ASTVผู้จัดการรายวัน- กระทรวงอุตสาหกรรมยังคงรอคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนคุมมลพิษมาบตาพุดโดยเฉพาะอีไอเอจะเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไร ในหลักการ หลังนักลงทุนกังวลและถามมากสุด ให้ตอบเป็นลายลักษณ์อักษรหวังนำไปโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน
นายสรยุทธ์ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษที่มาบตาพุด จ.ระยองนั้นหลักการกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่ขณะนี้ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ทำหนังสือถึงกรมควบคุมมลพิษและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วเพื่อขอให้ทำหนังสือตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับหลักการ ระยะเวลา ขั้นตอนของรายงานผลวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอเพื่อจะนำไปโรดโชว์ยืนยันให้กับนักลงทุนซึ่งหากได้รับคำตอบที่เร็วก็จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นน้อยลง
“ เราแจ้งนายกรัฐมนตรีผ่านเวทีคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชนหรือกรอ.แล้วขอเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหนังสือมาเลยเพื่อที่จะไปบอกนักลงทุน เพราะไม่ใช่ว่าเราไปบอกอย่างหนึ่งถึงเวลาจริงกลับไม่ใช่อีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะสิ่งที่นักลงทุนถามมาค่อนข้างมากขอหลักการก่อนว่าการทำอีไอเอนั้นจะเปลี่ยนหรือไม่ ขั้นตอนเป็นอย่างไรต้องผ่านหน่วยงานในระดับภูมิภาคหรือไม่ ระยะเวลาที่จะใช้ในการผ่านอีไอเอมากน้อยเพียงใด ซึ่งก็กำลังรอคำตอบอยู่“นายสรยุทธ์กล่าว
นายประสาน ตันประเสริฐ ประธานคณะกรรมการบริหารการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)กล่าวว่าคงต้องรอการประกาศเขตควบคุมมลพิษจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติหลังจากนั้นจะต้องติดตามการจัดทำแผนสิ่งแวดล้อมจากชุมนุมซึ่งก็จะสามารถเทียบได้กับอีไอเอว่าจะเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่หากใกล้เคียงของเดิมคงไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นแต่หากไม่ชัดเจนก็จะส่งผลกระทบได้
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการร่างกรอบแผนการจัดการด้านมลพิษซึ่งเร็วๆ นี้คงจะเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็น อย่างไรก็ตามการประกาศเขตควบคุมจะต้องรอให้นายกฯเป็นคนลงนามซึ่งตามกำหนดหลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งครบ 60 วันคือวันที่ 3 พ.ค.นี้
“ เอกชนก็ยังรอคำตอบอยู่เพราะยังไม่แน่ใจว่าท้ายสุดแล้วแผนการจัดการด้านมลพิษที่เคยทำไว้ในอดีตซึ่งเอกชนได้ลงทุนไปแล้วระดับ 1 หมื่นล้านบาทและเหลือที่จะลงทุนอีก 7,000 ล้านบาทจะมีการเปลี่ยนแปลงแผนนี้หรือไม่ อย่างไร แต่หลักการเอกชนเห็นว่าแผนนี้เป็นระดับชาติมีหน่วยงานทุกฝ่ายเข้าร่วมจึงควรจะสานต่อจากจุดนี้”นายพยุงศักดิ์กล่าว
นายสรยุทธ์ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษที่มาบตาพุด จ.ระยองนั้นหลักการกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่ขณะนี้ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ทำหนังสือถึงกรมควบคุมมลพิษและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วเพื่อขอให้ทำหนังสือตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับหลักการ ระยะเวลา ขั้นตอนของรายงานผลวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอเพื่อจะนำไปโรดโชว์ยืนยันให้กับนักลงทุนซึ่งหากได้รับคำตอบที่เร็วก็จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นน้อยลง
“ เราแจ้งนายกรัฐมนตรีผ่านเวทีคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชนหรือกรอ.แล้วขอเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหนังสือมาเลยเพื่อที่จะไปบอกนักลงทุน เพราะไม่ใช่ว่าเราไปบอกอย่างหนึ่งถึงเวลาจริงกลับไม่ใช่อีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะสิ่งที่นักลงทุนถามมาค่อนข้างมากขอหลักการก่อนว่าการทำอีไอเอนั้นจะเปลี่ยนหรือไม่ ขั้นตอนเป็นอย่างไรต้องผ่านหน่วยงานในระดับภูมิภาคหรือไม่ ระยะเวลาที่จะใช้ในการผ่านอีไอเอมากน้อยเพียงใด ซึ่งก็กำลังรอคำตอบอยู่“นายสรยุทธ์กล่าว
นายประสาน ตันประเสริฐ ประธานคณะกรรมการบริหารการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)กล่าวว่าคงต้องรอการประกาศเขตควบคุมมลพิษจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติหลังจากนั้นจะต้องติดตามการจัดทำแผนสิ่งแวดล้อมจากชุมนุมซึ่งก็จะสามารถเทียบได้กับอีไอเอว่าจะเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่หากใกล้เคียงของเดิมคงไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นแต่หากไม่ชัดเจนก็จะส่งผลกระทบได้
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการร่างกรอบแผนการจัดการด้านมลพิษซึ่งเร็วๆ นี้คงจะเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็น อย่างไรก็ตามการประกาศเขตควบคุมจะต้องรอให้นายกฯเป็นคนลงนามซึ่งตามกำหนดหลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งครบ 60 วันคือวันที่ 3 พ.ค.นี้
“ เอกชนก็ยังรอคำตอบอยู่เพราะยังไม่แน่ใจว่าท้ายสุดแล้วแผนการจัดการด้านมลพิษที่เคยทำไว้ในอดีตซึ่งเอกชนได้ลงทุนไปแล้วระดับ 1 หมื่นล้านบาทและเหลือที่จะลงทุนอีก 7,000 ล้านบาทจะมีการเปลี่ยนแปลงแผนนี้หรือไม่ อย่างไร แต่หลักการเอกชนเห็นว่าแผนนี้เป็นระดับชาติมีหน่วยงานทุกฝ่ายเข้าร่วมจึงควรจะสานต่อจากจุดนี้”นายพยุงศักดิ์กล่าว
