xs
xsm
sm
md
lg

เอ-แบท,1/X คอนเซปต์คาร์รักษ์โลกจากโตโยต้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม้จะโดนมรสุมเศรษฐกิจกระหน่ำ แต่ค่ายรถกลับยังให้ความสำคัญกับตลาดรถไทย กัดฟันทุ่มงบนำเข้านวัตกรรมยานยนต์ในอนาคต “รถต้นแบบ” หรือคอนเซ็ปคาร์ มาจัดแสดงในเวทีบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2009 หลากหลายรุ่น เช่นเดียวกับค่ายยักษ์ใหญ่โตโยต้า

เอ-แบท
ปีนี้โตโยต้าให้ความสำคัญกับรถพลังงานทางเลือก โดยขนมาทั้งรถโชว์อย่าง “พรีอุส ไฮบริด” โฉมใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รวมถึงรถต้นแบบอีก 2 รุ่น

สำหรับรุ่นแรกเป็นคอนเซปต์ปิกอัพ รุ่น เอ-แบท (A-BAT) ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน “ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2008” โดยเป็นผลงานพัฒนาและออกแบบโดย ทีเอ็มเอส แอดแวนซ์ โปรดักต์ สตราทีจี (TMS Advance Product Strategy) และ แคลตี้ (Calty) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งทีมออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากยานยนต์อเนกประสงค์ทางทหารของนาโต้ จึงทำให้เอ-แบท มีเส้นสายที่แข็งแกร่ง บึกบึน ขณะที่มิติตัวถังยาว 4,532 ม.ม. กว้าง 1,860 ม.ม. พร้อมล้ออัลลอยด์วงโตขนาด 19 นิ้ว

เอ-แบท เป็นปิกอัพไฮบริด ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบ 4 สูบ พร้อมติดตั้งแผงโซลาเซลล์บนคอนโซลด้านหน้า เพื่อใช้เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานป้อนให้กับอุปกรณ์ต่างๆภายในรถ อาทิ จอมอนิเตอร์แสดงผลระบบนำทาง และความบันเทิง รวมถึงระบบอินเตอร์เน็ตไว-ไฟ

ทีมออกแบบยังทำให้พื้นที่กระบะท้ายของเอ-แบท สามารถพลิกแพลงใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แม้จะมีพื้นที่หลักเพียง 4 ฟุต แต่ถ้าเปิดกระบะท้ายซึ่งเป็นที่เก็บกล่องอุปกรณ์พยาบาลฉุกเฉินและไฟฉายลงมาก็จะเพิ่มพื้นที่ได้อีก 2 ฟุต ขณะเดียวกันยังเพิ่มความอเนกประสงค์สูงสุดด้วยการพับผนังกั้นระหว่างห้องโดยสารกับกระบะท้าย ได้อีกด้วย




อีกรุ่นเป็นคอนเซปต์คาร์รักษ์โลกเช่นกัน และแม้จะเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ 2007 โน้น แต่ด้วยความโดดเด่นและแสดงถึงเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ โตโยต้า 1/X ยังมีความน่าสนใจและเดินสายโชว์ตัวไปแล้วทั่วโลก


1/X
โดย 1/X เป็นเก๋งคอมแพกต์ ไฮบริด ที่แสดงให้เห็นถึงนิยามใหม่ของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีน้ำหนักเบามากเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ด้วยการใช้วัตถุคาร์บอนไฟเบอร์ในโครงสร้างตัวถัง รวมถึงการลดขนาดของเสาต่างๆ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ทั้งหมดจึงส่งผลให้1/X มีน้ำหนักตัวเพียง 420 กิโลกรัม หรือคิดเป็นน้ำหนักหนึ่งในสามของพรีอุสเท่านั้น จึงทำให้ประหยัดน้ำมันกว่า พรีอุส ถึงหนึ่งเท่าตัว

ด้านการขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์แบบ FFV (Flexible fuel vehicles) ขนาด 0.5 ลิตร ถูกฝังอยู่ใต้เบาะหลังเพื่อประหยัดเนื้อที่ พร้อมรองรับเชื้อเพลิงแก็สโซฮอล์ (เบนซินผสมเอธานอล) ตั้งแต่ อี10-100 และผสานการทำงานกับพลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ที่สามารถเสียบชาร์จได้กับบ้านเรือนหรืออาคารทั่วไป ส่งผลให้รถวิ่งได้ไกลกว่า 900 กิโลเมตร เมื่อใช้พลังงานทั้งสองจนหมด



กำลังโหลดความคิดเห็น