รมว.ยุติธรรม ลุยล้างข้าราชการทุจริต เดินหน้าเอาผิดคดีโกงชาติให้สาสม เน้นสร้างระบบคุณธรรมและความเป็นธรรมในองค์กร ย้ำยังไม่คิดย้ายอธิบดีดีเอสไอในขณะนี้ แต่อนาคตดีเอสไอจะต้องไม่ดำเนินงานเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 บอกเสียใจที่หลายหน่วยงานตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อเวลา 08.30 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นวันแรก โดยมีนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะข้าราชการในกระทรวงให้การต้อนรับ
นายพีรพันธุ์ กล่าวภายหลังเข้ารับตำแหน่งว่า นโยบายเร่งด่วนคือจะดำเนินคดีการก้าวล่วงสถาบันอย่างเด็ดขาด จริงจัง และทำให้กระทรวงยุติธรรมใช้อำนาจเพื่อความเป็นธรรมแก่ประชาชนอย่างแท้จริง หลายหน่วยงานมีอำนาจมาก ต้องพร้อมในการตรวจสอบจากประชาชนตามพระบรมราโชวาทที่มอบแก่คณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะการทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย สงบสุข
ทั้งนี้ หลังการแถลงนโยบายรัฐบาลจะแก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ผลักดันกฎหมายป้องกันการทุจริต และจะเอาผิดกับข้าราชการที่ทุจริตอย่างเด็ดขาด ยกเลิกอายุความคดีทุจริต ดำเนินคดีให้สาสมที่โกงชาติโกงแผ่นดิน ต้องสร้างระบบคุณธรรมและความเป็นธรรม โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่อย่างนั้นจะสร้างความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างไร เพราะคนที่ทำผิดระเบียบวินัย หากมีเส้นสายบรรจุเข้ารับราชการใหม่ได้ จึงต้องตรวจสอบ หลายหน่วยงานยังตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง ตนเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า การแยกกระทรวงยุติธรรมออกจากศาล ตนได้เสนอด้วยตัวเอง รวมทั้งการเสนอตั้งดีเอสไอ เมื่อปี 2535 สมัยนายกฯ นายชวน หลีกภัย และนายไสว พัฒโน เป็นประธานปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม หลังเกิดอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขันธ์ เพื่อถ่วงดุลอำนาจของตำรวจ ที่ผ่านมาการใช้กฎหมายยังไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ตั้งดีเอสไอ วันนี้คนเสนอกฎหมายและคนใช้จะเป็นคนเดียวกัน ดีเอสไอจะไม่ใช่ตำรวจ 2 และยังไม่ย้ายอธิบดีดีเอสไอ ต้องให้โอกาส การทำงานต้องไม่มองว่าเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ให้ดูพฤติการณ์ความผิด พยานหลักฐาน อธิบดีดีเอสไอต้องยึดหลักนี้ เขียนหลักปฏิบัติให้ชัดเจน ไม่ให้มีการแทรกแซง ถ้าปล่อยให้ดีเอสไอเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 จะทำให้มีอำนาจไปใช้กับประชาชนถึง 2 เท่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอต้องสำนึกและมีคุณธรรมในการค้านอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะไม่ปิดกั้นคนที่เป็นตำรวจ ทหาร แต่ถ้ามาดีเอสไอยังทำเหมือนตำรวจก็อยู่ไม่ได้ จะให้แต่ละคนพิสูจน์ฝีมือในการทำงาน ในปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องร่วมมือกับ ปปง.หาคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุความไม่สงบให้ได้
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อเวลา 08.30 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นวันแรก โดยมีนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะข้าราชการในกระทรวงให้การต้อนรับ
นายพีรพันธุ์ กล่าวภายหลังเข้ารับตำแหน่งว่า นโยบายเร่งด่วนคือจะดำเนินคดีการก้าวล่วงสถาบันอย่างเด็ดขาด จริงจัง และทำให้กระทรวงยุติธรรมใช้อำนาจเพื่อความเป็นธรรมแก่ประชาชนอย่างแท้จริง หลายหน่วยงานมีอำนาจมาก ต้องพร้อมในการตรวจสอบจากประชาชนตามพระบรมราโชวาทที่มอบแก่คณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะการทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย สงบสุข
ทั้งนี้ หลังการแถลงนโยบายรัฐบาลจะแก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ผลักดันกฎหมายป้องกันการทุจริต และจะเอาผิดกับข้าราชการที่ทุจริตอย่างเด็ดขาด ยกเลิกอายุความคดีทุจริต ดำเนินคดีให้สาสมที่โกงชาติโกงแผ่นดิน ต้องสร้างระบบคุณธรรมและความเป็นธรรม โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่อย่างนั้นจะสร้างความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างไร เพราะคนที่ทำผิดระเบียบวินัย หากมีเส้นสายบรรจุเข้ารับราชการใหม่ได้ จึงต้องตรวจสอบ หลายหน่วยงานยังตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง ตนเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า การแยกกระทรวงยุติธรรมออกจากศาล ตนได้เสนอด้วยตัวเอง รวมทั้งการเสนอตั้งดีเอสไอ เมื่อปี 2535 สมัยนายกฯ นายชวน หลีกภัย และนายไสว พัฒโน เป็นประธานปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม หลังเกิดอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขันธ์ เพื่อถ่วงดุลอำนาจของตำรวจ ที่ผ่านมาการใช้กฎหมายยังไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ตั้งดีเอสไอ วันนี้คนเสนอกฎหมายและคนใช้จะเป็นคนเดียวกัน ดีเอสไอจะไม่ใช่ตำรวจ 2 และยังไม่ย้ายอธิบดีดีเอสไอ ต้องให้โอกาส การทำงานต้องไม่มองว่าเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ให้ดูพฤติการณ์ความผิด พยานหลักฐาน อธิบดีดีเอสไอต้องยึดหลักนี้ เขียนหลักปฏิบัติให้ชัดเจน ไม่ให้มีการแทรกแซง ถ้าปล่อยให้ดีเอสไอเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 จะทำให้มีอำนาจไปใช้กับประชาชนถึง 2 เท่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอต้องสำนึกและมีคุณธรรมในการค้านอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะไม่ปิดกั้นคนที่เป็นตำรวจ ทหาร แต่ถ้ามาดีเอสไอยังทำเหมือนตำรวจก็อยู่ไม่ได้ จะให้แต่ละคนพิสูจน์ฝีมือในการทำงาน ในปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องร่วมมือกับ ปปง.หาคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุความไม่สงบให้ได้