดูแลไม่ให้ร่างกายผู้ป่วยขาดน้ำ นอกจากนั้น การที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่ต้องเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องจ่ายยาทามิฟลู หรือ ยาเรเลนซา ให้กับผู้ติดเชื้อทุกราย

โดยชินโดแนะว่า วิธีการที่ดีที่สุดในการรับมือกับการระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสชนิดนี้ คือ การเร่งเดินหน้าพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถรับมือกับเชื้อไวรัสที่มีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ใช่การเร่งผลิตยาต้านไวรัสอย่างในขณะนี้

นอกจากนั้น ชินโด ยังเปิดเผยว่า ประเทศต่างๆ ในยุโรป มีแนวโน้มที่จะใช้ยาต้านไวรัสอย่างกว้างขวางและเกินความจำเป็น ซึ่งแตกต่างกับในสหรัฐฯ และเม็กซิโก ที่มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นจำนวนมากกว่าในยุโรปหลายเท่า แต่กลับมีการจ่ายยาต้านไวรัสอย่างเหมาะสม คือ มีการใช้ยาดังกล่าวเฉพาะกับผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงเท่านั้น

** ซีดีซีระบุ หวัดพันธุ์ใหม่มีแนวโน้มกลายพันธุ์ พร้อมชี้ คนท้อง เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมากที่สุด

ดร. แอนน์ ชิวแชท แห่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ออกมาระบุว่า ผลการศึกษาในเบื้องต้นของซีดีซีพบว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีแนวโน้มที่จะกลายพันธุ์สูง และมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการผสมกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ ในหมู รวมทั้ง เชื้อไข้หวัดในสัตว์ปีก ซึ่งจะทำให้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มีความรุนแรงและเป็นอันตรายต่อมนุษย์มากขึ้นหากเกิดการระบาดระลอกใหม่ในอนาคต

ขณะเดียวกัน ชิวแชท ยังเปิดเผยว่า จากการศึกษาของซีดีซีพบว่า สตรีที่ตั้งครรภ์ถือเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และถือเป็นกลุ่มบุคคลที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันทีทันใดหากติดเชื้อ เนื่องจากร่างกายมีสภาวะที่เปราะบางต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้มากที่สุด

โดยชิวแชทเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ กำลังศึกษากรณีที่มีรายงานว่า พบผู้หญิงตั้งครรภ์ประมาณ 20 รายติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ในสหรัฐฯ จากการระบาดในรอบนี้

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ล่าสุดที่ได้รับการยืนยันแล้ว ได้เพิ่มจำนวนเป็น 3,009 ราย ใน 45 มลรัฐ และยังมีผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีกประมาณ 600 รายด้วยกัน

** ยอดผู้ติดเชื้อหวัดพันธุ์ใหม่ทั่วโลกใกล้ถึง 6,000 รายแล้ว

องค์การอนามัยโลกแถลงที่เมืองเจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้ (12) โดยยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกว่ามีทั้งสิ้น 5,728 ราย ใน 33 ประเทศ กับอีก 1 เขตปกครองพิเศษ ได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน นิวซีแลนด์ อิสราเอล อิตาลี บราซิล เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เอลซัลวาดอร์ ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ โคลอมเบีย คอสตาริกา เดนมาร์ก กัวเตมาลา ไอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สวีเดน อาร์เจนตินา ปานามา นอร์เวย์ ออสเตรเลีย จีน คิวบา ฟินแลนด์ ไทย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ล่าสุด มี 61 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิตในเม็กซิโก 56 ราย ในสหรัฐฯ 3 ราย ในคอสตาริกาและแคนาดาอีกประเทศละ 1 ราย

** หวัดพันธุ์ใหม่ระบาดถึงขั้วโลกเหนือแล้ว

รายงานข่าวล่าสุดจากแคนาดาระบุว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้แพร่ระบาดเข้าไปถึงดินแดนเหนือสุดของแคนาดา ซึ่งอยู่ติดกับบริเวณขั้วโลกเหนือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดายืนยันเมื่อวานนี้ (12) ว่า พบสตรีคนหนึ่งในดินแดนยูคอนติดเชื้อไวรัสชนิดนี้

รายงานข่าวระบุว่า สตรีคนดังกล่าว เพิ่งเดินทางกลับมาจากการไปท่องเที่ยวในเม็กซิโกได้กลายเป็นผู้ติดติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เป็นรายแรกของดินแดนยูคอนของแคนาดา ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ติดกับขั้วโลกเหนือและมลรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ

ทางการแคนาดารายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอีก 28 ราย ส่งผลให้ในขณะนี้แคนาดามียอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั้งสิ้น 358 คน โดยมีเพียงรัฐนิวฟันด์แลนด์ เท่านั้นที่ยังไม่พบการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
กำลังโหลดความคิดเห็น