อยู่ๆ คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ก็ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะเรื่องที่แกแสดงออกคราวนี้ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องที่พวก “เสื้อแดง” จะเห็นพ้องกับแกด้วยหรือไม่
โดยคุณจาตุรนต์พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่าการสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น อย่าไปต่อสู้เพื่อให้ประโยชน์กับคนคนเดียว ซึ่งก็หมายความตรงตัวไปที่คุณทักษิณนั่นแหละครับ
คือคุณจาตุรนต์แกมองว่า เรื่องคุณทักษิณเวลานี้ก็ต้องให้ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
และแกเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรฯ หรือกับทหารนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา
อย่าลืมว่าคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นั้นเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญมายาวนานพอสมควร และก็เคยเป็นผู้นำนักศึกษามาก่อน มีเส้นสายเยอะแยะ
แกเปิดแถลงข่าวที่โรงแรมอิมพีเรียลธารา และมิตรสหายของแกก็พร้อมหน้าพร้อมตา ล้วนเป็นคนสำคัญของพรรคมาก่อน เช่น คุณเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์, นิกร จำนง, อดิศร เพียงเกษ, ศันสนีย์ นาคพงศ์, ชูศักดิ์ ศิรินิล ฯลฯ ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นคนสำคัญ บางคนเป็นถึงที่ปรึกษาส่วนตัวของอดีตนายกฯ ทักษิณ
ทำไมจาตุรนต์จึงอยากให้พวกเสื้อแดง ถอยออกมาจากทักษิณ
นี่เป็นยุทธวิธีหรือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ในการต่อสู้กันแน่
จริงอยู่เรื่องนี้อาจจะใหม่
แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องน่าคิด
ที่น่าคิดก็คือเรื่องเงินสนับสนุน
อย่าลืมว่าการเคลื่อนไหวโดยจะให้มีคนมาร่วมชุมนุมกันมากๆ นั้น มันก็มีเงินทุกครั้ง เงินมาจากใคร ถ้าไม่ใช่มาจากทักษิณ
แม้ว่าเงินที่ได้มานั้นแกนนำจะใช้ระบบ “กรรมการครึ่งนึง-วัดครึ่งนึง” แต่คนก็มากันมาก
ทักษิณก็ดีใจ โฟนอินอย่างคึกคัก
ถือว่าแค่โทร.มาหาม็อบก็บรรลุจุดประสงค์แล้ว
จริงอยู่ที่ผมนั้นไม่บังอาจไปแนะนำอะไรกับคุณจาตุรนต์ได้ด้วยเหตุผลที่ว่า เราคิดแตกต่าง และส่วนตัวแม้จะนิยมตัวคุณจาตุรนต์ แต่ผมไม่ได้นิยมคุณทักษิณที่คุณจาตุรนต์เป็นลูกน้อง
แม้ว่าผมไปแนะนำไม่ได้
ผมก็เห็นว่า ถ้าเสื้อแดงยอมรับการถอยห่างจากทักษิณ
และกัดฟันสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ
รวมทั้งสามารถ “ขยายแนวร่วม” ได้กว้างกว่าที่ผ่านมา
ผมก็จะดีใจด้วย
เท่ากับว่า “เสื้อแดง” ก้าวออกจากการสู้เพื่อให้คนคนเดียวได้ประโยชน์
เพราะประชาธิปไตยนั้นเป็นเรื่องของประชาชนคนข้างมาก
ถ้าเลือกเสียงส่วนน้อยเสียแล้ว
มันก็เหมือนถือหางเผด็จการนั่นแหละ
แต่ผมอยากจะเตือนคุณจาตุรนต์ว่าพวกเสื้อแดงนั้น น่าจะไม่เอาด้วยกับคุณหรอก มันเหมือนกับพวกติดยานั่นแหละ
ลองได้เสพเงินต่อเนื่องมาแล้ว
มันก็ต้องติดใจ
เสือหิวย่อมอยากกินเนื้อ โดยไม่มีวันกลายเป็นสัตว์กินหญ้าเป็นอันขาด
ดังนั้นถ้าจะคิดเปลี่ยนนโยบายจริงๆ
ผมอยากแนะคุณจาตุรนต์ว่าคุณควรเดินทางไปหารือกับนายคุณหรือคุณทักษิณเสียก่อน และควรอธิบายด้วยว่าอะไรคือเหตุผลจริงๆ
ไม่ใช่เอาแค่ยุทธวิธีหรือลูกไม้มาหลอกประชาชนตื้นๆ หรอกนะครับ
นายจาตุรนต์ยังออกความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยโยงไปว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการยึดอำนาจ หรือพูดง่ายๆ ปฏิวัติมาแล้วก็เขียนรัฐธรรมนูญ ดังนั้นอำนาจเลยใช่อยู่ที่องค์กร บุคคลส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และนิติรัฐกลายเป็นว่าไม่มีหลักนิติธรรมเลย
สำหรับสถาบันองคมนตรีนั้น นายจาตุรนต์ชี้ว่า อย่าไปดูว่าถ้าวิจารณ์องคมนตรีแล้วจะหมายถึงการไปจาบจ้วงสถาบันฯ บ้านเมืองเราจะวิกฤตไปอีกนาน
ครับ... มีหลายเรื่องที่แกพูด หลักใหญ่ใจความคือการเคลื่อนไหวจะมีต่อไป และที่ว่าวิกฤตจะมีอีกนานก็คือตราบใดที่ยังมีกลุ่มเสื้อแดงวิกฤตก็ยังคงมีอยู่นั่นเอง
พูดก็พูดเถอะ
ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทางหรือถึงจะเปลี่ยน
มันไม่ได้ช่วยให้การเมืองไทยดีขึ้น หรือเป็นประชาธิปไตยแบบที่ประชาชนต้องการเลยนี่
โดยคุณจาตุรนต์พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่าการสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น อย่าไปต่อสู้เพื่อให้ประโยชน์กับคนคนเดียว ซึ่งก็หมายความตรงตัวไปที่คุณทักษิณนั่นแหละครับ
คือคุณจาตุรนต์แกมองว่า เรื่องคุณทักษิณเวลานี้ก็ต้องให้ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
และแกเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรฯ หรือกับทหารนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา
อย่าลืมว่าคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นั้นเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญมายาวนานพอสมควร และก็เคยเป็นผู้นำนักศึกษามาก่อน มีเส้นสายเยอะแยะ
แกเปิดแถลงข่าวที่โรงแรมอิมพีเรียลธารา และมิตรสหายของแกก็พร้อมหน้าพร้อมตา ล้วนเป็นคนสำคัญของพรรคมาก่อน เช่น คุณเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์, นิกร จำนง, อดิศร เพียงเกษ, ศันสนีย์ นาคพงศ์, ชูศักดิ์ ศิรินิล ฯลฯ ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นคนสำคัญ บางคนเป็นถึงที่ปรึกษาส่วนตัวของอดีตนายกฯ ทักษิณ
ทำไมจาตุรนต์จึงอยากให้พวกเสื้อแดง ถอยออกมาจากทักษิณ
นี่เป็นยุทธวิธีหรือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ในการต่อสู้กันแน่
จริงอยู่เรื่องนี้อาจจะใหม่
แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องน่าคิด
ที่น่าคิดก็คือเรื่องเงินสนับสนุน
อย่าลืมว่าการเคลื่อนไหวโดยจะให้มีคนมาร่วมชุมนุมกันมากๆ นั้น มันก็มีเงินทุกครั้ง เงินมาจากใคร ถ้าไม่ใช่มาจากทักษิณ
แม้ว่าเงินที่ได้มานั้นแกนนำจะใช้ระบบ “กรรมการครึ่งนึง-วัดครึ่งนึง” แต่คนก็มากันมาก
ทักษิณก็ดีใจ โฟนอินอย่างคึกคัก
ถือว่าแค่โทร.มาหาม็อบก็บรรลุจุดประสงค์แล้ว
จริงอยู่ที่ผมนั้นไม่บังอาจไปแนะนำอะไรกับคุณจาตุรนต์ได้ด้วยเหตุผลที่ว่า เราคิดแตกต่าง และส่วนตัวแม้จะนิยมตัวคุณจาตุรนต์ แต่ผมไม่ได้นิยมคุณทักษิณที่คุณจาตุรนต์เป็นลูกน้อง
แม้ว่าผมไปแนะนำไม่ได้
ผมก็เห็นว่า ถ้าเสื้อแดงยอมรับการถอยห่างจากทักษิณ
และกัดฟันสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ
รวมทั้งสามารถ “ขยายแนวร่วม” ได้กว้างกว่าที่ผ่านมา
ผมก็จะดีใจด้วย
เท่ากับว่า “เสื้อแดง” ก้าวออกจากการสู้เพื่อให้คนคนเดียวได้ประโยชน์
เพราะประชาธิปไตยนั้นเป็นเรื่องของประชาชนคนข้างมาก
ถ้าเลือกเสียงส่วนน้อยเสียแล้ว
มันก็เหมือนถือหางเผด็จการนั่นแหละ
แต่ผมอยากจะเตือนคุณจาตุรนต์ว่าพวกเสื้อแดงนั้น น่าจะไม่เอาด้วยกับคุณหรอก มันเหมือนกับพวกติดยานั่นแหละ
ลองได้เสพเงินต่อเนื่องมาแล้ว
มันก็ต้องติดใจ
เสือหิวย่อมอยากกินเนื้อ โดยไม่มีวันกลายเป็นสัตว์กินหญ้าเป็นอันขาด
ดังนั้นถ้าจะคิดเปลี่ยนนโยบายจริงๆ
ผมอยากแนะคุณจาตุรนต์ว่าคุณควรเดินทางไปหารือกับนายคุณหรือคุณทักษิณเสียก่อน และควรอธิบายด้วยว่าอะไรคือเหตุผลจริงๆ
ไม่ใช่เอาแค่ยุทธวิธีหรือลูกไม้มาหลอกประชาชนตื้นๆ หรอกนะครับ
นายจาตุรนต์ยังออกความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยโยงไปว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการยึดอำนาจ หรือพูดง่ายๆ ปฏิวัติมาแล้วก็เขียนรัฐธรรมนูญ ดังนั้นอำนาจเลยใช่อยู่ที่องค์กร บุคคลส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และนิติรัฐกลายเป็นว่าไม่มีหลักนิติธรรมเลย
สำหรับสถาบันองคมนตรีนั้น นายจาตุรนต์ชี้ว่า อย่าไปดูว่าถ้าวิจารณ์องคมนตรีแล้วจะหมายถึงการไปจาบจ้วงสถาบันฯ บ้านเมืองเราจะวิกฤตไปอีกนาน
ครับ... มีหลายเรื่องที่แกพูด หลักใหญ่ใจความคือการเคลื่อนไหวจะมีต่อไป และที่ว่าวิกฤตจะมีอีกนานก็คือตราบใดที่ยังมีกลุ่มเสื้อแดงวิกฤตก็ยังคงมีอยู่นั่นเอง
พูดก็พูดเถอะ
ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทางหรือถึงจะเปลี่ยน
มันไม่ได้ช่วยให้การเมืองไทยดีขึ้น หรือเป็นประชาธิปไตยแบบที่ประชาชนต้องการเลยนี่