โครงการเช่ารถประจำทางปรับอากาศใช้ระบบเชื้อเพลิงเอ็นจีวี จำนวน 4,000 คัน วงเงิน 69,788 ล้านบาท ระยะเวลา10ปี ภายใต้การนำเสนอของ โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม “เด็กในคาถา” ของ เนวิน ชิดชอบ พี่ใหญ่ในภูมิใจไทย เกิดสะดุดอีกครั้ง
ที่ล่าสุดได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ก็ถูกนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตีกลับโดยให้คณะทำงานชุดของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการชุดพิเศษไปทบทวนใหม่ เรื่องที่กระทรวงคมนาคมยังมีประเด็นที่เห็นไม่ตรงกับคณะทำงานของ พล.ต.สนั่น ในตัวเลขบางส่วน อาทิ ต้องมีการประกอบในประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ70 % เรื่องการคำนวณหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องค่าซ่อมรถ พร้อมกับให้ไปศึกษาเปรียบเทียบราคาค่าเช่ารถ
เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่า กรอบวงเงินค่าเช่าล่าสุด 4,780 บาท ต่อคันต่อวัน ยังสูงเกินไป ซึ่งทางกระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ จะต้องร่วมกันพิจารณาก่อนที่จะนำมาเสนอให้ทางคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
จึงเกิดปรากฏการณ์รถเมล์เบรกแตกซ้ำสอง คาที่ประชุมครม.!
โดยโครงการเช่ารถเมล์นั้น กลุ่มเนวิน มีความพยายามที่จะให้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี จะถูกมติคณะรัฐมนตรีเหยียบเบรก จนหัวทิ่มไม่เป็นท่า ก่อนหน้านี้ปรากฏการณ์เหยียบเบรกรถเมล์ครั้งแรก เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยกระทรวงคมนาคม ที่มี ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ลูกพี่ลูกน้อง เนวิน ชิดชอบ กำกับดูแลในขณะนั้น เสนอให้เช่ารถเมล์จำนวน 6,000 คัน มูลค่า111,690 ล้านบาท ต่อมาเกิดปัญหามีความเห็นขัดแย้งกันในที่ประชุมครม. นายสมัคร จึงแต่งตั้ง พล.ต.สนั่น ให้ไปเป็นประธานพิจารณาและต่อมามีผลสรุปให้ลดปริมาณลงเหลือ 4,000 คัน และถูกหั่นลดจำนวนเงินลงกว่าครึ่ง
จากนั้น นโยบายนี้ได้เงียบหายไปช่วงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เนื่องจากส่งกลิ่นไม่ดี ในเรื่องการทุจริต มีการล็อกสเปก และเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกอย่างโจ่งแจ้ง แต่โครงการนี้ก็กลับมาอีกครั้ง ในรัฐบาลชุดนี้ที่เป็นโควต้าของฝั่งภูมิใจไทย ยังคงกุมอำนาจคับกระทรวงอยู่ในปัจจุบัน
แต่การกลับมาใหม่โครงการนี้ก็ยังส่อกลิ่นที่ไม่ดีขึ้นอีก เมื่อนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ผอ.ขสมก.) ที่ต้องสวมบทรายงานหลักการต่างๆ ของโครงการเช่ารถเมล์ 4000 คัน ต่อคณะรัฐมนตรี ได้ยื่นใบลาป่วยเป็นเวลา 1เดือน ซึ่งปมสำคัญนี้ ว่ากันว่า นายพิเณศวร์ แข็งข้อไม่ทำตามใบสั่งการเมือง จึงถูกบีบให้พ้นที่พ้นทาง
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการ ขสมก.ก็ได้แต่งตั้ง นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีขนส่งทางบก ( ขบ.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ให้รักษาการผอ.ขสมก. แทนแล้ว
การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ถือเป็นการหักด่านกลุ่มเพื่อนเนวินอีกครั้งหนึ่ง ที่ก่อนหน้านี้ได้เคยยับยั้งโครงการถนนปลอดฝุ่น วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท มาแล้ว
นัยยะหนึ่งอาจจะต้องการกลบกระแส 2 มาตรฐาน ที่ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุดขึ้นมา หลังจากอกหักจากโครงการรับจำนำข้าวโพด จำนวน 4.4 แสนตัน ที่ถูกนายอภิสิทธิ์ เบรกไว้ก่อนหน้านี้ จนเกิดกระแสรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล ร้อนถึงนายกฯ ต้องนัดพบแกนนำพรรคร่วมเพื่อเคลียร์ใจในเวลาต่อมา
ปรากฏการณ์ เจาะยางรถเมล์ เอ็นจีวี 4,000 คัน ภาค 2 ที่เกิดขึ้นอาจสร้างความไม่พอใจให้กับ “เนวินแอนด์เดอะแก๊ง” พอสมควร แต่สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่กระแส กระสุน ยังไม่พร้อมในการทำศึกเลือกตั้ง ทางภูมิใจไทย คงไม่อยากทำตัวมีปัญหากับทางรัฐบาลมากนัก
โครงการเช่ารถเมล์ 4000 คัน ในครั้งนี้ แม้จะเป็นแค่การยื้อเวลาออกไปก็ตามที แต่บางครั้งก็สะท้อนให้เห็น คำว่า “เรียบร้อยโรงเรียนเนวิน” ก็ไม่ได้มาง่ายๆ เสมอไป
ที่ล่าสุดได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ก็ถูกนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตีกลับโดยให้คณะทำงานชุดของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการชุดพิเศษไปทบทวนใหม่ เรื่องที่กระทรวงคมนาคมยังมีประเด็นที่เห็นไม่ตรงกับคณะทำงานของ พล.ต.สนั่น ในตัวเลขบางส่วน อาทิ ต้องมีการประกอบในประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ70 % เรื่องการคำนวณหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องค่าซ่อมรถ พร้อมกับให้ไปศึกษาเปรียบเทียบราคาค่าเช่ารถ
เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่า กรอบวงเงินค่าเช่าล่าสุด 4,780 บาท ต่อคันต่อวัน ยังสูงเกินไป ซึ่งทางกระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ จะต้องร่วมกันพิจารณาก่อนที่จะนำมาเสนอให้ทางคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
จึงเกิดปรากฏการณ์รถเมล์เบรกแตกซ้ำสอง คาที่ประชุมครม.!
โดยโครงการเช่ารถเมล์นั้น กลุ่มเนวิน มีความพยายามที่จะให้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี จะถูกมติคณะรัฐมนตรีเหยียบเบรก จนหัวทิ่มไม่เป็นท่า ก่อนหน้านี้ปรากฏการณ์เหยียบเบรกรถเมล์ครั้งแรก เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยกระทรวงคมนาคม ที่มี ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ลูกพี่ลูกน้อง เนวิน ชิดชอบ กำกับดูแลในขณะนั้น เสนอให้เช่ารถเมล์จำนวน 6,000 คัน มูลค่า111,690 ล้านบาท ต่อมาเกิดปัญหามีความเห็นขัดแย้งกันในที่ประชุมครม. นายสมัคร จึงแต่งตั้ง พล.ต.สนั่น ให้ไปเป็นประธานพิจารณาและต่อมามีผลสรุปให้ลดปริมาณลงเหลือ 4,000 คัน และถูกหั่นลดจำนวนเงินลงกว่าครึ่ง
จากนั้น นโยบายนี้ได้เงียบหายไปช่วงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เนื่องจากส่งกลิ่นไม่ดี ในเรื่องการทุจริต มีการล็อกสเปก และเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกอย่างโจ่งแจ้ง แต่โครงการนี้ก็กลับมาอีกครั้ง ในรัฐบาลชุดนี้ที่เป็นโควต้าของฝั่งภูมิใจไทย ยังคงกุมอำนาจคับกระทรวงอยู่ในปัจจุบัน
แต่การกลับมาใหม่โครงการนี้ก็ยังส่อกลิ่นที่ไม่ดีขึ้นอีก เมื่อนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ผอ.ขสมก.) ที่ต้องสวมบทรายงานหลักการต่างๆ ของโครงการเช่ารถเมล์ 4000 คัน ต่อคณะรัฐมนตรี ได้ยื่นใบลาป่วยเป็นเวลา 1เดือน ซึ่งปมสำคัญนี้ ว่ากันว่า นายพิเณศวร์ แข็งข้อไม่ทำตามใบสั่งการเมือง จึงถูกบีบให้พ้นที่พ้นทาง
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการ ขสมก.ก็ได้แต่งตั้ง นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีขนส่งทางบก ( ขบ.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ให้รักษาการผอ.ขสมก. แทนแล้ว
การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ถือเป็นการหักด่านกลุ่มเพื่อนเนวินอีกครั้งหนึ่ง ที่ก่อนหน้านี้ได้เคยยับยั้งโครงการถนนปลอดฝุ่น วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท มาแล้ว
นัยยะหนึ่งอาจจะต้องการกลบกระแส 2 มาตรฐาน ที่ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุดขึ้นมา หลังจากอกหักจากโครงการรับจำนำข้าวโพด จำนวน 4.4 แสนตัน ที่ถูกนายอภิสิทธิ์ เบรกไว้ก่อนหน้านี้ จนเกิดกระแสรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล ร้อนถึงนายกฯ ต้องนัดพบแกนนำพรรคร่วมเพื่อเคลียร์ใจในเวลาต่อมา
ปรากฏการณ์ เจาะยางรถเมล์ เอ็นจีวี 4,000 คัน ภาค 2 ที่เกิดขึ้นอาจสร้างความไม่พอใจให้กับ “เนวินแอนด์เดอะแก๊ง” พอสมควร แต่สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่กระแส กระสุน ยังไม่พร้อมในการทำศึกเลือกตั้ง ทางภูมิใจไทย คงไม่อยากทำตัวมีปัญหากับทางรัฐบาลมากนัก
โครงการเช่ารถเมล์ 4000 คัน ในครั้งนี้ แม้จะเป็นแค่การยื้อเวลาออกไปก็ตามที แต่บางครั้งก็สะท้อนให้เห็น คำว่า “เรียบร้อยโรงเรียนเนวิน” ก็ไม่ได้มาง่ายๆ เสมอไป