oo จะเป็นเพราะมีเป้าหมายเพื่อหวังผลทางการเมือง จ้องถล่มฝ่ายตรงข้ามให้จมดิน ก็ตามที แต่กรณี “พรรคเพื่อไทย” ออกมาโจมตีกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาลกล่าวหาในทำนองว่าระดมชาวบ้านหรือถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมาก็คือ เจตนาชี้ให้เห็นว่า “จ้าง” คนมาร่วมงานวันฉัตรมงคล การพูดแบบนี้มันไม่เหมาะสม และก็ต้องย้อนถามกลับไปว่า ต้องการกระทบชิ่งไปถึง“ใคร” หรือไม่
oo ไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ รับรู้กันอยู่แล้วว่าคนไทยผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์กันมาอย่างยาวนานแค่ไหน แม้แต่ชีวิตก็ย่อมสละได้หากมีใครคุกคามสถาบันที่เคารพเทิดทูน ดังนั้นการที่คนไทยนับแสนนับล้านทั่วประเทศ แสดงออกด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ร่วมกันจุดเทียนชัย หมายความว่า คนไทยเหล่านี้ถูกจ้างวานมากระนั้นหรือ พรรคเพื่อไทย มีเจตนาดิสเครดิตใครหรือไม่
oo อย่าคิดชุ่ยๆ เหมือนกับว่าเวลามี “ม็อบเสื้อแดง” ออกมาแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่าย ผ่านหัวคะแนน มีระบบจัดตั้งเหมือนที่เคยทำมา ดังนั้นหากคนไทยที่มีความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันฯ ก็ไม่ควรคิดเช่นนี้และพูดออกมาจากปาก ยกเว้นมีเจตนาที่“ซ่อนเร้น” บางอย่างเท่านั้น และในกรณีกระทรวงมหาดไทยหรือคนในรัฐบาลจะหาเศษหาเลย คิดจะมั่วนิ่มหรือเปล่า ก็ต้องแยกออกมาคนละกรณี อย่าตีกินเหมารวมเป็นอันขาด
ooเมื่อพูดถึงคนเสื้อแดง ก็ต้องพูดถึงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1O พ.ค.นี้ หลายฝ่ายประเมินกันแล้วว่า คงไม่มีอะไรน่าหนักใจเท่าใดนัก หลังจากต้องพลาดท่าใน “เกมโหด” เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องถอยร่น ปรับกระบวนกันยกใหญ่ ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว ดังนั้นหากมองอีกมุมหนึ่งจึงน่าจะเป็นเพียงแค่การ “สำแดงพลัง” ของ “ 3 เกลอ หัวขวด” วีระ-ณัฐวุฒิ-จตุพร เท่านั้น ต้องการเช็กกำลังดูอีกทีว่า ยังเหลือร่วมหัวจมท้ายอีกเท่าไร เพราะยังมากันเป็นกอบเป็นกำ ก็ย่อมหมายความว่า “นช.ทักษิณ” ยังปฏิเสธความสำคัญไม่ได้
oo ขณะเดียวกันถ้ามวลชนยังมาเข้าเป้า ก็ยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงกลุ่ม “ซ้ายอกหัก” ที่อาจจะเข้ามา “นำคนเสื้อแดง” ในวันข้างหน้า ต้องการให้ “นายใหญ่”ได้รู้ว่า “ไผ๋เป็นไผ๋” ก็รู้กันอยู่แล้วว่า “ยิ่งสู้ยิ่งรวย” หยั่งงี้แล้ว จะให้ปล่อยมือไปง่ายๆได้อย่างไร จริงป่าว !!
oo กลายเป็นว่า กรณี “ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล” ยิ่งพูดก็ยิ่งเปลือยตัวเองให้สังคมได้รู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร โดยเฉพาะ “เสื้อสีฟ้า” สามล้านตัวๆละ 400 บาท รวมแล้ว 1,200 ล้านบาท และการที่มีคำแถลงของกองราชเลขานุการในพระองค์ลงนามโดย “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ” รองราชเลขาฯ อธิบายว่า ในหนังสือขอพระราชทานพระราชานุญาต เพียงแค่ 2 ล้านตัว แต่กลับมาผลิตเกินมา 1 ล้านตัว นั้นเป็นเงินเท่าไหร่คิดกันเอาเอง
oo นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่รับรู้กันว่าคนไทยมีความจงรักภักดีแต่ “แม่หลวง” เพียงใด แค่บอกว่าเสื้อสีฟ้าเพื่อมหากุศล ทุกฝ่ายก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ พ่อค้าที่ขายเสื้อก็จะขายให้ราคาถูก ช่วยกันคิดช่วยกันขายเต็มที่ ราคาต้นทุนก็ถูกลงมาอีก ซึ่งก็ต้องชี้แจงให้เคลียร์ด้วย เพราะมัน “คาใจ” สังคมทุกเรื่อง และคาใจมานานแล้วด้วย
oo การที่ ท่านผู้หญิงวิระยา ยืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์จากการขายเสื้อ เมื่อปี 2547 ยังอยู่ครบไม่ได้หายไปไหน แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นมีอยู่ว่าผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้วทำไมยังไม่ทูลเกล้าฯ ถวายสักที !!
oo เป็นสัญญาณออกมาชัดเจนแล้วว่างานนี้ถึงเวลาต้อง “ล้างบาง” ผู้ว่าฯ “สีแดง” ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ ใครเป็นใครเห็นกันอยู่ แต่ที่แน่ๆ ต้องสังเวยให้ครบเซ็ต ก็คือผู้ว่าฯเมืองชล สุรพล พงษ์ทัดสิริกุล หลังจากเด้งกันมาเป็นระลอก กรณีประชุมอาเซียนที่พัทยาต้องล่ม จนขายขี้หน้าไปทั่ว แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับถูกมองเป็นคนอำนาจเก่า ชอบใส่ “เกียร์ว่าง” จับพิรุธมาหลายทีจนเข้าเค้า ก็ต้องทำใจ
oo แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ การโยกย้ายผู้ว่าฯเที่ยวนี้ หากผลออกมาตามโผที่แพลมออกมาล่วงหน้าจริง ก็ต้องบอกว่า เป็นการประสานอำนาจอย่างลงตัว ยึด “เป้าหมายร่วม” ระหว่าง ประชาธิปัตย์ ผ่านทาง สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ “เพื่อนเนวิน” เข้าตำรา ล้างแดงแล้วส่ง “น้ำเงิน” เข้าไปเสียบ นั่นแล !!
oo ไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ รับรู้กันอยู่แล้วว่าคนไทยผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์กันมาอย่างยาวนานแค่ไหน แม้แต่ชีวิตก็ย่อมสละได้หากมีใครคุกคามสถาบันที่เคารพเทิดทูน ดังนั้นการที่คนไทยนับแสนนับล้านทั่วประเทศ แสดงออกด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ร่วมกันจุดเทียนชัย หมายความว่า คนไทยเหล่านี้ถูกจ้างวานมากระนั้นหรือ พรรคเพื่อไทย มีเจตนาดิสเครดิตใครหรือไม่
oo อย่าคิดชุ่ยๆ เหมือนกับว่าเวลามี “ม็อบเสื้อแดง” ออกมาแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่าย ผ่านหัวคะแนน มีระบบจัดตั้งเหมือนที่เคยทำมา ดังนั้นหากคนไทยที่มีความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันฯ ก็ไม่ควรคิดเช่นนี้และพูดออกมาจากปาก ยกเว้นมีเจตนาที่“ซ่อนเร้น” บางอย่างเท่านั้น และในกรณีกระทรวงมหาดไทยหรือคนในรัฐบาลจะหาเศษหาเลย คิดจะมั่วนิ่มหรือเปล่า ก็ต้องแยกออกมาคนละกรณี อย่าตีกินเหมารวมเป็นอันขาด
ooเมื่อพูดถึงคนเสื้อแดง ก็ต้องพูดถึงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1O พ.ค.นี้ หลายฝ่ายประเมินกันแล้วว่า คงไม่มีอะไรน่าหนักใจเท่าใดนัก หลังจากต้องพลาดท่าใน “เกมโหด” เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องถอยร่น ปรับกระบวนกันยกใหญ่ ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว ดังนั้นหากมองอีกมุมหนึ่งจึงน่าจะเป็นเพียงแค่การ “สำแดงพลัง” ของ “ 3 เกลอ หัวขวด” วีระ-ณัฐวุฒิ-จตุพร เท่านั้น ต้องการเช็กกำลังดูอีกทีว่า ยังเหลือร่วมหัวจมท้ายอีกเท่าไร เพราะยังมากันเป็นกอบเป็นกำ ก็ย่อมหมายความว่า “นช.ทักษิณ” ยังปฏิเสธความสำคัญไม่ได้
oo ขณะเดียวกันถ้ามวลชนยังมาเข้าเป้า ก็ยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงกลุ่ม “ซ้ายอกหัก” ที่อาจจะเข้ามา “นำคนเสื้อแดง” ในวันข้างหน้า ต้องการให้ “นายใหญ่”ได้รู้ว่า “ไผ๋เป็นไผ๋” ก็รู้กันอยู่แล้วว่า “ยิ่งสู้ยิ่งรวย” หยั่งงี้แล้ว จะให้ปล่อยมือไปง่ายๆได้อย่างไร จริงป่าว !!
oo กลายเป็นว่า กรณี “ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล” ยิ่งพูดก็ยิ่งเปลือยตัวเองให้สังคมได้รู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร โดยเฉพาะ “เสื้อสีฟ้า” สามล้านตัวๆละ 400 บาท รวมแล้ว 1,200 ล้านบาท และการที่มีคำแถลงของกองราชเลขานุการในพระองค์ลงนามโดย “ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ” รองราชเลขาฯ อธิบายว่า ในหนังสือขอพระราชทานพระราชานุญาต เพียงแค่ 2 ล้านตัว แต่กลับมาผลิตเกินมา 1 ล้านตัว นั้นเป็นเงินเท่าไหร่คิดกันเอาเอง
oo นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่รับรู้กันว่าคนไทยมีความจงรักภักดีแต่ “แม่หลวง” เพียงใด แค่บอกว่าเสื้อสีฟ้าเพื่อมหากุศล ทุกฝ่ายก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ พ่อค้าที่ขายเสื้อก็จะขายให้ราคาถูก ช่วยกันคิดช่วยกันขายเต็มที่ ราคาต้นทุนก็ถูกลงมาอีก ซึ่งก็ต้องชี้แจงให้เคลียร์ด้วย เพราะมัน “คาใจ” สังคมทุกเรื่อง และคาใจมานานแล้วด้วย
oo การที่ ท่านผู้หญิงวิระยา ยืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์จากการขายเสื้อ เมื่อปี 2547 ยังอยู่ครบไม่ได้หายไปไหน แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นมีอยู่ว่าผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้วทำไมยังไม่ทูลเกล้าฯ ถวายสักที !!
oo เป็นสัญญาณออกมาชัดเจนแล้วว่างานนี้ถึงเวลาต้อง “ล้างบาง” ผู้ว่าฯ “สีแดง” ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ ใครเป็นใครเห็นกันอยู่ แต่ที่แน่ๆ ต้องสังเวยให้ครบเซ็ต ก็คือผู้ว่าฯเมืองชล สุรพล พงษ์ทัดสิริกุล หลังจากเด้งกันมาเป็นระลอก กรณีประชุมอาเซียนที่พัทยาต้องล่ม จนขายขี้หน้าไปทั่ว แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับถูกมองเป็นคนอำนาจเก่า ชอบใส่ “เกียร์ว่าง” จับพิรุธมาหลายทีจนเข้าเค้า ก็ต้องทำใจ
oo แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ การโยกย้ายผู้ว่าฯเที่ยวนี้ หากผลออกมาตามโผที่แพลมออกมาล่วงหน้าจริง ก็ต้องบอกว่า เป็นการประสานอำนาจอย่างลงตัว ยึด “เป้าหมายร่วม” ระหว่าง ประชาธิปัตย์ ผ่านทาง สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ “เพื่อนเนวิน” เข้าตำรา ล้างแดงแล้วส่ง “น้ำเงิน” เข้าไปเสียบ นั่นแล !!