ASTVผู้จัดการรายวัน - สนธิ” แฉหลักฐานฝัง “แม้ว” ละเมิดพระราชอำนาจชัดเจน หลังเหลิงอำนาจจัดงานทำบุญประเทศในวัดพระแก้วโดยไม่ขอพระบรมราชานุญาต แถมยังสวมรองเท้า-นั่งในที่ไม่บังควร เชื่อ “นักโทษ” ยังอยู่ในกัมพูชา-จ่อหลบหนีเข้าไทยหวังนำ “กลุ่มแดงถ่อย” ล้มล้างประเทศ อัดยับ “ธงทอง” หางโผล่แสดงตัวเป็นทาสระบอบทักษิณ ท้าหากเป็นลูกผู้ชายจริง ต้องออกมาตอบโต้ “พล.อ.พิจิตร”
รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันที่ 6 เมษายน 2552 นี้ ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย โดยนายสนธิตั้งคำถามถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าจริงหรือไม่ที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ที่ประเทศกัมพูชา แล้วยังมีกระแสข่าวมีคนบางคนเอาเงินให้สมเด็จฯ ฮุนเซน จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อซื้ออาวุธข้ามชายแดน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามีความจงใจที่จะทำเกิดการปะทะกันที่ชายแดน เพื่อที่จะดึงทหารกองทัพภาคที่ 2 ขณะเดียวกันก็ต้องดึงกองกำลังจากกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งต้องรักษาความสงบใน กทม. ทำให้การป่วนเมืองในวันที่ 8 เม.ย.นี้จะได้ไม่มีทหารเข้าไปรักษาความสงบ
ปรากฏว่า นักโทษชายทักษิณออกมาตอบโต้ว่าผมพูดโกหก แต่ฮุนเซนก็ยังแทงกั๊กว่านักโทษชายทักษิณอยู่หรือไม่ แต่ขอให้เชื่อว่าอยู่แน่นอน ที่สำคัญฮุนเซนกำลังร่วมมือกับ
นักโทษชายทักษิณแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไทย และเพื่อแลกกับอะไรก็ไม่รู้ที่ตกลงกัน นอกจากนี้ ฮุนเซนกำลังก่อให้เกิด
ความร้าวฉานและแตกแยกในกลุ่มประเทศอาเซียน แต่การที่ฮุนเซนยอมให้นักโทษชายทักษิณเข้าประเทศ ถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะเรามีกฎหมายส่งผู้ร่ายข้ามแดนระหว่างประเทศกับเขมรอยู่
แสดงว่าฮุนเซนไม่จริงใจเลยแม้แต่นิดเดียว” นายสนธิ กล่าว
ส่วนกรณีที่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ และนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า นักโทษชายทักษิณจาบจ้วงสถาบันนั้น นายสนธิกล่าวว่า พล.อ.พิจิตร นั้นเคยแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีกับนายวีระ มุสิกพงศ์ จนถูกศาลสั่งจำคุกในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งในขณะนั้นเป็นลูกรักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ท้ายที่สุด พล.อ.เปรม ต้องออกมาช่วยเหลือโดยการวิ่งเต้นให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่ภายหลังนายวีระกลับด่านายเนวิน ชิดชอบ ว่าอกตัญญูต่อนักโทษชายทักษิณ จึงอยากเตือนนายวีระว่า ทำไมไม่ดูตัวเองบ้างว่าอกตัญญูต่อ พล.อ.เปรม หรือไม่ แล้วถ้า พล.อ.เปรม ไม่ช่วยจะมีปัญญาขึ้นไปยืนบนเวทีเสื้อแดงหรือไม่
นักโทษชายทักษิณยังอยู่ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งมีข่าวออกมาว่ามีการวางแผนจะเดินทางเข้าประเทศไทยที่ จ.หนองคาย เพื่อนำขบวนล้มล้างประเทศไทย ที่สำคัญมีนายทหารยศพลเอกใน คมช.คนหนึ่ง เป็นตัวกลางไปเจรจากับนักโทษชายทักษิณ เพียงเพราะอยากได้เงินส่วนแบ่งที่ยึดไป 76,000 ล้านบาท ที่สำคัญนักโทษชายทักษิณยังโยนเหยื่อออกมา โดยระบุว่า ใครก็ตามที่ทำให้เขาได้ทรัพย์คืนจะส่วนแบ่ง 20,000 ล้านบาท จากเงิน 76,000 ล้าน จึงมีการเริ่มกระบวนการเจรจากันทันที โดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด มีแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ คนเดียวเท่านั้นที่รู้เท่าทัน โดยให้สัมภาษณ์สวนทางกลับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ซึ่งมีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับนักโทษชายทักษิณ ตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. ที่สำคัญยังมีคนกลางคนหนึ่งเป็นตัวประสานงานซึ่งมีความสนิทสนมกับนางเยาวเรศ ชินวัตร ดังนั้น นายสุเทพจึงสามารถต่อสายถึงนักโทษชายทักษิณได้ตลอดเวลา” นายสนธิ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการประนีประนอม เพราะจะทำให้เห็นว่ารัฐบาลอ่อนแอเกินไป เนื่องจากขบวนการขบถเหล่านั้นต้องการที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์อย่างชัดเจน ฉะนั้นประชาธิปไตยของเสื้อแดง คือ ประชาธิปไตยของนักโทษชายทักษิณ ซึ่งพุ่งเป้าโจมตีไปยังองคมนตรี โดยเฉพาะ พล.อ.เปรม แต่ยังไม่มีใครเดินทางไปแจ้งความดำเนินติ่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆ ที่ในสมัยที่พันธมิตรฯ ต่อสู้มาอย่างยาวนานนั้นถูกตั้งข้อหากบฏ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติของตำรวจ ทั้งๆ ที่กลุ่มเสื้อแดงพูดอยู่ตลอดเวลาว่า จะทำสงครามประชาชน และยังประกาศว่าจะไปปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ฉะนั้น การประกาศดังกล่าวจึงมีเจตนาที่จะสร้างความวุ่นวายหรือเพื่อก่อขบถ ทำให้ความจริงต่างๆ เริ่มเปิดเผย
ตัวตนที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง และนักการเมืองบางคน โดยเฉพาะนายสุเทพ ซึ่งโผล่ตัวตนออกมา นอกจากนี้ยังมีท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจอาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ออกมาปกป้อง รับประกันนักโทษชายทักษิณว่าเป็นคนดี และจงรักภักดี โดยคุณหญิงวิระยานั้นมีความสนิทสนมกับนักโทษชายทักษิณมาตั้งแต่ในอดีต ที่สำคัญคุณหญิงวิระยายังเคยเป็นคนที่เคยใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ฉะนั้น ตอนนี้จึงมีบรรดาอีแอบเริ่มโผล่ตัวออกมาให้รู้ว่าใครเป็นใคร” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
ส่วนที่นักโทษชายทักษิณออกมาโจมตีว่า พล.อ.เปรม เป็นนายกฯ ที่มาจากการปฏิวัติ เป็นอมาตยาธิปไตยรุ่นเก่า ทำให้การเมืองล้าหลังนั้น นายสนธิกล่าวว่า นักโทษชายทักษิณเข้ามามีอำนาจทางการเมืองแบบไม่โปร่งใส เพราะ กกต.ช่วย นักโทษชายทักษิณ จนกระทั่งศาลพิพากษาจำคุก 3 หน้า 5 ห่วง เพราะมีพฤติกรรมช่วยนักโทษชายทักษิณ ซึ่งหลักฐานเช่นนี้ไม่มีใครกล้าออกมาพูด ที่สำคัญนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็ไม่ยอมให้ช่อง 9 หรือช่อง 11 ออกมาพูด
นายสนธิยังกล่าวถึงกรณีที่นักโทษชายทักษิณจัดงานทำบุญประเทศภายในวัดพระแก้วว่า ภายในวัดพระแก้วนั้น สถานที่ที่นักโทษชายทักษิณนั่งนั้น เป็นที่ที่พระมหากษัตริย์ต้องประทับ แถมยังใส่เสื้อแขนสั้น และยังสวมรองเท้าเข้าไปอีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ พล.อ.พิจิตร ออกมาทักท้วงว่านักโทษชายทักษิณจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งตนเป็นคนแรกที่เอาเรื่องดังกล่าวมาพูด ทั้งๆ ที่นักโทษชายทักษิณมีอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือ โดยตนรู้ดีว่าถ้าหากพูดก็จะได้จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่สื่ออื่นๆ หลบไปแอบรับเงินจากระบอบทักษิณ
ส่วนที่ นายธงทอง จันทราศุ อดีตประธานบริหาร อสมท ซึ่งถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกไปนั้น นายสนธิกล่าวว่า นายธงทองถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ หลังจากที่ตนพูดเรื่องการจัดงานในวัดพระแก้วของนักโทษชายทักษิณ โดยนายธงทองกล่าวหาว่าตนเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเล่น โดยระบุว่าเขามีประสบการณ์ มีความรู้ และมีการศึกษาในประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ และสิ่งที่ตนพูดออกมานั้น ไม่เป็นธรรมต่อสถาบัน เพราะเป็นสิ่งที่คนไทยหวงแหน และบูชา แต่จากนั้น 4 ปีให้หลัง พล.อ.พิจิตร ออกมาระบุว่านักโทษชายทักษิณกระทำการที่มิบังควร และล่วงละเมิดพระราชอำนาจกรณีจัดงานในวัดพระแก้ว รวมทั้งเรื่องที่นักโทษชายทักษิณ ระบุว่า หากในหลวงมากระซิบข้างหู ก็พร้อมที่จะลาออก
คำพูดที่ พล.อ.พิจิตร ระบุนั้น ชัดเจน จึงอยากถามว่าระหว่างนายธงทอง กับ พล.อ.พิจิตร นั้น ผู้ใดรับทราบความจริงในราชสำนักมากกว่ากัน อยากถามนายธงทองว่า ในฐานะที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในราชสำนักว่า เหตุใด พล.อ.พิจิตร จึงออกมาระบุว่าการกระทำของนักโทษชายทักษิณเป็นการมิบังควร และเป็นการอาจเอื้อม แล้วนายธงทองยังมากล่าวหาว่าผมเอาเรื่องการจัดงานที่วัดพระแก้วไปพูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2548 นั้น ไม่เป็นธรรมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วกลุ่มคนที่โจมตีสถาบันโดยเผยแพร่ใบปลิวโจมตีสถาบันกษัตริย์ รวมทั้งนายใจ อึ๊งภากรณ์ ที่ออกแถลงการณ์สยามแดงนั้น คุณไม่มีลิ้นจะพูดแล้วหรืออย่างไร หรือเพียงเพราะว่านักโทษชายทักษิณ ในขณะนั้นมีอำนาจ” นายสนธิ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ลึกๆ แล้ว นายธงทอง คือคนที่แอบสนับสนุนระบอบทักษิณ ใช่หรือไม่ ดังนั้น ขอเรียกร้องนายธงทองว่า ขอให้ช่วยชั่งน้ำหนักระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ กับระบอบทักษิณ เพราะตนมีหลักฐานการขออนุญาตการใช้วัดพระแก้ว ซึ่งมีการระบุอย่างชัดเจนว่าเพิ่งมีการยื่นเรื่องขออนุญาตก่อนใช้สถานที่เพียง 2 วัน ที่สำคัญตามประเพณีแล้ว ถ้ายังไม่มีพระบรมราชานุญาตแล้วจะไม่สามารถใช้วัดพระแก้วได้เลย แต่นายอาสา สารสิน นายแก้วขวัญ วัชโรทัย และนายวิษณุ เครืองาม ก็ออกมาช่วย กลับกัน ฝั่งนายสนธิไม่มีใครช่วย ซึ่งตนเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเพื่อแก้เคล็ดอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เป็นการทำบุญประเทศอย่างเด็ดขาด
“ผมเห็นว่านักโทษชายทักษิณกระทำการไม่สมควร และเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ จึงจำเป็นที่จะต้องเอาเรื่องดังกล่าวมาพูด ทั้งๆ ที่รู้ว่ารายการเมืองไทยรายสัปดาห์จะต้องถูกถอดออกไปอย่างแน่นอน เพราะผมเป็นสื่อมวลชนที่ไม่ทรยศต่อจิตวิญญาณของตัวเอง และในฐานะที่ผมเป็นพสกนิกรคนหนึ่ง คำถามมีอยู่ว่าทำไมนายวิษณุถึงไม่ออกมาชี้แจงหลังจากจัดงานไปแล้วถึง 4 เดือน นั่นเป็นเพราะนักโทษชายทักษิณมีอำนาจยิ่งใหญ่มากในขณะนั้น จึงอยากจะฝากไปถึงนายธงทองว่า หากคิดว่าใกล้ชิดราชสำนักมากกว่า พล.อ.พิจิตร ขอให้ช่วยออกมาตำหนิ พล.อ.พิจิตร อย่าทำเป็นใบ้ และอย่ามาเล่นกับผม และอย่าลืมว่าคุณพูดอะไรไว้ ผมจะตามล้างตามเช็ดคุณตลอดเวลา ที่สำคัญขอท้าทายว่า วันนี้ พล.อ.พิจิตร ออกมากล่าวสวนทางกับที่นายธงทองพูด ซึ่งถ้านายธงทองคิดว่าเป็นฝ่ายถูกก็ต้องออกมาตอบโต้ พล.อ.พิจิตร ถึงจะเป็นลูกผู้ชาย หรือจริงๆ แล้วนายธงทองไม่ใช่ลูกผู้ชาย” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันที่ 6 เมษายน 2552 นี้ ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย โดยนายสนธิตั้งคำถามถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าจริงหรือไม่ที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ที่ประเทศกัมพูชา แล้วยังมีกระแสข่าวมีคนบางคนเอาเงินให้สมเด็จฯ ฮุนเซน จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อซื้ออาวุธข้ามชายแดน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามีความจงใจที่จะทำเกิดการปะทะกันที่ชายแดน เพื่อที่จะดึงทหารกองทัพภาคที่ 2 ขณะเดียวกันก็ต้องดึงกองกำลังจากกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งต้องรักษาความสงบใน กทม. ทำให้การป่วนเมืองในวันที่ 8 เม.ย.นี้จะได้ไม่มีทหารเข้าไปรักษาความสงบ
ปรากฏว่า นักโทษชายทักษิณออกมาตอบโต้ว่าผมพูดโกหก แต่ฮุนเซนก็ยังแทงกั๊กว่านักโทษชายทักษิณอยู่หรือไม่ แต่ขอให้เชื่อว่าอยู่แน่นอน ที่สำคัญฮุนเซนกำลังร่วมมือกับ
นักโทษชายทักษิณแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไทย และเพื่อแลกกับอะไรก็ไม่รู้ที่ตกลงกัน นอกจากนี้ ฮุนเซนกำลังก่อให้เกิด
ความร้าวฉานและแตกแยกในกลุ่มประเทศอาเซียน แต่การที่ฮุนเซนยอมให้นักโทษชายทักษิณเข้าประเทศ ถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะเรามีกฎหมายส่งผู้ร่ายข้ามแดนระหว่างประเทศกับเขมรอยู่
แสดงว่าฮุนเซนไม่จริงใจเลยแม้แต่นิดเดียว” นายสนธิ กล่าว
ส่วนกรณีที่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ และนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า นักโทษชายทักษิณจาบจ้วงสถาบันนั้น นายสนธิกล่าวว่า พล.อ.พิจิตร นั้นเคยแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีกับนายวีระ มุสิกพงศ์ จนถูกศาลสั่งจำคุกในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งในขณะนั้นเป็นลูกรักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ท้ายที่สุด พล.อ.เปรม ต้องออกมาช่วยเหลือโดยการวิ่งเต้นให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่ภายหลังนายวีระกลับด่านายเนวิน ชิดชอบ ว่าอกตัญญูต่อนักโทษชายทักษิณ จึงอยากเตือนนายวีระว่า ทำไมไม่ดูตัวเองบ้างว่าอกตัญญูต่อ พล.อ.เปรม หรือไม่ แล้วถ้า พล.อ.เปรม ไม่ช่วยจะมีปัญญาขึ้นไปยืนบนเวทีเสื้อแดงหรือไม่
นักโทษชายทักษิณยังอยู่ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งมีข่าวออกมาว่ามีการวางแผนจะเดินทางเข้าประเทศไทยที่ จ.หนองคาย เพื่อนำขบวนล้มล้างประเทศไทย ที่สำคัญมีนายทหารยศพลเอกใน คมช.คนหนึ่ง เป็นตัวกลางไปเจรจากับนักโทษชายทักษิณ เพียงเพราะอยากได้เงินส่วนแบ่งที่ยึดไป 76,000 ล้านบาท ที่สำคัญนักโทษชายทักษิณยังโยนเหยื่อออกมา โดยระบุว่า ใครก็ตามที่ทำให้เขาได้ทรัพย์คืนจะส่วนแบ่ง 20,000 ล้านบาท จากเงิน 76,000 ล้าน จึงมีการเริ่มกระบวนการเจรจากันทันที โดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด มีแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ คนเดียวเท่านั้นที่รู้เท่าทัน โดยให้สัมภาษณ์สวนทางกลับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ซึ่งมีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับนักโทษชายทักษิณ ตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. ที่สำคัญยังมีคนกลางคนหนึ่งเป็นตัวประสานงานซึ่งมีความสนิทสนมกับนางเยาวเรศ ชินวัตร ดังนั้น นายสุเทพจึงสามารถต่อสายถึงนักโทษชายทักษิณได้ตลอดเวลา” นายสนธิ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการประนีประนอม เพราะจะทำให้เห็นว่ารัฐบาลอ่อนแอเกินไป เนื่องจากขบวนการขบถเหล่านั้นต้องการที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์อย่างชัดเจน ฉะนั้นประชาธิปไตยของเสื้อแดง คือ ประชาธิปไตยของนักโทษชายทักษิณ ซึ่งพุ่งเป้าโจมตีไปยังองคมนตรี โดยเฉพาะ พล.อ.เปรม แต่ยังไม่มีใครเดินทางไปแจ้งความดำเนินติ่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆ ที่ในสมัยที่พันธมิตรฯ ต่อสู้มาอย่างยาวนานนั้นถูกตั้งข้อหากบฏ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติของตำรวจ ทั้งๆ ที่กลุ่มเสื้อแดงพูดอยู่ตลอดเวลาว่า จะทำสงครามประชาชน และยังประกาศว่าจะไปปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ฉะนั้น การประกาศดังกล่าวจึงมีเจตนาที่จะสร้างความวุ่นวายหรือเพื่อก่อขบถ ทำให้ความจริงต่างๆ เริ่มเปิดเผย
ตัวตนที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง และนักการเมืองบางคน โดยเฉพาะนายสุเทพ ซึ่งโผล่ตัวตนออกมา นอกจากนี้ยังมีท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจอาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ออกมาปกป้อง รับประกันนักโทษชายทักษิณว่าเป็นคนดี และจงรักภักดี โดยคุณหญิงวิระยานั้นมีความสนิทสนมกับนักโทษชายทักษิณมาตั้งแต่ในอดีต ที่สำคัญคุณหญิงวิระยายังเคยเป็นคนที่เคยใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ฉะนั้น ตอนนี้จึงมีบรรดาอีแอบเริ่มโผล่ตัวออกมาให้รู้ว่าใครเป็นใคร” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
ส่วนที่นักโทษชายทักษิณออกมาโจมตีว่า พล.อ.เปรม เป็นนายกฯ ที่มาจากการปฏิวัติ เป็นอมาตยาธิปไตยรุ่นเก่า ทำให้การเมืองล้าหลังนั้น นายสนธิกล่าวว่า นักโทษชายทักษิณเข้ามามีอำนาจทางการเมืองแบบไม่โปร่งใส เพราะ กกต.ช่วย นักโทษชายทักษิณ จนกระทั่งศาลพิพากษาจำคุก 3 หน้า 5 ห่วง เพราะมีพฤติกรรมช่วยนักโทษชายทักษิณ ซึ่งหลักฐานเช่นนี้ไม่มีใครกล้าออกมาพูด ที่สำคัญนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็ไม่ยอมให้ช่อง 9 หรือช่อง 11 ออกมาพูด
นายสนธิยังกล่าวถึงกรณีที่นักโทษชายทักษิณจัดงานทำบุญประเทศภายในวัดพระแก้วว่า ภายในวัดพระแก้วนั้น สถานที่ที่นักโทษชายทักษิณนั่งนั้น เป็นที่ที่พระมหากษัตริย์ต้องประทับ แถมยังใส่เสื้อแขนสั้น และยังสวมรองเท้าเข้าไปอีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ พล.อ.พิจิตร ออกมาทักท้วงว่านักโทษชายทักษิณจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งตนเป็นคนแรกที่เอาเรื่องดังกล่าวมาพูด ทั้งๆ ที่นักโทษชายทักษิณมีอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือ โดยตนรู้ดีว่าถ้าหากพูดก็จะได้จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่สื่ออื่นๆ หลบไปแอบรับเงินจากระบอบทักษิณ
ส่วนที่ นายธงทอง จันทราศุ อดีตประธานบริหาร อสมท ซึ่งถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกไปนั้น นายสนธิกล่าวว่า นายธงทองถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ หลังจากที่ตนพูดเรื่องการจัดงานในวัดพระแก้วของนักโทษชายทักษิณ โดยนายธงทองกล่าวหาว่าตนเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเล่น โดยระบุว่าเขามีประสบการณ์ มีความรู้ และมีการศึกษาในประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ และสิ่งที่ตนพูดออกมานั้น ไม่เป็นธรรมต่อสถาบัน เพราะเป็นสิ่งที่คนไทยหวงแหน และบูชา แต่จากนั้น 4 ปีให้หลัง พล.อ.พิจิตร ออกมาระบุว่านักโทษชายทักษิณกระทำการที่มิบังควร และล่วงละเมิดพระราชอำนาจกรณีจัดงานในวัดพระแก้ว รวมทั้งเรื่องที่นักโทษชายทักษิณ ระบุว่า หากในหลวงมากระซิบข้างหู ก็พร้อมที่จะลาออก
คำพูดที่ พล.อ.พิจิตร ระบุนั้น ชัดเจน จึงอยากถามว่าระหว่างนายธงทอง กับ พล.อ.พิจิตร นั้น ผู้ใดรับทราบความจริงในราชสำนักมากกว่ากัน อยากถามนายธงทองว่า ในฐานะที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในราชสำนักว่า เหตุใด พล.อ.พิจิตร จึงออกมาระบุว่าการกระทำของนักโทษชายทักษิณเป็นการมิบังควร และเป็นการอาจเอื้อม แล้วนายธงทองยังมากล่าวหาว่าผมเอาเรื่องการจัดงานที่วัดพระแก้วไปพูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2548 นั้น ไม่เป็นธรรมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วกลุ่มคนที่โจมตีสถาบันโดยเผยแพร่ใบปลิวโจมตีสถาบันกษัตริย์ รวมทั้งนายใจ อึ๊งภากรณ์ ที่ออกแถลงการณ์สยามแดงนั้น คุณไม่มีลิ้นจะพูดแล้วหรืออย่างไร หรือเพียงเพราะว่านักโทษชายทักษิณ ในขณะนั้นมีอำนาจ” นายสนธิ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ลึกๆ แล้ว นายธงทอง คือคนที่แอบสนับสนุนระบอบทักษิณ ใช่หรือไม่ ดังนั้น ขอเรียกร้องนายธงทองว่า ขอให้ช่วยชั่งน้ำหนักระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ กับระบอบทักษิณ เพราะตนมีหลักฐานการขออนุญาตการใช้วัดพระแก้ว ซึ่งมีการระบุอย่างชัดเจนว่าเพิ่งมีการยื่นเรื่องขออนุญาตก่อนใช้สถานที่เพียง 2 วัน ที่สำคัญตามประเพณีแล้ว ถ้ายังไม่มีพระบรมราชานุญาตแล้วจะไม่สามารถใช้วัดพระแก้วได้เลย แต่นายอาสา สารสิน นายแก้วขวัญ วัชโรทัย และนายวิษณุ เครืองาม ก็ออกมาช่วย กลับกัน ฝั่งนายสนธิไม่มีใครช่วย ซึ่งตนเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเพื่อแก้เคล็ดอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เป็นการทำบุญประเทศอย่างเด็ดขาด
“ผมเห็นว่านักโทษชายทักษิณกระทำการไม่สมควร และเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ จึงจำเป็นที่จะต้องเอาเรื่องดังกล่าวมาพูด ทั้งๆ ที่รู้ว่ารายการเมืองไทยรายสัปดาห์จะต้องถูกถอดออกไปอย่างแน่นอน เพราะผมเป็นสื่อมวลชนที่ไม่ทรยศต่อจิตวิญญาณของตัวเอง และในฐานะที่ผมเป็นพสกนิกรคนหนึ่ง คำถามมีอยู่ว่าทำไมนายวิษณุถึงไม่ออกมาชี้แจงหลังจากจัดงานไปแล้วถึง 4 เดือน นั่นเป็นเพราะนักโทษชายทักษิณมีอำนาจยิ่งใหญ่มากในขณะนั้น จึงอยากจะฝากไปถึงนายธงทองว่า หากคิดว่าใกล้ชิดราชสำนักมากกว่า พล.อ.พิจิตร ขอให้ช่วยออกมาตำหนิ พล.อ.พิจิตร อย่าทำเป็นใบ้ และอย่ามาเล่นกับผม และอย่าลืมว่าคุณพูดอะไรไว้ ผมจะตามล้างตามเช็ดคุณตลอดเวลา ที่สำคัญขอท้าทายว่า วันนี้ พล.อ.พิจิตร ออกมากล่าวสวนทางกับที่นายธงทองพูด ซึ่งถ้านายธงทองคิดว่าเป็นฝ่ายถูกก็ต้องออกมาตอบโต้ พล.อ.พิจิตร ถึงจะเป็นลูกผู้ชาย หรือจริงๆ แล้วนายธงทองไม่ใช่ลูกผู้ชาย” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว