รอยเตอร์ / เอเอฟพี - พบเหยื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้ว ใน 33 ประเทศ หลังจากคิวบา ฟินแลนด์ และประเทศไทย ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกของประเทศ ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุ จำนวนผู้เชื้อเชื้อมรณะทั่วโลกมี 5,251 ราย และมีผู้เสียชีวิต 61 ราย
** คิวบา ฟินแลนด์ก็พบผู้ติดเชื้อรายแรกของประเทศ
กระทรวงสาธารณสุขคิวบา แถลงเมื่อวันจันทร์ (11) ว่า ตรวจพบนักศึกษาชายชาวเม็กซิกันติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ซึ่งถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นครั้งแรกในคิวบา
รายงานข่าวระบุว่า นักศึกษาชายคนดังกล่าว เป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาชาวเม็กซิกัน 14 คน ที่เข้าไปศึกษาในกรุงฮาวานา ของคิวบา โดยนักศึกษากลุ่มนี้เดินทางเข้าคิวบาเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา และถูกเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดหลังพบว่าหนึ่งในนั้นมีอาการไข้
อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของคิวบา รายงานว่า นักศึกษาทั้งหมดมีสุขภาพดี มีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
ขณะเดียวกัน ยูฮานี เอสโคลา รองผู้อำนวยการใหญ่สถาบันสุขภาพและสวัสดิการแห่งชาติของฟินแลนด์ได้ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ (12) โดยระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 2 รายแรกของประเทศแล้วเช่นกัน เป็นชาย 1 คนและหญิง 1 คนจากกรุงเฮลซิงกิซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาถึงฟินแลนด์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากไปท่องเที่ยวในเม็กซิโกราว 2 สัปดาห์
การออกมายืนยันของทางการคิวบา ฟินแลนด์ รวมทั้งไทย ทำให้ล่าสุดมี 33 ประเทศกับอีก 1 เขตปกครองพิเศษ ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้ว ได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน นิวซีแลนด์ อิสราเอล อิตาลี บราซิล เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เอลซัลวาดอร์ ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ โคลอมเบีย คอสตาริกา เดนมาร์ก กัวเตมาลา ไอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สวีเดน อาร์เจนตินา ปานามา นอร์เวย์ ออสเตรเลีย จีน คิวบา ฟินแลนด์ ไทย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วทั่วโลกมีทั้งสิ้น 5,251 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตทั่วโลกได้เพิ่มเป็น 61 ราย
** ซีดีซี ชี้อาจพบผู้ติดเชื้อถึง 3,300 รายในสหรัฐฯเร็วๆนี้
ดร. แอนน์ ชิวแชท จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ออกมาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (11) โดยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009ในสหรัฐฯ อาจเพิ่มเป็น 3,300 ราย ในเร็วๆนี้
โดยในขณะนี้ มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ในสหรัฐฯแล้วทั้งสิ้นประมาณ 2,600 รายใน 43 มลรัฐทั่วสหรัฐฯ รวมทั้งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยในจำนวนนั้น 2 รายเสียชีวิตในมลรัฐเทกซัส
อย่างไรก็ตาม ชิวแชท เปิดเผยว่า ยังมีผู้ต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสดังกล่าวอีกประมาณ 700 รายที่กำลังรอผลการตรวจ และหากคนกลุ่มนี้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ ก็จะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 3,300 รายทันที และจำนวนมลรัฐที่พบผู้ติดเชื้อก็จะเพิ่มเป็น 46 มลรัฐด้วยเช่นกัน
** แคนาดาพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 40 ราย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดา ยืนยัน พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 40 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มเป็น 331 ราย
รัฐออนแทรีโอ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของแคนาดา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 34 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดของรัฐนี้อยู่ทั้งสิ้น 110 ราย นับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดในพื้นที่
รายงานข่าวระบุว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 6 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อ 2 ราย ในรัฐควิเบก และ 3 รายในรัฐแอลเบอร์ตา ส่วนอีก 1 รายยังไม่มีการเปิดเผยว่าอาศัยอยู่ในรัฐใด ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในแคนาดายังคงอยู่ที่ 1 คน
** อนามัยโลกยันหวัดพันธุ์ใหม่ยังไม่เข้าข่ายโรคระบาดร้ายแรง
เคอิจิ ฟูกุดะ รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ออกมาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (11) โดยระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่ประเทศต่างๆ จะสรุปว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ชะลอตัวลงแล้ว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดมีทั้งสิ้น 5,251 รายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฟูกุดะ ย้ำว่า องค์การอนามัยโลกยังมองไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยจากระดับ 5 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นการเตือนภัยขั้นสูงสุด เนื่องจากยังไม่พบการระบาดจากคนสู่คนนอกทวีปอเมริกาเหนือแต่อย่างใด มีแต่รายงานการพบผู้ติดเชื้ออย่างประปรายในประเทศต่างๆ เท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะเพิ่มระดับการเตือนภัยในขณะนี้
ฟูกุดะ ระบุว่า องค์การอนามัยโลกกำลังเฝ้าจับตา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างใกล้ชิดแบบวันต่อวัน พร้อมย้ำว่า การดำเนินการใดๆ ขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในประเทศต่างๆ ตามที่ถูกวิจารณ์แต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและเข้าใจถึงวิธีการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อเท่านั้น
**นักวิจัยจุฬาฯทดลองเชื้อหวัดกับลูกหมู
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวานนี้ว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ไทยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการทดลองให้พวกลูกหมูเกิดใหม่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ปรากฏว่าลูกหมูเหล่านี้แสดงอาการ ไอ, จาม, น้ำมูกไหล และตาแดง ภายในเวลา 4 วันนับแต่ได้รับเชื้อ
อย่างไรก็ดี ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช แห่งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้นำในการวิจัยคราวนี้กล่าวว่า ลูกหมูเหล่านี้ซึ่งขณะนี้อายุ 22 วันแล้ว ไม่มีตัวไหนเสียชีวิตเลย นอกจากนั้นจากการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ไวรัสนี้จะอยู่ในบริเวณทางเดินหายใจเท่านั้น ไม่พบว่ามีอยู่ในเลือดหรือเนื้อเยื่อ
ดร.รุ่งโรจน์บอกว่า การศึกษาวิจัยคราวนี้ยังมีประโยชน์ในการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ของไวรัสตัวนี้
** “ โรช ” มอบทามิฟลู 5.65 ล้านชุดให้อนามัยโลก
เซเวริน ชวาน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท เอฟ. ฮอฟฟ์มันน์- ลา โรช หรือ “ โรช ” บริษัทผู้ผลิตยาชื่อดังของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกมาแถลงที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองบาเซิล เมื่อวานนี้ (12) โดยยืนยันว่าจะบริจาคยาต้านไวรัสทามิฟลู จำนวน 5.65 ล้านชุด ให้กับองค์การอนามัยโลก เพื่อไว้ใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
โดย ชวาน ระบุว่า ยาทามิฟลู 5.65 ล้านชุด ที่บริษัทโรชจะมอบให้องค์การอนามัยโลกนั้น ในจำนวนนี้ 2 ล้านชุดจะเก็บไว้ที่องค์การอนามัยโลก ส่วนอีก 3 ล้านชุดจะเก็บไว้ที่บริษัทโรช แต่เก็บไว้ในนามขององค์การอนามัยโลก ส่วนอีก 650,000 ชุด ที่เหลือนั้น ชวาน ระบุว่า จะเป็นยาทามิฟลูขนาดเล็ก ซึ่งจะเก็บไว้เป็นคลังยาสำรองสำหรับรักษาเด็กที่ติดเชื้อ
คำแถลงของประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของโรชในครั้งนี้ ยังระบุว่า ทางบริษัทจะเพิ่มปริมาณการผลิตยาต้านไวรัสอีกประมาณ 110 ล้านชุด ภายในระยะเวลา 5 เดือนนับจากนี้ด้วยเช่นกัน
** ท่องเที่ยวเม็กซิโกเสียหาย 4 พันล้านดอลลาร์จากหวัดพันธุ์ใหม่
โรดอลโฟ เอลิซอนโด ตอร์เรส รัฐมนตรีท่องเที่ยวเม็กซิโก เปิดเผยเมื่อวานนี้ (12) โดยระบุว่า เม็กซิโกต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 144,000 ล้านบาทจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังจากที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกพากันยกเลิกการเดินทางมายังสถานตากอากาศ และเมืองท่องเที่ยวหลายแห่งของเม็กซิโก เพราะกลัวติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ดังกล่าว
รัฐมนตรีท่องเที่ยวของเม็กซิโกระบุว่า เงินรายได้จากการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้สำคัญของเม็กซิโก เช่นเดียวกับการส่งออกน้ำมัน และเงินโอนจากบรรดาแรงงานชาวเม็กซิกันที่ไปทำงานในต่างประเทศ โดยเมื่อปีที่แล้ว เม็กซิโกมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 23 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 468,000 ล้านบาท
เอลิซอนโด ระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในครั้งนี้ ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่เม็กซิโกอย่างมาก แต่รัฐบาลเม็กซิโกจะทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ โดยคาดว่าน่าจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้
ขณะที่ อกุสติน การ์สเตนส์ รัฐมนตรีคลังเม็กซิโก ออกมาประกาศแผนให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นวงเงิน 830 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 28,000 ล้านบาท เมื่อวานนี้ (12) โดยเงินจำนวนดังกล่าวจะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อม รวมทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่างสายการบิน อุตสาหกรรมบันเทิง และอุตสาหกรรมเนื้อหมู ด้วยเช่นกัน
** คิวบา ฟินแลนด์ก็พบผู้ติดเชื้อรายแรกของประเทศ
กระทรวงสาธารณสุขคิวบา แถลงเมื่อวันจันทร์ (11) ว่า ตรวจพบนักศึกษาชายชาวเม็กซิกันติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ซึ่งถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นครั้งแรกในคิวบา
รายงานข่าวระบุว่า นักศึกษาชายคนดังกล่าว เป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาชาวเม็กซิกัน 14 คน ที่เข้าไปศึกษาในกรุงฮาวานา ของคิวบา โดยนักศึกษากลุ่มนี้เดินทางเข้าคิวบาเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา และถูกเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดหลังพบว่าหนึ่งในนั้นมีอาการไข้
อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของคิวบา รายงานว่า นักศึกษาทั้งหมดมีสุขภาพดี มีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
ขณะเดียวกัน ยูฮานี เอสโคลา รองผู้อำนวยการใหญ่สถาบันสุขภาพและสวัสดิการแห่งชาติของฟินแลนด์ได้ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ (12) โดยระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 2 รายแรกของประเทศแล้วเช่นกัน เป็นชาย 1 คนและหญิง 1 คนจากกรุงเฮลซิงกิซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาถึงฟินแลนด์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากไปท่องเที่ยวในเม็กซิโกราว 2 สัปดาห์
การออกมายืนยันของทางการคิวบา ฟินแลนด์ รวมทั้งไทย ทำให้ล่าสุดมี 33 ประเทศกับอีก 1 เขตปกครองพิเศษ ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้ว ได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน นิวซีแลนด์ อิสราเอล อิตาลี บราซิล เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เอลซัลวาดอร์ ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ โคลอมเบีย คอสตาริกา เดนมาร์ก กัวเตมาลา ไอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สวีเดน อาร์เจนตินา ปานามา นอร์เวย์ ออสเตรเลีย จีน คิวบา ฟินแลนด์ ไทย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วทั่วโลกมีทั้งสิ้น 5,251 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตทั่วโลกได้เพิ่มเป็น 61 ราย
** ซีดีซี ชี้อาจพบผู้ติดเชื้อถึง 3,300 รายในสหรัฐฯเร็วๆนี้
ดร. แอนน์ ชิวแชท จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ออกมาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (11) โดยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009ในสหรัฐฯ อาจเพิ่มเป็น 3,300 ราย ในเร็วๆนี้
โดยในขณะนี้ มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ในสหรัฐฯแล้วทั้งสิ้นประมาณ 2,600 รายใน 43 มลรัฐทั่วสหรัฐฯ รวมทั้งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยในจำนวนนั้น 2 รายเสียชีวิตในมลรัฐเทกซัส
อย่างไรก็ตาม ชิวแชท เปิดเผยว่า ยังมีผู้ต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสดังกล่าวอีกประมาณ 700 รายที่กำลังรอผลการตรวจ และหากคนกลุ่มนี้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ ก็จะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 3,300 รายทันที และจำนวนมลรัฐที่พบผู้ติดเชื้อก็จะเพิ่มเป็น 46 มลรัฐด้วยเช่นกัน
** แคนาดาพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 40 ราย
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดา ยืนยัน พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 40 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มเป็น 331 ราย
รัฐออนแทรีโอ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของแคนาดา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 34 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดของรัฐนี้อยู่ทั้งสิ้น 110 ราย นับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดในพื้นที่
รายงานข่าวระบุว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 6 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อ 2 ราย ในรัฐควิเบก และ 3 รายในรัฐแอลเบอร์ตา ส่วนอีก 1 รายยังไม่มีการเปิดเผยว่าอาศัยอยู่ในรัฐใด ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในแคนาดายังคงอยู่ที่ 1 คน
** อนามัยโลกยันหวัดพันธุ์ใหม่ยังไม่เข้าข่ายโรคระบาดร้ายแรง
เคอิจิ ฟูกุดะ รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ออกมาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (11) โดยระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่ประเทศต่างๆ จะสรุปว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ชะลอตัวลงแล้ว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดมีทั้งสิ้น 5,251 รายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฟูกุดะ ย้ำว่า องค์การอนามัยโลกยังมองไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องประกาศเพิ่มระดับเตือนภัยจากระดับ 5 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นการเตือนภัยขั้นสูงสุด เนื่องจากยังไม่พบการระบาดจากคนสู่คนนอกทวีปอเมริกาเหนือแต่อย่างใด มีแต่รายงานการพบผู้ติดเชื้ออย่างประปรายในประเทศต่างๆ เท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะเพิ่มระดับการเตือนภัยในขณะนี้
ฟูกุดะ ระบุว่า องค์การอนามัยโลกกำลังเฝ้าจับตา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างใกล้ชิดแบบวันต่อวัน พร้อมย้ำว่า การดำเนินการใดๆ ขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในประเทศต่างๆ ตามที่ถูกวิจารณ์แต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและเข้าใจถึงวิธีการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อเท่านั้น
**นักวิจัยจุฬาฯทดลองเชื้อหวัดกับลูกหมู
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวานนี้ว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ไทยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการทดลองให้พวกลูกหมูเกิดใหม่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ปรากฏว่าลูกหมูเหล่านี้แสดงอาการ ไอ, จาม, น้ำมูกไหล และตาแดง ภายในเวลา 4 วันนับแต่ได้รับเชื้อ
อย่างไรก็ดี ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช แห่งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้นำในการวิจัยคราวนี้กล่าวว่า ลูกหมูเหล่านี้ซึ่งขณะนี้อายุ 22 วันแล้ว ไม่มีตัวไหนเสียชีวิตเลย นอกจากนั้นจากการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ไวรัสนี้จะอยู่ในบริเวณทางเดินหายใจเท่านั้น ไม่พบว่ามีอยู่ในเลือดหรือเนื้อเยื่อ
ดร.รุ่งโรจน์บอกว่า การศึกษาวิจัยคราวนี้ยังมีประโยชน์ในการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ของไวรัสตัวนี้
** “ โรช ” มอบทามิฟลู 5.65 ล้านชุดให้อนามัยโลก
เซเวริน ชวาน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท เอฟ. ฮอฟฟ์มันน์- ลา โรช หรือ “ โรช ” บริษัทผู้ผลิตยาชื่อดังของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกมาแถลงที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองบาเซิล เมื่อวานนี้ (12) โดยยืนยันว่าจะบริจาคยาต้านไวรัสทามิฟลู จำนวน 5.65 ล้านชุด ให้กับองค์การอนามัยโลก เพื่อไว้ใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
โดย ชวาน ระบุว่า ยาทามิฟลู 5.65 ล้านชุด ที่บริษัทโรชจะมอบให้องค์การอนามัยโลกนั้น ในจำนวนนี้ 2 ล้านชุดจะเก็บไว้ที่องค์การอนามัยโลก ส่วนอีก 3 ล้านชุดจะเก็บไว้ที่บริษัทโรช แต่เก็บไว้ในนามขององค์การอนามัยโลก ส่วนอีก 650,000 ชุด ที่เหลือนั้น ชวาน ระบุว่า จะเป็นยาทามิฟลูขนาดเล็ก ซึ่งจะเก็บไว้เป็นคลังยาสำรองสำหรับรักษาเด็กที่ติดเชื้อ
คำแถลงของประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของโรชในครั้งนี้ ยังระบุว่า ทางบริษัทจะเพิ่มปริมาณการผลิตยาต้านไวรัสอีกประมาณ 110 ล้านชุด ภายในระยะเวลา 5 เดือนนับจากนี้ด้วยเช่นกัน
** ท่องเที่ยวเม็กซิโกเสียหาย 4 พันล้านดอลลาร์จากหวัดพันธุ์ใหม่
โรดอลโฟ เอลิซอนโด ตอร์เรส รัฐมนตรีท่องเที่ยวเม็กซิโก เปิดเผยเมื่อวานนี้ (12) โดยระบุว่า เม็กซิโกต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 144,000 ล้านบาทจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังจากที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกพากันยกเลิกการเดินทางมายังสถานตากอากาศ และเมืองท่องเที่ยวหลายแห่งของเม็กซิโก เพราะกลัวติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ดังกล่าว
รัฐมนตรีท่องเที่ยวของเม็กซิโกระบุว่า เงินรายได้จากการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้สำคัญของเม็กซิโก เช่นเดียวกับการส่งออกน้ำมัน และเงินโอนจากบรรดาแรงงานชาวเม็กซิกันที่ไปทำงานในต่างประเทศ โดยเมื่อปีที่แล้ว เม็กซิโกมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 23 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 468,000 ล้านบาท
เอลิซอนโด ระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในครั้งนี้ ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่เม็กซิโกอย่างมาก แต่รัฐบาลเม็กซิโกจะทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ โดยคาดว่าน่าจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้
ขณะที่ อกุสติน การ์สเตนส์ รัฐมนตรีคลังเม็กซิโก ออกมาประกาศแผนให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นวงเงิน 830 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 28,000 ล้านบาท เมื่อวานนี้ (12) โดยเงินจำนวนดังกล่าวจะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อม รวมทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่างสายการบิน อุตสาหกรรมบันเทิง และอุตสาหกรรมเนื้อหมู ด้วยเช่นกัน