จับผิด “ท่านผู้หญิงวิระยา” อ้างโครงการ “เสื้อฟ้า” ไม่โกงแม้แต่บาทเดียว และไม่ได้ถูกไล่ออกจากวัง แต่มีหลักฐาน ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทำหนังสือถึงมหาดไทย ให้ยุติการบังคับซื้อเสื้อที่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้มีรายได้น้อย แฉปกป้อง “นช.แม้ว” มาตลอด อ้างอดีตนายกฯ ให้เงินบริจาคทุกครั้งที่ขอ ล่าสุดออกมาการันตีความจงรักภักดี ทั้งที่จาบจ้วงเบื้องสูงชัดเจน
กรณีที่ ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และตอนหนึ่งในการให้สัมภาษณ์ได้อ้างว่า โครงการเสื้อฟ้าที่ท่านผู้หญิงวิระยาทำขึ้นเมื่อปี 2547 นั้น ไม่ได้มีการโกงแต่อย่างใด และอ้างว่าไม่ได้ถูกไล่ออกจากวังตามที่มีการกล่าวหา อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว ท่านผู้หญิงวิระยาได้พูดเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่โครงการนี้มีการบีบบังคับให้ข้าราชการและพนักงานทุกระดับในกระทรวงมหาดไทยต้องซื้อเสื้อ ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างมาก จนข้าราชการและหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้ทำฎีการ้องทุกข์กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และกองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้มีหนังสือชี้แจงไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ยุติการจำหน่ายเสื้อด้วยวิธีการที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในที่สุด
รายละเอียดของเรื่องดังกล่าวปรากฏอยู่ในข่าว นสพ.มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 3 พ.ค. 47 ดังนี้
“สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ผ่านกองราชเลขานุการในพระองค์ถึงปลัดมหาดไทย-ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ให้ยุติการใช้วิธีจำหน่ายเสื้อปักอักษรพระนามาภิไธย “ส.ก.” ด้วยวิธีออกหนังสือเวียนให้ข้าราชการและพนักงานทุกระดับชั้นซื้อ เผยทรงเสียพระราชหฤทัยอย่างยิ่งหลังทรงทราบจากฎีการ้องทุกข์หลายฉบับระบุสร้างความเดือดร้อนกับผู้มีรายได้น้อย
รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สำนักราชเลขาฯได้มีหนังสือด่วนที่สุดลงวันที่ 26 เมษายน 2547 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งว่า กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้มีหนังสือชี้แจงไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 23 เมษายน เรื่องการจัดจำหน่ายเสื้อสีฟ้าปักอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. โดยส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวมาให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้ง
สำหรับหนังสือของกองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามโดยท่านผู้หญิง จรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื้อหาระบุว่า ข้าราชการและหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้ทำฎีการ้องทุกข์กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เรื่อง การจัดจำหน่ายเสื้อสีฟ้าของมูลนิธินพรัช-รัตนโกสินทร์ ราคาตัวละ 400 บาท พร้อมทั้งระบุรายละเอียดการจัดจำหน่าย ว่า มีหน่วยงาน 3 แห่ง คือ กระทรวงมหาดไทย ได้รับมา 1 ล้านตัว ธนาคารออมสิน 1 ล้านตัว และธนาคารกรุงไทยอีก 1 ล้านตัว
“โดยเฉพาะในหน่วยงานสังกัดของท่าน ได้ใช้การจัดจำหน่ายด้วยวิธีออกหนังสือเวียนให้ข้าราชการและนักงานทุกระดับชั้นซื้อ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างยิ่ง และได้ถูกเร่งให้จัดจำหน่ายให้เสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม 2547” หนังสือระบุ
หนังสือระบุต่อว่า มูลนิธินพรัช-รัตนโกสินทร์ โดยท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิ และเป็นประธานฝ่ายผลิตเสื้อยืดปักอักษรนามาภิไธย ส.ก.72 พรรษา ได้มีหนังสือขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดทำเสื้อดังกล่าวจำนวน 2 ล้านตัว ซึ่งได้รับพระราชานุญาต ทั้งนี้ การขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติต่างๆ เพื่อถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลนั้น มักได้รับพระราชทานพระราชานุญาตแทบทุกโครงการ โดยที่หวังพระราชหฤทัย ว่า การดำเนินโครงการจักเป็นไปโดยความถูกต้องเหมาะสม และไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน
“บัดนี้ความได้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เรื่องการจัดจำหน่ายเสื้อสีฟ้าปักอักษรพระนามาภิไธย ส.ก.โดยวิธีการดังกล่าวแล้วจากฎีกาหลายฉบับ ทำให้ทรงเสียพระราชหฤทัยยิ่ง จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้แจ้งมายังท่าน และผู้ที่เกี่ยวข้องให้หยุดวิธีจัดจำหน่ายซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทันที และขอให้วางจำหน่ายให้ประชาชนซื้อได้ตามความสมัครใจ” หนังสือของท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ระบุในที่สุด”
สำหรับ ท่านผู้หญิงวิระยา ถือว่ามีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มานาน โดยท่านผู้หญิงฯ เคยให้สัมภาษณ์ว่า รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่เป็นนายกรัฐมนตรี และถือว่าเป็นเพื่อนกันมาตลอด แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เป็นนายกฯ แล้วก็ตาม โดยท่านผู้หญิงฯ ให้เหตุผลว่า เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ บริจาคเงินช่วยการกุศลที่ท่านผู้หญิงฯ จัดขึ้นมาโดยตลอด และท่านผู้หญิงฯ ยินดีรับเงินนั้นไม่ว่าจะเป็นเงินบริสุทธิ์หรือไม่ก็ตาม ทั้งยังเหน็บแนมว่าคนที่มีเงินบริสุทธิ์ทำไมไม่เอาไปให้ท่านผู้หญิงฯ บ้าง
ล่าสุด หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาเคลื่อนไหวนำคนเสื้อแดงขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมีการโจมตีประธานองคมนตรีอย่างรุนแรง ซึ่งกระทบไปถึงสถาบันเบื้องสูง ท่านผู้หญิง วิระยา ได้ออกมาการันตีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความจงรักภักดี โดยอ้างว่ารู้ได้จากซิกซ์เซนส์ หรือสัญชาตญาณ และอ้างว่า เมื่อขอให้เงินมาช่วยการกุศล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ให้เงินมาทุกครั้ง ขณะเดียวกัน ท่านผู้หญิงฯ ก็เห็นด้วยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กล่าวโจมตีประธานองคมนตรีและองคมนตรีหลายท่านว่าอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย.โดยอ้างจากคำพูดของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นายทหารนอกราชการที่ไร้จุดยืนเท่านั้น
ทั้งนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เคยเปิดโปง ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ผ่านรายการ Good Morning Thailand ทาง เอเอสทีวี เมื่อเช้าวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ท่านผู้หญิงวิระยาได้ออกมาปกป้องนักโทษชายทักษิณอย่างสุดโต่งว่ามีความจงรักภักดี แสดงว่าทุกๆ เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน ท่านผู้หญิงวิระยาไม่ได้รับรู้ ไม่ได้ศึกษา ใช้แต่ Six Sense หรือ “สัญชาตญาณ” ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะท่านผู้หญิงวิระยา ชอบแอบอ้าง โอ้อวดว่าตัวเองใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท
นอกจากนี้ ท่านผู้หญิงวิระยายังเชื่อคำกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และองคมนตรีบางท่าน อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติวันที่ 19 ก.ย.49 โดยเชื่อคำพูดของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่อ้างว่ามีการวางแผนกันที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ซึ่งถ้าฟังคำพูดแค่นิ้แล้วเชื่อทันที ก์ถือว่าโง่ หรือไม่ก็เห็นแก่สมบัติ
นายสนธิระบุว่า ท่านผู้หญิองวิระยาน่าจะรู้ดีว่าไม่ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทอีกแล้ว และคนที่ดึงสถาบันกษัตริย์เข้ามาเล่นเพื่อตัวเองนั้นน่าจะเป็นท่านผู้หญิงฯ และนักโทษชายทักษิณมากกว่า และการที่ท่านผู้หญิงออกมาให้สัมภาษณ์การันตีว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความจงรักภักดีนั้นเป็นกระบวนการ โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นผู้สัมภาษณ์ และเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน เพื่อช่วยนักโทษชายทักษิณ อย่างชัดเจน มีการพูดกระทบกระทั่งไปถึงองคมนตรีว่า ถ้าไม่เป็นกลางทางการเมืองต้องลาออก และเป็นการให้สัมภาษณ์ หลังจาก พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ออกมากล่าวตำหนินักโทษชายทักษิณ คุณให้สัมภาษณ์ทันที เพื่อที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์
หลังจากนั้น วันที่ 6 เมษายน นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความของนักโทษชายทักษิณ ก็เอาหลักฐานการให้สัมภาษณ์ของท่านผู้หญิงไปให้ตำรวจเพื่อแก้ต่างว่าทักษิณ จงรักภักดี
นายสนธิได้ตั้งคำถามว่า ท่านผู้หญิงวิระยารับงานทักษิณ ชินวัตร มาใช่หรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2550 ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือคุณปลื้ม ได้สัมภาษณ์ท่านผู้หญิงฯ ด้วยการเปิดรับบริจาคทางโทรทัศน์เพื่อช่วยเหลือทหาร ตำรวจภาคใต้ วันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่เมืองนอก ได้โทร.มาบริจาคเงินในนามของตัวเอง และคุณหญิงพจมาน จำนวน 10 ล้านบาท แล้วคุณปลื้มถามว่า “จะรับไหม” ซึ่งท่านผู้หญิงวิระยาบอกว่ารับ และยังพูดต่อว่า “คนไหนว่าดี ทำไมไม่ช่วยอย่างนี้บ้างล่ะ” แสดงว่าท่านผู้หญิงวิระยา วัดความดีของคน และความจงรักภักดีที่เงินใช่หรือไม่ เพราะว่านักโทษชายทักษิณบริจาค 10 ล้าน จึงบอกว่าเป็นคนดีและจงรักภักดี โดยไม่สนใจว่าที่มาของเงินนั้นจะได้มาด้วยวิธีการที่สุจริตหรือไม่
นายสนธิกล่าวว่า กรณีท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล สามารถเชื่อมโยงให้เห็นว่า คนที่ใกล้ชิดกับสถาบัน หรือในวัง หรืออ้างว่าใกล้ชิดที่เห็นดีเห็นงามกับระบอบทักษิณ มีจำนวนมากพอสมควร เพราะระบอบทักษิณซื้อคนพวกนี้ไว้มาก หลายคนกินเงินเดือนระบอบทักษิณมาก่อน บางคนได้เดือนละ 5 แสน คนพวกนี้จะทำตัวเป็นสายลับอยู่ในวัง ใครเข้าเฝ้าฯ ก็จะรีบส่งข่าวให้รู้ จะรู้หมดทุกอย่าง ทำทุกอย่างเพื่อป้อนข่าว (อ่าน“สนธิ” ลากไส้ “วิระยา” อุ้ม “นช.แม้ว” แฉกำพืดแอบอ้างใกล้ชิดเบื้องสูง)
อนึ่ง หลังจากนายสนธิจัดรายการเปิดโปงท่านผู้หญิงวิระยาได้ 10 วัน นายสนธิก็ถูกลอบยิงด้วยอาวุธสงครามหลายชนิด ตอนเช้ามืดวันที่ 17 เม.ย. ขณะเดินทางไปจัดรายการ Good Morning Thailand ที่เอเอสทีวี